ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 974
หลังจากพูดจบ พานปู้ถิงก็เงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง แล้วเดินผ่านไป๋ยี่เฟยไป
เป็นไปตามคาดหลิวโก๋จงได้ยินเรื่องนี้ เขาหันกลับมาแล้วจ้องมองไปที่ไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็เดินต่อไปข้างหน้า
ตลอดการสนทนาไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว เขาเดินเข้าไปกดลิฟต์อย่างเงียบๆ
หยุนอิงเดินตามเข้าไป เธอเอียงศีรษะแล้วพูดว่า“ไอ้งั่งนั่นน่ารำคาญจัง ให้ฉันช่วยคุณฆ่าเขาไหม ครั้งนี้จะถือว่าเป็นของกำนัลสำหรับเพื่อน ไม่คิดเงินนะ”
“ไม่จำเป็น”ไป๋ยี่เฟยตอบกลับอย่างเรียบเฉย
หลังจากที่กลับเข้าไปในรถ ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้ขับรถจากไปไหน เขาทำเพียงแค่นั่งอยู่บนที่นั่งของคนขับแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
หยุนอิงนั่งพิงอยู่เบาะหลัง เธอกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้เร่งเร้าให้ไป๋ยี่เฟยขับรถออกไป แต่เธอกลับพูดแซวขึ้นมาว่า“ที่แท้นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมการฝึกฝนของแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือของพวกคุณถึงต่ำสินะ!”
“เวลาส่วนมากเอาไปใช้กับเรื่องรักๆใคร่ๆ เสียเวลาฝึกซ้อมไปเปล่าๆ”
ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดยังไงอย่างงั้นเลย และไม่ได้สนใจเธอ
ตอนนี้เธอกำลังคิดว่า เหตุใดหลิวเสี่ยวอิงถึงได้พูดกับเขาแบบนั้น?
ถ้าพ่อแม่ของเธอไม่ยอมรับ ไป๋ยี่เฟยก็คิดว่ามันเป็นปกติ ทว่าแม้แต่หลิวเสี่ยวอิงยังไม่ยอมรับ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเสียใจมาก
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พานปู้ถิงก็เดินออกมาจากโรงแรม เขาเดินไปที่ข้างหน้ารถของไป๋ยี่เฟย ด้วยสีหน้าท่าทางเย่อหยิ่งแล้วเสียบการ์ดแต่งงานของเขาไว้ที่ปัดน้ำฝน
หลังจากนั้นเขาก็เคาะหน้าต่างรถข้างที่ไป๋ยี่เฟยนั่ง
ไป๋ยี่เฟยได้สติจากภวังค์ความคิดของตัวเอง หลังจากที่มองเขาอย่างเรียบเฉยก็ลดหน้าต่างรถลงมา
พานปู้ถิงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความได้ใจ“การ์ดแต่งงานฉันให้นายแล้วนะ เชิญนายร่วมดื่มฉลองยินดีกับงานมงคลของฉันกับหลิวเสี่ยวอิงด้วย มะรืนต้องมาให้ได้นะ!”
ใบหน้าของไป๋ยี่เฟยไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขาพูดอย่างเรียบเฉย“ฉันไม่สนใจงานแต่งของนาย”
ในความเป็นจริงแล้วหัวใจของไป๋ยี่เฟยรู้สึกเจ็บปวดมาก
พานปู้ถิงแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า“ถ้านายไม่มาจะน่าเบื่อแค่ไหน?กว่าฉันจะแย่งเสี่ยวอิงมาได้ไม่ง่ายเลยนะ ช่วงเวลาดีๆแบบนี้ นายต้องมาเป็นพยานหน่อยสิ ไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้น เขาจึงหรุบตาลง เพื่อปิดบังรังสีอาฆาตที่แวบเข้ามาในแววตา
พานปู้ถิงไม้ได้มองเห็น ท่าทีของเขายังคงได้ใจ“ลองคิดดูสิ ไป๋ยี่เฟยเถ้าแก่ของเฟยเสว่กรุ๊ป เป็นคนมีชื่อเสียงใหญ่โตของเต่าหลัน แต่ฉันกลับแย่งเสี่ยวอิงมาจากมือของนาย ฮ่าๆๆ……”
“ไป๋ยี่เฟย มะรืนงานแต่งของฉันกับเสี่ยวอิง จะจัดที่โรงแรมเทียนเป่ย ตอนนี้ฉันจองห้องหอเรียบร้อยแล้ว เป็นห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทเหมือนกัน แต่ฉันให้คนจัดเตรียมการตกแต่งเป็นพิเศษ ”
“ผ้าปูที่นอนและผ้านวมสีแดง ด้านบนโรยไปด้วยดอกกุหลาบสีชมพู ในห้องน้ำฉันก็ให้คนจัดเตรียมการ อ่างอาบน้ำเป็นสีชมพู และเตรียมดอกกุหลาบไว้ด้วย”
“รองานแต่งจบลง ฉันก็จะได้ลงอ่างอาบน้ำจู๋จี๋กัน หลังจากอาบน้ำจู๋จี๋กันเสร็จ ค่อยๆเพลิดเพลินกับหุ่นอันเย้ายวนใจน่าดึงดูของเสี่ยวอิง บนเตียงใหญ่นั่น ให้เธออยู่ใต้ร่างของฉัน……”
“ปึ้ง!”
คำพูดเหล่านี้ไปกระตุ้นต่อมของไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยไม่อาจทนได้อีกต่อไป
เขาถีบประตูรถออกไป และพานปู้ถิงยืนอยู่ด้านหน้าของประตูรถพอดี พอประตูรถเปิดออก เขาก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป ล้มหงายหลังขาชี้ฟ้า
ไป๋ยี่เฟยถูกคำพูดเหล่านั้นกระตุ้นอารมณ์ของเขาแล้วจริงๆ ภาพเหล่านั้นเขาไม่กล้าแม้แต่จะนึกคิด ตอนนี้เขาอยากฆ่าไอ้หมอนี่ทิ้งซะ
“นายรนหาที่ตายเองนะ!”
ไป๋ยี่เฟยลงจากรถด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว หิ้วพานปู้ถิงไว้ กำหมัดแน่นอยากจะชกเขา
แต่แล้วพานปู้ถิงไม่กลัวแม้แต่น้อย กระทั่งยังยิ้มแปลกๆให้เขาอีกด้วย
ไป๋ยี่เฟยถึงกับตกตะลึง
วินาทีต่อมา ทันใดนั้นพานปู้ถิงก็ตะโกนเสียงดัง“ใครก็ได้ ช่วยด้วยครับ มีคนจะฆ่าผมครับ!”
ต่อมา ด้านหลังของไป๋ยี่เฟยก็มีเสียงดังลอดขึ้นมา“หยุดนะ!”
ไป๋ยี่เฟยหันกลับไปดู เห็นหลิวโก๋จงพ่อแม่ลูกสามคนทั้งครอบครัวปรากฏขึ้นที่หน้าประตูของโรงแรม
เวลานี้เอง พานปู้ถิงยังคงแหกปากร้องโวยวาย“เสี่ยวอิง ตอนแรกผมแค่อยากเอาการ์ดแต่งงานมาให้เขา ใครจะไปรู้ว่าเขาจะฆ่าผม ช่วยผมด้วยครับช่วยผมด้วย!”
อู๋หยุนที่เห็นเหตุการณ์แบบนั้นจึงด่ากราดไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธ“ไป๋ยี่เฟย แกรีบปล่อยเขานะ!”
แต่วินาทีที่ไป๋ยี่เฟยเห็นหลิวเสี่ยวอิงนั้น ราวกับว่าเขาถูกตรึงไว้ก็ไม่ปาน ไม่ขยับเขยื้อน
ใบหน้าของหลิวโก๋จงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาพูดกับหลิวเสี่ยวอิงว่า“ลูกดูสิผู้ชายที่ลูกชอบเป็นคนแบบไหน?ตระหนี่ถี่เหนียว และหยาบคายขนาดไหน!”
เพราะไป๋ยี่เฟยไม่ยอมปล่อยมือ อู๋หยุนจึงรีบดึงหลิวเสี่ยวอิงไว้แล้วพูดอย่างกระวนกระวายว่า“เสี่ยวอิง ลูกรีบบอกให้เขาปล่อยมือสิ!”
ไป๋ยี่เฟยเอาแต่จ้องหลิวเสี่ยวอิงอยู่อย่างนั้น จ้องดวงตาของเธอ เขามองเห็นนัยน์ตาของหลิวเสี่ยวอิงทำอะไรไม่ได้ในส่วนลึกในแววตาของเธอยังซ่อนความเสียใจเอาไว้
แต่หลิวเสี่ยวอิงกลับพูดว่า“คุณไป๋คะ คุณได้โปรดปล่อยมือเถอะค่ะ”
หัวใจของไป๋ยี่เฟยเจ็บปวดรวดร้าว
ปล่อยมือที่หลิวเสี่ยวอิงพูดถึงคือให้เขาปล่อยมือจากพานปู้ถิง หรือให้เขาปล่อยความรู้สึกระหว่างพวกเขา?
แต่แล้วไป๋ยี่เฟยกลับไม่ยอม เขาถามไปว่า“เพราะอะไร?ผมอยากได้เหตุผลมาหนึ่งข้อ?”
“ไม่มีเหตุผลอะไรค่ะ”สายตาของหลิวเสี่ยวอิงเฉยเมย น้ำเสียงเย็นชา
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างร้อนรน“แล้วเมื่อก่อนเรา……”
หลิวเสี่ยวอิงตัดบทเขาแล้วพูดขึ้นมาว่า“เรื่องของเมื่อก่อนปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ”
“ผ่านไป?”ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเยาะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆปล่อยมือ
พานปู้ถิงล้มลงกองกับพื้นอีกครั้ง ด้วยหงายหลังชี้ฟ้าเช่นกัน
แต่เขาไม่ใส่ใจ กลับกันยังหัวเราะเสียงดังใส่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่หลิวเสี่ยวอิงอย่างลึกซึ้ง หันหลังใช้กำปั้นทุบไปบนรถของเขาที่อยู่ข้างๆอย่างจัง
“ปึ้ง!”
รถของเขาถูกทุบจนเป็นหลุม
แต่เขาไม่ได้ใช้พลังอ้านจิ้ง มือของเขาเลยทุบจนมีเลือดไหลออกมา
เวลานี้เอง หยุนอิงลดกระจกรถลง มือข้างหนึ่งกุมศีรษะของตัวเองไว้ อีกด้านก็ใช้นิ้วชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยที่หันหลังไปไกลแล้วพลางตะโกนขึ้นมาว่า“คุณจะทำอะไรน่ะ?”
เพียงแต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเธอ เขาก้าวเดินจากไปทีละก้าว
หลิวเสี่ยวอิงมองแผ่นหลังของเขารวมถึงเลือดที่ยังคงไหลออกจากมือ ร่างกายและหัวใจสั่นสะท้าน เกือบจะล้มพับ
โชคดีที่อู๋หยุนประคองไว้“เสี่ยวอิง ลูกเป็นอะไร?”
แต่หลิวโก๋จงกลับตกใจกับกำปั้นของไป๋ยี่เฟยอยู่
หยุนอิงที่อยู่บนรถรู้สึกดูถูกพานปู้ถิงและทั้งครอบครัวของหลิวเสี่ยวอิงมาก เธอลงจากรถแล้ววิ่งตามไป๋ยี่เฟยไป
……
หลังจากที่หยุนอิงตามไป๋ยี่เฟยทัน เธอก็พูดบ่นด้านหลังของเขาไม่หยุด“ทำไมคุณถึงเชื่อฟังขนาดนี้ล่ะ?”
“ให้คุณปล่อยมือคุณก็ยอมปล่อยเนี่ยนะ?”
“ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ยิ่งพวกเขาแหกปากดังเท่าไร ฉันจะยิ่งลงมือเร็วเท่านั้น”
“ฉันจะชก……”
ไป๋ยี่เฟยไม่อาจทนเสียงบ่นของหยุนอิงที่ดังไม่หยุดได้ เขาจึงหันกลับไปแล้วตะคอกใส่เธอ“เธอแม่งหยุดตามฉันมาได้ไหม?”
หยุนอิงคิดไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยจะตะคอกใส่เธอ เธอตกใจมาก จากนั้นก็พูดอย่างโมโหว่า“คุณเป็นบ้าอะไรห้ะ?ฉันกำลังช่วยนายพูดอยู่เนี่ย คุณยังจะตะคอกใส่ฉันอีก?”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างโมโห“ผมไม่ต้องการ ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย อย่าตามผมมา!”
“คุณคิดว่าฉันอยากตามไอ้งั่งอย่างนายรึไง?”
“งั้นเธอก็อย่าตามมาสิ รีบไสหัวไปซะ!”
“……ได้ วันนี้ฉันยุ่งเรื่องของนายมากไป!ฉันแม่งจะไม่เถียงกับไอ้งั่งอย่างคุณ ไปก็ได้!”
ทั้งสองทะเลาะกันใหญ่โต ดึงดูผู้คนจำนวนมาก แต่สุดท้ายหยุนอิงก็เบียดฝ่าฝูงชนออกมา แล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
มีคนบางคนในฝูงชนไม่อาจทนดูต่อไปได้อีก จึงเริ่มตำหนิไป๋ยี่เฟย“คุณเป็นแฟนยังไงกันเนี่ย เด็กผู้หญิงน่ารักขนาดนี้ ยังจะพูดแบบนั้นออกไปอีก?”
“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าผมมีแฟนสวยขนาดนี้นะ ทะเลาะกับเธอไม่ลงแน่?”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจคนเหล่านั้น เขาหันหลังอยากจะเดินจากไป
แต่ในตอนที่เขาจะหันหลังนั้น จู่ๆเขาก็ได้กลิ่นแปลกๆ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตกใจมาก เขารีบกลั้นหายใจ ในขณะเดียวกันก็มองไปที่ทิศทางที่กลิ่นลอยมา
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆก็มีมือข้างหนึ่งตบแขนเขาเบาๆ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกชาไปทั้งแขนในทันที
ในขณะเดียวกัน เขามองเห็นเงาร่างหนึ่ง วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว