ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 978
พอได้ยินดังนั้น ไป๋ยี่เฟยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้“เร็วขนาดนี้เชียว?”
“เร็วหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ?”หยุนอิงยิ้มพลางเอ่ยถาม
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเป็นปมมากขึ้น หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า“ผมรู้แล้ว”
หลังจากพูดจบเขาก็ไม่สนใจหยุนอิง เดินตรงกลับเข้าห้องไป
……
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋ยี่เฟยที่ทานอาหารเช้าเสร็จก็ตรงไปเฟยเสว่กรุ๊ป
หวังโหลวกำลังจัดการเรื่องของการร่วมงานกับบริษัทข้ามชาติ แต่เมื่อต้องตัดสินใจถึงขั้นสุดท้าย ยังคงจำเป็นต้องให้ไป๋ยี่เฟยเถ้าแก่ตัวจริงออกตัว เพื่อแสดงความจริงใจ
ภายในห้องประชุมอันหรูหรา มีผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่เต็มห้อง
และหลิวโก๋จงก็เป็นตัวแทนของบริษัทรับผิดชอบร่วมงานกับเฟยเสว่กรุ๊ปในครั้งนี้
เมื่อไป๋ยี่เฟยเข้ามา ทุกคนในห้องประชุมก็พากันลุกขึ้น
หลังจากที่หลิวโก๋จงเห็นไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็หายไป เขาเดินเข้าไปยื่นมือออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ“ประธานไป๋”
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนั้นจึงยื่นมือออกไปจับมือกลับ และยังส่งยิ้มให้กับหลิวโก๋เฉิง“ประธานหลิว”
อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นสถานที่ทำงานอย่างเป็นทางการ และไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตั้งใจดึงความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเพราะหลิวเสี่ยวอิง
หลังจากที่หลิวโก๋จงปล่อยมือ ไป๋ยี่เฟยก็ทำท่าเป็นสัญลักษณ์ให้ทุกคนนั่งลงได้
ต่อมา หลิวโก๋จงก็ผลักเอกสารที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองไปข้างหน้าของไป๋ยี่เฟยหนึ่งฉบับ“ประธานไป๋ นี่คือข้อตกลงในการร่วมงานของครั้งนี้ครับ กรุณาตรวจสอบด้วยครับ”
ไป๋ยี่เฟยรับไว้ จากนั้นก็มองไปที่หวังโหลว“นายอ่านรึยัง?”
“อ่านแล้ว”หวังโหลวพยักหน้าตอบกลับ“ไม่เมีปัญหาอะไร ค่อีกฝ่ายต้องการให้นายตัดสินใจด้วยตัวเอง”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า เป็นการแสดงว่าเข้าใจแล้ว
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็เริ่มแสร้งทำเป็นอ่านดู ความจริงแล้วเขาไม่ได้อ่านอย่างละเอียดด้วยซ้ำ
พออ่านจนถึงตอนท้าย ไป๋ยี่เฟยก็เซ็นเอกสาร แล้วยื่นเอกสารส่งให้หวังโหลว พลางพูดขึ้นมาว่า“ทำตามข้อตกลงในนี้นะ”
หวังโหลวพยักหน้าตอบรับ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พวกเขาได้คุยปรึกษากันถึงรายละเอียดบางอย่างก่อนจะสิ้นสุดการประชุม
หลังจากสิ้นสุดการประชุม ไป๋ยี่เฟยก็เดินตามออกมา
แต่ว่า ในตอนที่เขาจะมาถึงหน้าบันได จู่ๆก็มีคนเรียกไว้ และบุคคลนี้ก็คือพานปู้ถิง
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของพานปู้ถิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงได้ใจ“ไป๋ยี่เฟย ฉันมีเรื่องดีๆจะบอกกับคุณน่ะ”
“เกี่ยวอะไรกับฉันวะ”ไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจมาก เรื่องที่เขามีความสุขมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
แต่ทว่าพอคิดๆแล้ว มันเกี่ยวข้องจริงๆนั่นแหละ ถ้าหากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหลิวเสี่ยวอิง
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วครู่หนึ่ง เขาเกลียดพานปู้ถิงมาก
ก่อนหน้านี้ถ้าไม่เป็นเพราะเขาสืบเรื่องของตน แล้วนำเรื่องนี้ไปเล่าให้พ่อแม่ของหลิวเสี่ยวอิงฟังโดยใส่สีตีไข่เพิ่ม เขากับหลิวเสี่ยวอิงคงไม่ต้องเป็นเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้
อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถบอกกับพ่อแม่ของหลิวเสี่ยวอิง อีกทั้งยังสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้
ทั้งหมดนี้ถูกพานปู้ถิงทำให้วุ่นวายไปหมด เพราะฉะนั้นไป๋ยี่เฟยไม่ชอบเขามาก จึงให้คนไปสืบเรื่องพานปู้ถิง
พอสืบปุ๊บ ไป๋ยี่เฟยถึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนต่ำช้าขนาดไหน
เมื่อพูดถึงเรื่องสันดาน พานปู้ถิงไม่มีคุณธรรมพื้นฐานเลยแม้แต่น้อย
ในตอนที่เขาเรียนอยู่เมืองนอก เขายังกล้าลักลอบขนโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของชาติไปต่างประเทศ ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีอิทธิพลบางคน อีกทั้งยังให้ลูกชายของเขาเป็นพ่อทูนหัวของตัวเองอีกด้วย และลูกชายของผู้มีอิทธิพลคนนั้นก็มีอายุมากกว่าพานปู้ถิงสามปีเท่านั้น
เมื่อมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง การใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศของเขาจึงอยู่อย่างเจริญรุ่งเรืองประสบความสำเร็จ กระทั่งยังวางอำนาจบาตรใหญ่อีกด้วย
ช่วงเวลานั้น เขาเล่นกับผู้หญิงนับไม่ถ้วน กระทั่งเพื่อที่ไม่อยากรับผิดชอบต่อผู้หญิงที่ท้อง เขาถึงกับให้พ่อทูนหัวของเขาลงมือ ฆ่าผู้หญิงคนนั้นทิ้ง
นี่คือการเป็นคนต่ำช้าคนหนึ่งที่ไม่ยอมศิโรราบ คนแบบนี้จะคู่ควรกับหลิวเสี่ยวอิงได้อย่างไร?
พานปู้ถิงไม่ได้สังเกตสีหน้าของไป๋ยี่เฟย แต่พูดด้วยความได้ใจ“ผมเล่าให้คุณฟังก็ได้ เมื่อคืนผมคุกเข่าขอหลิวเสี่ยวอิงแต่งงาน เธอยังตอบตกลงผมแล้วด้วย”
ไป๋ยี่เฟยที่ได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า“จะจัดงานแต่งพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?ยังต้องขแต่งงานอะไรอีก?”
พานปู้ถิงตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รีบพูดขึ้นมาว่า“นั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นคุณลุงกับคุณป้าเป็นคนตัดสินใจ แต่เมื่อคืนเสี่ยวอิงตอบตกลงเองเลยนะ ทั้งสองอย่างนี้มันมีความแตกต่างกันนะครับ”
ไป๋ยี่เฟยหลุดขำอย่างดูถูก แล้วหันหลังเดินจากไป
แต่พานปู้ถิงยังอวดไม่หนำใจ พอเห็นไป๋ยี่เฟยเดินจากไปแล้ว ก็รีบพูดขึ้นมาว่า“นี่ คุณควรจะอวยพรให้ผมหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
“โธ่ ผมไม่ควรพูดแบบนั้นสินะ?”
“ตอนนี้คุณกำลังอารมณ์เสียใช่ไหม?แต่ช่วยไม่ได้สิ ผมมีความสุขมาก!”
“รอคืนพรุ่งนี้ผมกับเสี่ยวอิงเข้าหอ ผมจะยิ่งมีความสุขกว่านี้อีก!”
ไป๋ยี่เฟยหันหลังกลับแล้ว แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาจึงหยุดลง ใช้สายตาเย็นชาจ้องมองไปที่พานปู้ถิง แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต
“ถ้าขืนยังกล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้แม้แต่คำเดียว เชื่อไหมผมจะฆ่าคุณทันที!”
ในแววตาของไป๋ยี่เฟยมีความอาฆาตที่เหมือนจะเอาจริง ซึ่งมันทำให้พานปู้ถิงเริ่มรู้สึกกลัว แต่เขายังคงปั้นหน้าฝืนพูด“ถ้าคุณเก่งจริง……ฆ่าผมตรงนี้เลยสิ!”
ไป๋ยี่เฟยที่หรี่ตาลงทั้งสองข้าง เหมือนจะลงมือแล้วจริงๆ
แต่ในเวลานี้เอง หลิวโก๋จงเดินมาทางนี้พอดี เขามองไปที่พานปู้ถิงก่อน หลังจากนั้นก็พูดกับไป๋ยี่เฟยอย่างเรียบเฉยว่า“ไป๋ยี่เฟย เรื่องงานส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวส่วนเรื่องส่วนตัว ฉันหวังว่านายจะแยกแยะได้”
ไป๋ยี่เฟยหันกลับไปมองหลิวโก๋จง เขาเก็บสายตาอาฆาต แล้วพยักหน้าอย่างเรียบเฉยไม่พูดอะไร
หลิวโก๋จงที่เห็นแบบนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก หันกลับมาแล้วเดินไปที่ทางเข้าลิฟต์
ไป๋ยี่เฟยจะลงไปด้วย แต่ไม่ต้องการขึ้นลิฟต์ พวกของหลิวโก๋จงจะเดินทางออกจากเฟยเสว่กรุ๊ป ดังนั้นจึงต้องขึ้นลิฟต์
เวลานี้เอง จู่ๆหลิวโก๋จงก็ได้รับสายโทรศัพท์หนึ่งสาย
“คุณว่าไงนะ?”
“เสี่ยวอิงฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?”
เสียงร้องตกใจของหลิวโก๋จงดึงดูดสายตาของไป๋ยี่เฟยกับพานปู่ถิง
พวกเขาสองคนตกใจมากเช่นกัน
……
กลุ่มคนรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
ในตอนที่พวกเขามาถึงโรงพยาบาล หลิวเสี่ยวอิงกำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉิน
อู๋หยุนยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน กำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พอเห็นหลิวโก๋จงมาถึง เธอก็ร้องไห้อย่างทนไม่ไหวอีกแล้ว
“คุณมาได้สักที ทำยังไงดีคะ?เสี่ยวอิงทำไมคิดสั้นอย่างนี้?ถ้าลูกจากไป ฉันจะอยู่ต่อไปยังไง?”
อู๋หยุนหน้าลง กึ่งพิงไหล่ของหลิวโก๋จง เธอร้องไห้ไปด้วย พูดอย่างสับสนวุ่นวาย
หลิวโก๋จงจับไหล่ของอู๋หยุนไว้ แล้วตบเบาๆพลางพูดขึ้นมาว่า“อย่าพึ่งร้องไห้สิคุณ ใจเย็นๆหน่อย ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
อู๋หยุนยังคงร้องไห้พร้อมพูดกับเขาว่า“พวกเราไม่ดีเอง ถ้าเราไม่บีบบังคับเสี่ยวอิง เธอก็คงไม่ฆ่าตัวตาย โทษพวกเรา……”
“ตอนเช้าของวันนี้ เสี่ยวอิงมาพูดกับฉันว่าความจริงแล้วเธอไม่อยากแต่งงาน……แต่ฉันไม่รอให้ลูกพูดจบก็ตำหนิลูกไป จากนั้นลูกกลับห้องไปเงียบๆ”
“ฉันคิดว่าลูกโกรธฉันเลยไม่ได้สนใจอะไร ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปอยู่นานไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย……”
“สุดท้าย……สุดท้ายรอจนฉันเข้าไปถึง เสี่ยวอิงก็……ลูกก็ใช้ยาพิษ……”
พูดถึงตรงนี้ อู๋หยุนก็ร้องไห้หนักขึ้น“โทษฉันเอง เป็นความผิดของฉันทั้งหมด……”
พานปู้ถิงที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้แล้ว เขาก็ตะลึงยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
ไป๋ยี่เฟยอยากจะผลักกลุ่มคนออกไป แล้วพุ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
แต่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้าก็ถูกหลิวโก๋จงจับไว้ซะก่อน เขาจ้องมองไปที่ไป๋ยี่เฟยด้วยความโกรธ“นายจะทำอะไรห้ะ?นายยังมีหน้าเข้าไปอีกเหรอ?”
คราวนี้ ไป๋ยี่เฟยเองก็อึ้งนิ่งอยู่กับที่เช่นกัน
ประตูห้องฉุกเฉินไม่ได้ปิด พวกเขายังมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องฉุกเฉิน
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆหลิวเสี่ยวอิงที่กำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ก็ยืนมือออกมาหนึ่งข้าง“พ่อคะ……ไม่ใช่ความผิดของเขา……”
พอได้ยินเสียงนี้แล้ว ทุกคนจึงไม่สนใจอดีตอีก รีบเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หลิวโก๋จงเดินมาที่ข้างเตียง แล้วกุมมือของหลิวเสี่ยวอิงแน่นพลางพูดขึ้นมาว่า“เสี่ยวอิง ให้ความร่วมมือรักษาก่อนนะลูก วางใจเถอะ จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
สีหน้าของหลิวเสี่ยวอิงซีดเซียว แม้แต่ริมฝีปากของเธอก็ซีด แต่ร่างกายของเธอกลับเขียวช้ำ ดูไปแล้วน่ากลัวมาก
แต่แล้วหลิวเสี่ยวอิงก็พูดอย่างแผ่วเบาว่า“พ่อคะ แม่คะ……คนที่หนูอยาก……แต่งงานด้วยมีแค่……ไป๋ยี่เฟยเท่านั้น”