ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 987
“คุณหนูฉุง นี่คุณทำอะไร?”
ฉุงลี่ซือกลับส่ายหน้าไม่ยอมลุกขึ้น เธอยังคงกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ที่จริงเมื่อกี้ที่ฉันบอกว่าได้กลิ่นเป็นเรื่องโกหก แต่ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเงาร่างของคุณแวบผ่านหน้าต่างไป”
“คุณเป็นคนช่วยอาสามใช่ไหม?”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที และไม่ได้ยื่นมือไปพยุงฉุงลี่ซือแล้ว “ดังนั้น คุณตั้งใจมาหยั่งเชิงผม?”
“ไม่! ไม่ใช่ค่ะ!” ฉุงลี่ซือส่ายหน้า แล้วกล่าวขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ฉันอยากมาขอร้องคุณให้ช่วยฉัน ในเมื่อคุณช่วยพวกอาสามแล้ว แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกับพวกเขา ดังนั้นจึงอยากให้คุณช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากแต่งงานให้คุณชายหนานเหมินอะไรนั่น”
น้ำเสียงของฉุงลี่ซือร้อนใจอย่างมาก และโศกเศร้าอาดูรยิ่ง มองออกได้ว่าไม่อยากแต่งงานให้จีซือจริงๆ
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ไว้ใจคนง่ายดายขนาดนั้น เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เหลียนยิน ขอเพียงจริงใจก็จะเชื่อ
ไป๋ยี่เฟยมองเธออย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพรุ่งนี้คุณก็จะแต่งให้คุณชายของเราแล้ว เช่นนั้นทางที่ดีคุณควรทำตัวดีๆ หน่อยจะดีกว่า อย่าพูดคำพูดเช่นนี้ ทำเรื่องเช่นนี้อีก แม้แต่คิดก็ห้ามคิด!”
“อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ผมดื่มเหล้าอยู่ตลอด ไม่เคยไปไหนเลยด้วยซ้ำ คนคนนั้นที่คุณเห็นไม่ใช่ผมอย่างแน่นอน”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ท่าทางของฉุงลี่ซือก็เชื่องช้าลง สีหน้าซีดขาวในพริบตา และในดวงตาเธอฉายแววผิดหวังออกมา
จากนั้นเธอก็ยืดตัวขึ้นอย่างช้าๆ ใช้มือเช็ดน้ำตาที่หางตา ยิ้มกับไป๋ยี่เฟยแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ไม่เป็นไร ขอโทษด้วย เมื่อกี้ฉันล้อคุณเล่น คุณอย่าถือเป็นเรื่องจริงเลยนะคะ”
เธอฝืนเค้นรอยยิ้มออกมา เผยความขมขื่นและผิดหวังอยู่หลายส่วน
ทว่าไป๋ยี่เฟยเพียงพูดอย่างเย็นชาว่า “การล้อเล่นนี้ไม่ตลกเลยสักนิด!”
ฉุงลี่ซือเห็นเช่นนี้ก็เก้อกระดากอยู่บ้าง จากนั้นก็ทำหน้าตาทะเล้นออกมา “ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ!”
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอีกว่า “คุณหนูฉุงกลับไปเถอะ พรุ่งนี้คุณชายก็จะมาแล้ว คุณหนูฉุงโปรดพักผ่อนให้มากๆ”
“รู้แล้วค่ะ” หลังฉุงลี่ซือขานรับก็หมุนกายเดินจากไป
ไม่ใช่ไป๋ยี่เฟยใจร้าย แต่เป็นเพราะไม่กล้าเชื่อใจใคร เพราะอย่างไรตระกูลฉุงก็น้ำขุ่นเกินไป ลึกเกินไป เขาไม่อาจเสี่ยงอันตรายง่ายๆ
……
ฉุงลี่ซือกลับมาถึงห้องตัวเองแล้ว แต่พวกเพื่อนๆ ของเธอยังพูดคุยหัวเราะกันอยู่
เมื่อกี้เธออาศัยข้ออ้างไปห้องน้ำ แอบหนีไปหาไป๋ยี่เฟย
แต่ตอนนี้ไม่มีความหมายใดๆ แล้ว ในใจเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและขมขื่น ยังมีความไม่เต็มใจอีกด้วย
เพราะว่าเธอคิดถึงผู้ชายที่สู้กับเต้าจ่างบนดาดฟ้าคนนั้น
เขาปฏิเสธการเกี่ยวดองของสองตระกูล เหตุผลเพราะไม่อยากให้ภรรยาของเขาได้รับความไม่เป็นธรรม
ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว ฉุงลี่ซือก็รู้สึกไม่เป็นธรรมกับไม่เต็มใจ เธอเทียบกับเมียไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตรงไหนกัน ต้องการหน้าตาก็มีหน้าตา ต้องการภูมิหลังก็มีภูมิหลัง ทำไมถึงไม่อาจแต่งให้เขาได้?
แต่ตอนนี้ ตนเองกลับต้องแต่งให้คนที่ไม่เคยพบหน้าคนหนึ่ง ในใจเธอจึงรู้สึกผิดหวัง
และคืนนี้ เธอจึงตัดสินใจไม่เข้านอน
……
ตอนที่ฟ้าสว่างเล็กน้อย คฤหาสน์ตระกูลฉุงก็คึกคักขึ้นมา
เพราะรู้ว่าวันนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลฉุงจะแต่งงาน ดังนั้นคนใหญ่คนโตมากมายในเมืองหลวงจึงหลั่งไหลกันมาอย่างต่อเนื่อง
และฉุงลี่ซือในเวลานี้กำลังนั่งอยู่หน้ากระจกเครื่องแป้ง ถูกช่างแต่งหน้าและช่างทำผมสองสามคนจัดแต่งอยู่
เวลานี้ ฟางหยันวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างรีบร้อน กล่าวขึ้นอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดว่า “โทษทีๆ ฉันมาสาย”
แต่ฉุงลี่ซือนั่งอยู่ตรงนั้นไร้การตอบสนองใดๆ นี่ทำให้ฟางหยันพบความผิดปกติของเธอ
“พวกเธอออกไปก่อนเถอะ ยังมีเวลาเหลืออยู่เล็กน้อยไม่รีบ ฉันมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเธอตามลำพัง” ฟางหยันบอกกับพวกช่างทำผมเหล่านั้น
ช่างทำผมเหล่านั้นออกไปจากห้องอย่างรู้งาน
ในห้องจึงเหลือเพียงฟางหยันกับฉุงลี่ซือ ฟางหยันพูดอย่างรู้สึกผิดอีกครั้งว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ เมื่อคืนละครปิดกล้องพอดี ฉันเองก็จนปัญญา……”
“ฉันรู้ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก” ฉุงลี่ซือส่ายหน้าด้วยท่าทางใจลอย
ฟางหยันเห็นเธอเป็นเช่นนี้ก็พูดล้อเธอว่า “วันนี้เธอเป็นเจ้าสาวนะ คนเราเกิดมาก็เพื่อครั้งนี้นี่แหละ ดูเธอสิยังไม่เริ่มเลยก็ทำท่าจะร้องไห้แล้ว”
ทว่าฉุงลี่ซือกลับพูดด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึกว่า “ฉันจะไม่ร้องไห้ นับแต่วันนี้ไปก็จะไม่แล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ ฟางหยันก็เงียบไป
หลังในห้องเงียบไปพักหนึ่ง ฟางหยันก็กอดฉุงลี่ซือไว้เบาๆ แล้วกล่าวว่า “ลี่ซือ พวกเราเป็นผู้หญิง นี่ก็คือโชคชะตา”
ฉุงลี่ซือหลับตา ไม่ได้พูดคำใด
ฟางหยันเอ่ยขึ้นเบาๆ อีกว่า “ลี่ซือ วันนี้จะบอกกับเธอตามตรงแล้วกัน”
“ที่จริงฉันไม่ชอบพี่ชายเธอเลย และไม่อย่างแต่งเข้าตระกูลฉุงด้วย แต่ฉันก็จนปัญญา ฉันปฏิเสธไม่ได้”
“ดังนั้น ฉันจึงเข้าใจความรู้สึกเธอ พวกเราต่างจนปัญญาเหมือนกัน”
“พวกเราได้แต่ยอมรับมัน”
“เพราะวันเวลายังคงดำเนินต่อไป แทนที่จะร้องไห้น้ำตานองหน้าทุกวัน สู้ใช้ชีวิตผ่านไปด้วยความเบิกบานใจไม่ดีกว่าเหรอ เธอว่าจริงไหม?”
และฉุงลี่ซือในเวลานี้ หางตาก็ค่อยๆ มีน้ำตาไหลรินออกมา
คำพูดที่เธอพูดเมื่อกี้เหมือนกับสายลมหอบหนึ่ง พัดมาก็หายไป
ฟางหยันตีเธอเบาๆ แล้วกล่าวว่า “หลังเธอแต่งเข้าไปแล้ว พ่อแม่พวกท่านถึงจะให้อิสระ”
“อืม” ฉุงลี่ซือรับเสียงค่อย
คนทั้งสองเงียบไปพักหนึ่งอีกครั้ง
แต่เงียบอยู่ได้ไม่นานนัก ก็ถูกเสียงร้องอย่างตกใจกับเสียงประทัดจากด้านนอกดังเข้ามาขัดจังหวะ
“ขบวนรับเจ้าสาวมาแล้ว เร็ว!”
“ไปแจ้งเจ้าสาวเร็ว เตรียมตัวให้ดี!”
“ปึงปัง……”
……
ในคฤหาสน์อีกหลังหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขามองจากที่ไกลๆ เห็นบนถนนที่ปูด้วยก้อนกรวดของคฤหาสน์มีรถหรูนานาชนิดจอดอยู่เต็มไปหมด
และหลังเสียงประทัดดังอยู่พักหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งก็เดินลงมาจากรถหรู
คนกลุ่มนี้คือขบวนรับเจ้าสาว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนหนานเหมิน
โดยชายมีอายุที่เดินอยู่หน้าสุดคนนั้น มีรูปร่างสูงมากอายุสี่สิบกว่าปี สูงราวๆ 185 แม้อยู่ในชุดสูท กลับยังคงรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้ออันบึกบึนของเขา
ใบหน้าเขาสงบนิ่ง แม้ไม่โกรธก็ยังน่าเกรงขาม มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นชนชั้นสูง
เขาเดินอยู่ด้านหน้าสุด คนที่อยู่ด้านหลังแบ่งออกเป็นสองแถว เดินตามเขาอย่างพร้อมเพรียง
และคนคนนี้ก็คือเจ้าบ่าวในวันนี้ จีซือ
เหลียนยินก็ยืนแนะนำอยู่ข้างๆ เขา “เขาก็คือคุณชายใหญ่จีซือแห่งสหพันธ์วรยุทธ”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาทำสีหน้าไร้ความรู้สึก ก็อดแค่นเสียงเย็นไม่ได้ “วันมหามงคลยังวางมาดขนาดนี้ ไม่รู้ยังนึกว่าเป็นงานศพเสียอีก!”
เหลียนยินกลับกล่าวขึ้นเสียงเรียบว่า “ได้ยินว่าเขารับภรรยาทั้งหมดสามสิบกว่าคน อาจจะชินแล้วละมั้ง”
ทว่าพอไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้พลันเบิกตากว้าง ตกใจสุดขีด
“จริงเหรอ?”
เหลียนยินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “คงจะจริง เพราะอย่างไรภายหน้าเขาต้องสืบทอดสหพันธ์วรยุทธต่อ”
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆ ซึบซับเรื่องราวอยู่พักหนึ่งถึงค่อยพูดว่า “แล้วจีไซล่ะ?”
“ประมาณหกสิบกว่าคนล่ะมั้ง?”
ไป๋ยี่เฟย “……”
นี่ก็คือที่หยุนอิงบอก พวกหนานเหมินมุ่งแต่ค้นหาวิชาฝึกฝนวรยุทธใช่ไหม
แต่ละคนต่างแต่งผู้หญิงหลายสิบคน ยังมีแก่ใจไปฝึกวรยุทธได้ยังไง?
อีกทั้งในเมื่อแต่งผู้หญิงเยอะแยะขนาดนั้น ทำไมจีไซถึงมีลูกเพียงสามคนล่ะ”
แต่เวลานี้ไป๋ยี่เฟยกลับเข้าใจขึ้นมา จีไซยอมรับสิทธิในการสืบทอดของจีซือแล้ว เขาก็คือประมุขสหพันธ์วรยุทธคนต่อไป การอยู่บนที่สูงคือสิ่งจำเป็น
“ไปกันเถอะ พวกเราควรไปพบคุณชายผู้นี้ได้แล้ว” ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
……
จีซือมารับเจ้าสาวแล้ว แต่ในเวลาเช่นนี้ ฉุงเฉ่าซินสามีภรรยากลับยังไม่ปรากฏตัว
ผู้ที่ออกมาต้อนรับคือฉุงโยวหมิง แต่อย่างไรฉุงโยวหมิงก็คือพี่ชายของฉุงลี่ซือ จีซือควรจะเกรงใจเขามากถึงจะถูก แต่ผลกลับตรงกันข้าม ฉุงโยวหมิงกลับเกรงใจจีซือมากแทน
นี่เป็นสิ่งที่ติดใจอย่างมาก