ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 990
เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นคือชายหนานเหมินคนหนึ่ง มองเห็นคนเหล่านี้ถลันเข้ามาก็ไม่มีความเขินอายเลยสักนิด ถึงขั้นยังยกกางเกงขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ที่ปากยังพูดว่า “อย่างกับท่อนไม้ เสียอารมณ์ชะมัด!”
ไป๋ยี่เฟยมองชายคนนั้น พลันชะงักไปทันที
คนนั้นที่โดดทะเลใช่ฉุงลี่ซือไหม?
เธอโดดทะเลไปแล้ว?
ไป๋ยี่เฟยพลันโมโหขึ้นมาทันที แม้ฉุงลี่ซือกับเขาจะไม่ได้สนิทกัน แต่อย่างไรก็เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทั้งยังเป็นผู้หญิง จะไม่ให้โกรธได้อย่างไรกัน?
ด้วยเหตุนี้ไป๋ยี่เฟยจึงไม่สนต๋านีแล้ว เดินขึ้นไปต้องการจะสะบัดฝ่ามือใส่เขา
คนคนนี้คือบอดี้การ์ดของจีซือ มีฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นต่ำ ดังนั้นเขาจึงรับมือของไป๋ยี่เฟยไว้ได้อย่างสบายๆ ก่อนจะถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟยด้วยความเดือดดาล “แกเป็นใคร? ถึงกับกล้าตีฉัน?”
“เหอะ!” ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะ “วันนี้ฉันไม่เพียงจะตีแก ยังจะฆ่าแกด้วย!”
บอดี้การ์ดคนนั้นได้ยินเช่นนี้ก็ทำเหมือนกับได้ยินเรื่องตลกอะไรสักอย่าง จึงกล่าวเหน็บแนมว่า “อย่างแกเนี่ยนะคิดจะฆ่าฉัน?”
ไป๋ยี่เฟยมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ ใช้หมัดชกเข้าไปด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี
“ผัวะ!”
หลังเกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้นเสียงหนึ่ง บอดี้การ์ดคนนั้นก็ล้มกระเด็นออกไปปะทะเข้ากับกำแพงทันที
เขายังไม่ทันตกลงพื้น ก็ถูกไป๋ยี่เฟยจับไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ชกหมัดเข้าที่ศีรษะของเขา
คนคนนั้นไม่มีเวลาให้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย จึงถูกชกจนศีรษะแตกละเอียด
“หยุดมือ!”
ต๋านีคิดจะส่งเสียงห้ามปราม แต่สายไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนไปแล้ว
และเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยก็ใจเย็นลงแล้วเช่นกัน เขารู้ว่าเขาฆ่าคน คราวนี้บุ่มบ่ามไปแล้วจริงๆ
แต่ตอนนี้เขายังนับว่าใจเย็น เขาหันหน้าไปพูดด้วยความเดือดดาลว่า “ไอ้สารเลวนี่ ถึงกับกล้าทำให้ภรรยาคุณชายใหญ่แปดเปื้อน เขา……”
ผลคือเขายังพูดไม่ทันจบ เจ้าตัวก็บื้อใบ้ไปเสียแล้ว
เพราะเวลานี้เขาเห็นฉุงลี่ซือกับหญิงสาวสองสามคนที่มาเป็นเพื่อนเธอ ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องอาหารพอดี
ดังนั้นคนที่กระโดดทะเลเมื่อกี้จึงไม่ใช่ฉุงลี่ซือ
ต๋านีใบหน้ามืดครึ้ม มองไป๋ยี่เฟย
เหตุเพราะการเคลื่อนไหวของที่นี่ คนที่มายังห้องอาหารจึงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งจีซือก็มาด้วย
พอจีซือเห็นฉากนี้ ก็ถามอย่างเย็นชาว่า “ใครกล้าทำร้ายคนคุ้มกันของฉัน?”
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเงียบเป็นเป่าสาก
ไป๋ยี่เฟยอุทานในใจว่าแย่แล้ว คราวนี้คงจะจบเห่แล้วจริงๆ
แต่เวลานี้เอง จู่ๆ ฉุงลี่ซือก็เดินออกมา ชี้ไปที่ชายคนนั้นที่ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่า พลางกล่าวว่า “เขารังแกเพื่อนของฉัน!”
ฉุงลี่ซือแต่งงานอย่างไรก็ควรมีขบวนส่งตัวเจ้าสาว และพอดีว่าหญิงสาวที่กระโดดทะเลเมื่อกี้ก็คือสมาชิกหนึ่งในนั้น
ได้ยินเช่นนี้ จีซือก็หันหน้าไปมองฉุงลี่ซือ ในดวงตาไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
จากนั้น จีซือก็ยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา
“เพี๊ยะ!”
“โอ๊ย!”
ฉุงลี่ซือที่ถูกตบล้มลงไปกับพื้นทันที มองจีซือด้วยความไม่อยากจะเชื่อและโกรธแค้นเต็มใบหน้า
ไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้ พลันกำหมัดแน่น
จีซือมองฉุงลี่ซืออย่างเย็นชาพลางพูดว่า “อยู่ที่หนานเหมิน ตอนที่ผู้ชายพูด ผู้หญิงไม่มีสิทธิสอดปาก!”
“เห็นแก่ที่เธอทำผิดครั้งแรก จึงสั่งสอนเธอแค่ครั้งเดียว ต่อไปจำเอาไว้ ไม่อย่างนั้นต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”
ฉุงลี่ซือก้มหน้าลง ตัวสั่นไปทั้งร่าง ไม่เอ่ยอะไรสักคำ
ไป๋ยี่เฟยในใจไม่เห็นด้วยกับกฏเช่นนี้ แต่ไม่อาจพูดอะไรได้
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ ต๋านีก็อธิบายว่า “คุณชายใหญ่ พี่ชางหลงนึกว่าคนที่เขารังแกคือนายหญิงน้อย ดังนั้นถึงได้ลงมือ นี่เป็นเพียงความเข้าใจผิดอย่างหนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยแปลกใจเล็กน้อย ต๋านีถึงกับเดินออกมาพูดให้ตน
ซึ่งฐานะของต๋านีย่อมจะสูงกว่าพวกเขาเหล่านี้ พอต๋านีพูด จีซือจึงไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน
ดังนั้นจีซือจึงเพียงแค่มองไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่งอย่างเรียบเฉย แล้วเอ่ยกับต๋านีว่า “นายจัดการที”
“ครับ” ต๋านีพยักหน้าขานรับ
จากนั้นจีซือก็กวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ครั้งนี้คนที่มาต่างเป็นเพื่อนของนายหญิงน้อย ต่อไปพวกเราคนหนานเหมินห้ามก่อความวุ่นวายให้พวกเขาอีก หากมีคนไม่ฟังคำสั่ง ก็อย่าโทษที่พี่น้องชางหลงผู้นี้ไม่ไว้ไมตรี!”
“ครับ!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดนี้ราวกับจงใจพูดให้เขาฟัง ทั้งยังเหมือนแอบประชดอยู่กลายๆ
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เพราะไม่ว่าอย่างไร จีซือก็ไม่มีทางไว้ใจไป๋ยี่เฟย และไป๋ยี่เฟยก็ไม่คิดจะได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา
จีซือโบกมือแล้วพูดว่า “แยกย้ายกันได้แล้ว”
ทุกคนจะพากันแยกย้ายกลับไปยังห้องของตัวเอง
หลังคนไปกันหมดแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ประสานมือคำนับให้ต๋านีแล้วพูดว่า “ขอบใจ”
ต๋านีเห็นเช่นนี้ ก็ทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วหมุนกายเดินจากไป
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็จะจากไปเช่นกัน แต่จู่ๆ ฉุงลี่ซือก็เดินมาหยุดตรงหน้าต่าง
ไป๋ยี่เฟยจึงไม่อาจไม่หันกายไปจ้องเธอได้
เวลานี้ จู่ๆ ฉุงลี่ซือก็พูดขึ้นว่า “คุณเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นฉันถึงได้ลงมือ”
ตอนที่ฉุงลี่ซือพูดเธอมองไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้หันหน้ามา
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่จ้องเธอ ไม่ได้ตอบอะไร
ฉุงลี่ซือรออยู่สักพัก หลังไม่ได้ยินคำตอบ ถึงค่อยหันหน้าไปมองไป๋ยี่เฟยแล้วถามว่า “หากเป็นฉันจริงๆ คุณจะทำยังไง? คุณจะเสียใจเพราะเหตุนี้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยเพียงมองเธอแวบหนึ่งอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็หมุนกายเตรียมจะจากไป
ทว่าเวลานี้ ฉุงลี่ซือก็พูดว่า “คุณไม่ใช่คนของพวกเขา”
ไป๋ยี่เฟยฝีเท้าชะงักไป พลางมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว โชคดีที่รอบๆ ไม่มีคนแล้ว
ฉุงลี่ซือกล่าวอีกว่า “ช่วยฉันด้วย พาฉันไปเถอะ ฉันไม่อยากแต่งให้เขาจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ก็ไม่อาจไม่หมุนกายมาได้ มองฉุงลี่ซืออย่างเรียบเฉยพลางถามว่า “คุณมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ฉุงลี่ซือพยักหน้าแล้วพูดว่า “คืนวันนั้นฉันไม่มีทางมองผิด คุณเป็นคนช่วยอาสามกับลี่หย่า”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าขรึมเล็กน้อย “คุณคิดจะขู่ผม?”
ฉุงลี่ซือเห็นเช่นนี้ในใจก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาสายหนึ่ง แต่เธอยังคงพูดอย่างกล้าหาญว่า “ไม่ว่ายังไง คุณสามารถออกหน้าเพื่อผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนหนึ่งได้ แสดงว่าเนื้อแท้ของคุณไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แม้ต่อไปจะต้องกล้ำกลืนความลำบากติดตามคุณ ฉันก็ยอม”
ทว่าไป๋ยี่เฟยเพียงพูดเสียงเรียบว่า “คืนวันนั้นไม่ใช่ผม”
ฉุงลี่ซือกลับเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าวอย่างร้อนใจแล้วพูดว่า “แต่คืนนี้ใช่!”
ทว่าไป๋ยี่เฟยเพียงจ้องเธอ ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วหมุนกายเดินจากไป
ฉุงลี่ซือมองเงาหลังไป๋ยี่เฟย ทนไม่ไหวพังทลายลงอีกแล้ว
เธอทรุดตัวลง ร้องไห้อย่างหมดอาลัยตายอยาก
ความผิดหวังอันใหญ่หลวง ทำให้เธออยากจะกระโดดทะเลเหมือนกับเพื่อนของเธอ
เธอเคยเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงที่มีผู้ชายนับไม่ถ้วนตามจีบ
ทว่าตอนนี้เธอเป็นเพียงภรรยาของคุณชายหนานเหมิน อยู่ที่หนานเหมิน ฐานะของผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้ หลังเธอไปที่นั่นเกรงว่าแม้แต่หญิงสาวตระกูลธรรมดาของฝั่งนี้ก็ยังสู้ไม่ได้
ความแตกต่างใหญ่มหาศาลขนาดนี้ ทำให้เธอไม่กล้าจินตนาการถึงชีวิตในวันข้างหน้าโดยสิ้นเชิง
……
หลังไป๋ยี่เฟยกลับห้อง กับเหลียนยินต่างคนต่างก็นอนพักผ่อน
ซึ่งก่อนที่จะหลับ เหลียนยินพูดยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้นายได้รับความไว้วางใจจากท่านใหญ่จั่วโดยสมบูรณ์แล้วล่ะ คิดว่าต่อไปคงจะสะดวกมากขึ้น”
ไป๋ยี่เฟยมองเหลียนยินแวบหนึ่ง ในดวงตาเหมือนคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็ตอบเสียงเรียบว่า “อืม สมควรนอนได้แล้ว”
หลังไป๋ยี่เฟยหลับตา ในใจกลับยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้แม้แต่เหลียนยินก็รู้สึกว่าไม่ปกติ ซึ่งเรื่องทั้งหมดก็เผยความไม่ปกติออกมาทั้งนั้น นี่ทำให้เขาไม่สบายใจอย่างมาก เขาจำเป็นต้องเรียบเรียงเรื่องเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง
เวลามาถึงอย่างรวดเร็ว คืนวันนั้นพวกเขาต้องลงมือแล้ว