ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 993
หยุนอิงหยุดก้าวเดินโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าในโลกประเภทนี้ของเธอ แม้จะเป็นสิ่งผิดปกติเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เธอตื่นตัวได้
เธอหันหน้ากลับไปอย่างระวัง มองไปทางระเบียง
หลังจากนั้นเธอก็เห็นเก้าอี้หวายตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่ระเบียงผ่านกระจก บนเก้าอี้หวายมีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง เขากำลังถักเสื้อไหมพรมอยู่
หยุนอิงแปลกใจเล็กน้อย แต่ว่าเธอกลับผ่อนคลายลง
เพราะว่าเธอได้ยินไป๋ยี่เฟยเคยพูดไว้ นี่คือคนขับรถส่วนตัวของเขา
ตอนที่หยุนอิงรู้จักคนผู้นี้ก็เคยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเขา พบว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
สำหรับเรื่องนี้เธอก็ผ่อนคลายลงมาก เพียงแค่มีความสงสัยเล็กน้อย นี่มันก็ตีสองตีสามแล้ว ทำไมยังมีคนมาถักเสื้อไหมพรมที่ระเบียงอีก? ทั้งยังเป็นผู้ชาย?
หยุนอิงคิดไม่ตก แล้วก็ไม่ได้คิดมาก ใจคิดว่า : อย่างไรเสียคนที่อยู่ในคอนโดตอนนี้ก็ล้วนต้องฆ่าแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มจากคนนี้แล้วกัน
ดังนั้นหยุนอิงจึงเปิดหน้าต่างกระจกเดินเข้าไปเงียบๆ
ส่วนชายที่กำลังถักเสื้อไหมพรม แน่นอนว่าต้องเป็นซินชิว
หลังของซินชิวหันไปทางหยุนอิง ก้มหัวลงต่ำมาก เพ่งมองไปที่เข็มและไหมพรมในมืออย่างละเอียด รูแต่ละรู สอดเข้าไปอย่างตั้งใจ
หยวนอิงเห็นสมาธิของเขาจดจ่อ อดไม่ไหวยิ้มเย็นออกมา จากนั้นค่อยๆยกมือขึ้นมา
ทว่า ก็เป็นในตอนนี้ ซินชิวพลันเอ่ยปากขึ้น “มาแล้วก็นั่งลงเถอะ”
หยุนอิงสั่นสะท้านทั้งตัว แม้แต่รูม่านตาก็ยังสั่นไหว
เดิมทีคิดว่าเขากำลังตั้งใจถักเสื้อไหมพรม ยังคิดว่าเขาไม่ได้ค้นพบตนเอง ผลคือมีเสียงดังเช่นนี้ออกมา ทำให้เธอตกใจไปครั้งหนึ่ง
แต่ว่าก็เป็นแค่ในชั่วขณะนั้น หยุนอิงก็ผ่อนคลายลงมาทันที หลังจากนั้นก็มองเก้าอี้หวายอีกตัวที่อยู่ด้านข้างของซินชิวรอบหนึ่ง ดังนั้นจึงยิ้มแล้วนั่งลง
มือของเธอจับที่พักแขนของเก้าอี้หวาย สำรวจชายธรรมดาคนนี้ จากนั้นก็เห็นว่าเขากำลังต่อสู้อยู่กับเส้นไหมพรม อดไม่ได้ถามด้วยความสงสัย “ดึกดื่นค่อยคืนคุณไม่นอน มาถักเสื้อไหมพรมอยู่ที่นี่ทำไม?”
“อีกทั้ง คุณไม่รู้สึกว่า ผู้ชายคนหนึ่งถักเสื้อไหมพรมนั้นแปลกมากหรือ?”
การกระทำที่อ่อนโยนของซินชิวหยุดลงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นหันหน้ามาเอ่ยกับหยุนอิง “ฉันทำไม่ค่อยเป็น ก็คิดว่าไม่เป็นไรถักให้มากขึ้นอีกหน่อย”
หยุนอิงยังคงไม่เข้าใจการกระทำเช่นนี้ของเขา “คุณเป็นคนขับรถให้ไป๋ยี่เฟย เงินเดือนที่เขาให้คุณคงจะไม่น้อยสินะ?”
“เอาเงินไปซื้อกับทำด้วยตัวเองไม่เหมือนกัน” ซินชิวตอบอย่างเรียบง่าย
หยุนอิงกลับไม่อาจเข้าใจ “มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน?”
ซินชิวเมื่อได้ยินในที่สุดก็หยุดการกระทำในมือลง หันหน้ากลับมามองหยุนอิง เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ซื้อตัวหนึ่งไม่ค่อยสะดวก แต่ว่าฉันก็ไม่ได้อยากจะได้เสื้อไหมพรมตัวนี้จริงๆ แต่คืออยากสัมผัสถึงความสุขที่ทำเรื่องนี้สำเร็จ”
“ที่จริงไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ก็ควรที่จะจริงจัง เอามันมาเป็นการฝึกฝน เข้าไปตระหนักถึงขั้นตอนในการทำเรื่องราว จะได้ความสุขและผลตอบแทนที่เหนือจินตนาการ”
ได้ยินประโยคนี้ หยุนอิงชะงักไปเล็กน้อย คนตรงหน้านี้เห็นชัดๆว่าเป็นคนขับรถธรรมดาคนหนึ่ง มองไปครั้งหนึ่งก็ธรรมดาอย่างมาก แต่พอเปิดปากพูด ก็กลับรู้สึกว่าไม่ธรรมดาแล้ว
คิดไม่เข้าใจ หยุนอิงก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ดึกขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องรีบร้อนในเวลานี้หรอกมั้ง?”
ซินชิวกลับส่ายหน้า จากนั้นก็เริ่มทำต่อไป
หยุนอิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนี้ล่ะก็ คุณลองคิดดู ยังมีเรื่องอะไรที่อยากทำอีก ฉันสามารถช่วยคุณทำให้เสร็จ เพราะว่า…..”
“หลังจากคืนนี้ไป คุณก็จะไม่มีโอกาสแล้ว”
เอ่ยประโยคนี้จบ หยุนอิงมองซินชิว เธอคิดว่าซินชิวจะต้องตกใจและแปลกใจ แต่ทว่า ล้วนไม่มี
ซินชิวยังสงบนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่มีท่าทีใดๆ
หยุนอิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เพิ่มเติมอีกประโยคหนึ่ง “คืนนี้ ฉันจะฆ่าคุณ”
แต่ทว่า ซินชิวยังคงสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม นี่ทำให้หยุนอิงไม่พอใจมาก มีคนธรรมดาที่ไหนที่ได้ยินว่ามีคนจะฆ่าเขา จะสงบนิ่งแบบนี้ได้อีก?
ท่าทางเช่นนี้ของซินชิวทำให้เธอรู้สึกว่าโดนดูถูกแล้ว ดังนั้น เธอจึงโกรธแล้ว เธอโกรธจนใบหน้าบึ้งตึง ยกมือขึ้นต้องการใช่ฝ่ามือเดียวตบลงไปที่ด้านหลังศีรษะของซินชิว
กลับเป็นในตอนนี้ ซินชิวเอ่ยเรียบๆ “ฉันชื่อซินชิว”
เสียงเพิ่งจะหลุดออกมา มือของหยุนอิงก็หยุดอยู่กลางอากาศ ทั้งตัวแข็งค้างไปแล้ว
ถึงแม้ว่าพูดโดยรวม หนานเหมินมียอดฝีมือมากกว่าแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือ กำลังโดยรวมแข็งแกร่ง เหตุผลที่พวกเขาไม่กล้าโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดที่มีจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเพราะแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือมียอดฝีมือลับสามคน
ก็คือซินชิว จื่ออีและยอดฝีมือลึกลับอีกคนหนึ่ง
และซินชิวชื่อที่โด่งดังนี้ ไม่ว่าจะที่หนานเหมิน หรือว่าที่แผ่นดินใหญ่ภาคเหนือ ไม่มีคนไม่รู้จัก เพราะว่าซินชิวแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งถึงขั้นที่พวกเขาไม่อาจเทียบได้
ดังนั้นหลังจากที่หยุนอิงแข็งค้างไปแล้ว ร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เธอมองชายวัยกลางคนที่แต่ก่อนธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาไปมากกว่านี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาถึงกับเป็นซินชิว!
ดวงตาของหยุนอิงเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและหวาดกลัว
เธอไม่ได้สงสัยคำพูดที่ซินชิวเอ่ย เพราะว่า ความสงบนิ่งเยือกเย็นที่ซินชิวแสดงออกมาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้
ซินชิวยังคงต่อสู้อยู่กับเส้นไหมพรม หลังจากเขาสวมใส่อีกครั้ง บนใบหน้าก็ปรากฎความสุขนิดเดียวออกมา เหมือนกับว่าทำเรื่องสำคัญสำเร็จเช่นนั้น
หยุนอิงดึงมือกลับมาทันที ทั้งยังยืนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว สองมือกุมแน่นวางอยู่ด้านหน้า เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณ….คุณจะฆ่าฉันไหม?”
หลังจากซินชิวได้ยินคำพูดนี้เขาก็มองมาที่เธอ ยิ้มน้อยๆ ในแววตาไม่มีลักษณะของการโจมตีแม้แต่น้อย ถึงขั้นยังมีความเมตตาบางส่วน “นับดูขึ้นมา เธอน่าจะเป็นหลานสาวของฉัน”
ความหมายที่ซ่อนอยู่ก็คือ ปู่ไม่มีทางที่จะฆ่าหลายสาวตัวเองหรอก
แล้วซินชิวก็พูดได้ไม่ผิด นับตามลำดับอาวุโส จีไซเป็นลูกศิษย์ของซินชิว หยุนอิงยังเป็นลูกสาวของจีไซ สมควรที่จะเรียกว่าคุณปู่จริงๆ
คำพูดเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่ว่าหยุนอิงกลับไม่ได้รับการปลอบโยนเลยสักเสี้ยว
เพราะว่ายังมีปัญหาอีกข้อที่เธอไม่เข้าใจ
“คุณ…ทำไมถึงเป็นคนขับรถของไป๋ยี่เฟยได้? เพราะต้องการจะปกป้องเขา?” หยุนอิงถามอย่างสงสัย
ซินชิวเห็นเช่นนี้ก็ส่ายหน้าเรียบๆ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ฉันปกป้องเขา แต่เป็นเขาปกป้องฉัน”
“ทำไม?” หยุนอิงเอ่ยโดยไม่รู้ตัว อย่างไรซินชิวก็เป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนั้น ยังต้องการให้ไป๋ยี่เฟยมาปกป้อง?
ซินชิวเอ่ยเรียบๆ “เพราะว่าฉันในตอนนี้ฝีมือลดระดับลง พ่อของเธอก็อยากจะฆ่าฉันอีก ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงให้เขามาปกป้องฉัน”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของหยุนอิงตกตะลึง จากนั้นก็เป็นความตื่นเต้นและยินดี
แต่ว่าไม่นาน เธอก็เปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้นมา
แม้ว่าตอนนี้พลังของซินชิวไม่เท่าเมื่อก่อน แต่ว่าเธอไม่กล้าเอาชีวิตของตนเองไปเดิมพัน
ยิ่งไปกว่านั้น ระยะห่างที่เธอจะได้รับกลุ่มตนเองของสหพันธ์วรยุทธก็เหลือเพียงขั้นสุดท้ายแล้ว ก่อนหน้านั้นเสียความพยายามไปมากมาย เธอไม่มีทางที่จะเอาชีวิตของตัวเองไปเดิมพันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายนี้
แต่ว่า ความดึงดูดใจที่จะฆ่าซินชิวเช่นนี้สำหรับเธอแล้ว มีมากทีเดียว
เพราะว่าสถานะของซินชิวเดินทีก็สูงส่งมาก กำลังแข็งแกร่ง ถ้าเธอสามารถฆ่าซินชิวได้ เช่นนั้นเธออยู่ในหมู่ผู้ชายก็จะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงบารมีที่สุดอย่างแน่นอน สิทธิ์ในการสืบทอดสหพันธ์วรยุทธยังคงตกอยู่ในกำมือเธอ เกรงว่าทุกคนคงจะเคารพบูชาเธอดุจเทพเจ้า!
ดังนั้น จะเดิมพันหรือไม่เดิมพัน?
……
บนทางเดินใหญ่ของเรือสำราญ
บนดาดฟ้า ในห้องโดยสาร มีเสียงกรีดร้องต่างๆดังขึ้น
ส่วนหน้าต่างของเรือสำราญพวยพุ่งควันหนาทึบออกมา
ทุกคนต่างตื่นตระหนกกันอยู่ มีคนที่เก็บของวิ่งวุ่นวาย ไม่ได้หยิบเอาอุปกรณ์ดับไฟมาดับไฟ สรุปแล้วบนเรือสำราญนั้นวุ่นวายอย่างมาก
เหลียนยินมองดูฉากนี้ ใบหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุด
และก็เป็นในตอนที่วุ่นวายนี้ ใครก็ไม่ได้สังเกตเห็น หลังเรือสำราญด้านข้าง เรือชูชีพที่เดิมทีควรจะอยู่บนเรือสำราญ ตกอยู่บนพื้นทะเล
และที่ด้านข้างของเรือชูชีพ ไป๋ยี่เฟยเอาฉุงลี่ซือดันขึ้นไป จากนั้นตนเองก็พลิกตัวขึ้นไป
สุดท้ายเขาก็ตัดเชือกขาด พายเรือชูชีพ จากที่นี่ไปอย่างเงียบๆ
ที่จริงแล้วเรือชูชีพสามารถใช้เครื่องยนต์เปิดได้ แต่เพื่อที่จะไม่ดึงดูดความสนใจ ไป๋ยี่เฟยถึงได้ใช้แค่ไม้พายพายเบาๆจากตรงนี้ไป
การจากไปของพวกเขาไม่มีคนสังเกตเห็นจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไปที่โกดังสักครั้ง เพื่อที่จะเหลือทางรอดสุดท้ายไว้ให้ตนเอง ตอนนี้ได้ใช้แล้วจริงๆ
ในขณะนี้ ฉุงลี่ซือสวมชุดนอนยางๆนั้นของตัวเอง พิงอยู่บนเรือชูชีพตัวสั่น
เดิมทีเธอก็สวมใส่บาง แล้วยังว่ายอยู่ในน้ำรอบหนึ่ง ตอนนี้นั่งอยู่ ถูกลมพัดเข้าใส่ ก็หนาวอย่างมาก
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยสังเกตเห็นแล้ว ก็ถอดเสื้อนอกของตนเองออกมา โยนให้กับฉุงลี่ซือ
ฉุงลี่ซือลังเลเล็กน้อย ยังคงเอาเสื้อนอกคลุมไว้บนตัว