ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - บทที่ 1061 ตะลุมบอนอีกแล้ว
พอได้ยินดังนั้น หวังเจียจุ้นถึงกับตกตะลึง
เพราะหวังซือซือพูดถูกทั้งหมด
คืนนั้นเกิดเหตุไฟไหม้จริงๆ หลังจากนั้นก็มีคนตะโกนว่าแผ่นดินไหว ตามมาด้วยมีคนตะโกนเรียกให้จับขโมย
และดูเหมือนจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองและหลงหลิงหลิงได้ แต่ความทรงเลือนรางมาก จำได้ไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ ผมจำได้ว่าตัวเองได้ระบายความอัดอั้นออกไปด้วย
แต่ในตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองไม่ได้ถอดแม้แต่เสื้อผ้า ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับหลงหลิงหลิงหรือไม่
ตอนนี้พอหวังซือซือพูด ทุกอย่างจึงดูสมเหตุสมผลขึ้นมา
หวังเจียจุ้นร้องเรียกหวังซือซือ“เธอเป็นคนวางยาฉัน!”
หวังซือซือหัวเราะ“ฉันเป็นคนทำนั่นแหละ แต่ว่านะ ฉันคนเดียวไม่สามารถทำเรื่องยากขนาดนั้นได้หรอก คืนวันนั้นโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากนายซา ฉันถึงได้สามารถวางยาให้คุณอย่างเงียบเฉียบ”
พูดจบ หวังซือซือก็มองไปที่ซาเฟยหยางแวบหนึ่ง
ซาเฟยหยางที่เห็นแบบนั้นจึงยิ้มและพยักหน้า
เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้น จึงตกตะลึงในทันที
ในที่สุดความจริงก็กระจ่าง หลงหลิงหลิงอดที่จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ได้
เธอเสียใจมา และถามด้วยน้ำตาคลอเบ้า“คุณพ่อคุณแม่คะ หรือหนูไม่มีความสำคัญกับคุณพ่อคุณแม่เลยคะ?ถึงได้ทำอะไรสุดที่จะรับได้ขนาดนี้?”
“คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จริงๆเหรอคะว่าพวกเขากำลังใช้คุณพ่อกับคุณแม่ข่มขู่หนูอยู่น่ะ?”
พ่อแม่ของหลงหลิงหลิงก้มหน้าในทันที ไม่กล้ามองหลงหลิงหลิง
หลงหลิงหลิงยังคงพูดต่อไป“พ่อกับแม่อยากให้น้องมีงานดีๆทำ และยังอยากได้เงินค่าสินสอดเป็นล้านจากตระกูลหวัง อยากได้บ้านหลังใหญ่ของตระกูลหวัง สิ่งเหล่านี้ พ่อกับแม่ไม่สนใจลูกสาวของตัวเองเลยใช่ไหม?”
“พ่อกับแม่น่าจะรู้ว่าหนูกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่?”
พ่อกับแม่ของหลงหลิงหลิงยังคงก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร
พ่อแม่ของหลงหลิงหลิงถึงอย่างไรพวกเขาก็มีชีวิตมีหลายสิบปีแล้ว จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังถูกกักขัง และใช้สิ่งนี้เพื่อบีบบังคับหลงหลิงหลิง ตอบตกลงแต่งงานกับหวังเจียจุ้น
พวกเขารู้เรื่องทั้งหมด แต่เพื่อน้องชายของหลงหลิงหลิง และเงินค่าสินสอดหลักล้านกับบ้านหลังใหญ่ จึงทำเป็นมองไม่เห็นก็เท่านั้น
กระทั่งพวกเขายังได้คืบจะเอาศอกเรียกร้องให้หวังเจียจุ้น ให้ช่วยพวกเขาหางานผู้จัดการให้น้องชายของหลงหลิงหลิง
นี่คือคนเป็นพ่อเป็นแม่เหรอ?
หลงหลิงหลิงผิดหวังมาก หัวใจของเธอด้านชาไปหมด
หลงหลิงหลิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่หวังเจียจุ้น ด้วยแววตารังเกียจ“น่าขยะแขยง!”
หลังจากนั้นหลงหลิงหลิงก็ลุกขึ้นมา จะเดินไปทางหวังโหลว
หวังเจียจุ้นกลับคว้าเธอไว้“เธอจะไปไหน?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!”หลงหลิงหลิงสะบัดหวังเจียจุ้นออกไป
หวังเจียจุ้นขวางอยู่ด้านหน้าของหลงหลิงหลิงโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”แม่งเป็นผู้หญิงของฉัน จะไม่เกี่ยวได้ยังไง?”
“หลีกไป!”
จู่ๆฉินหัวก็พุ่งตัวเข้ามา กระแทกหมัดไปที่หวังเจียจุ้น
บอดิการ์ดของตระกูลหวังที่เห็นแบบนั้น จึงรีบเข้าไปปกป้องหวังเจียจุ้น
แต่เขาไม่ใช้คู่ต่อสู้ของฉินหัว ปล่อยไปแค่หมัดเดียวก็ฉินหัวต่อยจนถอยหลังไปหลายก้าว
ฉินหัวจะเข้าไปทำร้ายหวังเจียจุ้นอีกครั้ง
“ปึ้ง!”
มีคนกระเด็นออกไป คนผู้นี้ไม่ใช่หวังเจียจุ้น แต่คือฉินหัว
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
พอมองใกล้ๆ หวังสือชิ่งอยู่ด้านหน้าของหวังเจียจุ้นพอดี พึ่งวางหมัดของเขาลง
ฉินหัวที่แข็งแกร่งขนาดนี้กลับถูกหวังสือชิ่งชกกระเด็นไปไกลขนาดนั้น
ไม่อยากจินตนาการเลยว่า ความแข็งแกร่งของหวังสือชิ่งมีมากขนาดไหน
“พู่!”
ฉินหัวล้มลงกับพื้นหลังจากนั้นก็กระอักเลือดออกมา เขามองไปที่หวังสือชิ่งด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ“แดนเทพยุทธ์!”
“ว่าไงนะ?”
ทุกคนตกใจอีกครั้ง หวังสือชิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์!
หวังสือชิ่งที่เห็นผู้คนเป็นแบบนั้นจึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“ตระกูลหวังของฉันซ่อนตัวจำศีลมาเป็นเวลาห้าสิบปี ตระกูลต่ำๆอย่างพวกแก คิดว่าอยากจะโค่นล้มก็โค่นล้มได้เลยงั้นเหรอ?”
ถือได้ว่าเป็นสี่ตระกูลระดับประเทศ แต่กลับถูกด่าว่าเป็นตระกูลต่ำๆ จะเห็นได้ว่าหวังสือชิ่งมีความมั่นใจมากขนาดไหน
เขามีความมั่นใจจริงๆนั่นแหละ เนื่องจากเขาเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์
ทุกคนต่างตกตะลึงกันทั้งหมด
หวังสือชิ่งพูดอย่างเย้ยหยันออกไปว่า“ในเมื่อพวกแกอยากได้เฟิงหั่วกรุ๊ป ให้พวกแกไปก็ได้ ถึงอย่างไรซะตระกูลของหวังของฉันไม่ได้มีแค่บริษัทเฟิงหั่วกรุ๊ป”
“ตอนนี้ ไม่อยากพูดไร้สาระอะไรแล้ว เราจะกลับบ้านกันแล้ว ดูสิว่าใครจะกล้าขวางฉันอีก?”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ยกเท้าเดินออกไปทันที และหวังเจียจุ้นก็พาหลงหลิงหลิงเดินตามไปด้วย
จากนั้นก็มียอดฝีมือระดับที่หนึ่งหลายคนเข็นอาหยางที่อยู่บนรถวีลแชร์ ตามเข้ามา
ส่วนพ่อแม่ของหลงหลิงหลิง ไม่มีใครสนใจพวกเขาด้วยซ้ำ
ดังนั้นพวกเขาจึงอับอายมาก หวังเจียจุ้นรวบเอวของหลงหลิงหลิงไว้แน่น พวกเขาอยากจะขัดขวาง แต่ก็ไม่กล้า จึงทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะไปหรืออยู่?
พอเห็นคนของตระกูลหวังค่อยๆเข้ามา ไม่มีใครกล้าขัดขวาง พวกเขาหลีกทางให้เป็นแถวโดยอัตโนมัติ
แต่แล้วเวลานี้เอง กลับมาคนตะโกนขึ้นมาเสียงดัง“ไปไม่ได้!”
หลิวเสี่ยวอิงมากับขบวนงานแต่ง ก่อนหน้านี้เธอแอบดูเงียบๆ เพราะเธอรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
แต่ตอนนี้ หลงหลิงหลิงจะถูกคนของตระกูลหวังพาไปแล้ว เธอทนไม่ได้ ดังนั้นจึงก้าวออกมา ขวางอยู่ข้างหน้าคนของตระกูลหวัง
“ทิ้งหลิงหลิงไว้นะ!”
พอเห็นฉากนี้แล้ว สีหน้าของไป๋หยุนเผิงเปลี่ยนไปทันที“เสี่ยวอิง รีบหลีกไป!”
แววตาของหลิวเสี่ยวอิงมุ่งมั่นมาก
แต่หวังสือชิ่งเหมือนจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้เขาไม่อยากเสียเวลา ดังนั้นเขาจึงค่อยๆยกมือขึ้นมา
เหมือนโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็ยังคงตบหลิวเสี่ยวอิงกระเด็นออกไป
“เพี๊ยะ!”
หลังจากที่หลิวกระเด็นออกไปล้มลงกับพื้นแล้ว ก็นอนกองอยู่กับพื้นไม่ขยับเขยื้อนอีก
ไป๋หยุนเผิงกับคนอื่นๆถึงกับเบิกตากว้าง เหมือนวินาทีต่างพากันกลั้นหายใจทั้งหมด
คนที่ได้สติคนแรกคือหวังซือซือ หลังจากที่ตะโกนเรียกเสียงดัง ก็พุ่งตรงไปยังหวังสือชิ่งทันที“แกกล้าตบหลานสาวฉัน ฉันจะเอาแกให้ตาย!”
แต่เธอพุ่งไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆหวังสือชิ่งยื่นมือออกมาบีบคอเธอไว้
หลิวเสี่ยวอิงถูกหวังสือชิ่งตบเข้าให้ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย หวังซือซือจึงโกรธจนตาแดงก่ำ แต่ถึงแม้เธอจะใช้ยาเก่งกาจขนาดไหน การต่อสู้ของเธอกลับไม่เอาไหน
ดังนั้นเธอจึงถูกบีบคออย่างง่ายดาย
ชายวัยกลางคนผู้นั้นยกตัวเธอขึ้นมาในทันที
หวังซือซือไม่สนใจ ยื่นมือออกไปหยิบผงสีแดงมาหนึ่งกำมือ พลางตะโกนด่ากราด“ไปตายซะเถอะ!”
“ปึ้ง!”
ผงถูกโยนออกไป ชายวัยกลางคนผู้นั้นสาวหมัดชกตรงไปที่ลำคอของหวังซือซืออย่างจัง
หวังซือซือถูกทำร้ายจนกระเด็นออกไป
“แม่งเอ้ย!”
ฉินหัวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสพยายามฝืนลุกขึ้นมา พุ่งตรงไปหาคนของตระกูลหวัง
พอเห็นดังนั้น หลี่เฉียงตงกับไป๋หยุนเผิง
เหตุการณ์ตะลุมบอนเกิดขึ้นอีกครั้ง
และในเวลานี้ อาหยางที่อยู่บนวีลแชร์จู่ๆก็ยื่นมือออกมาโยนถั่วแดงไปหลายเมล็ด หลังจากนั้นก็หยิบเข็มทิศออกมาอันหนึ่ง
เห็นเพียงแค่เขาขยับเข็มทิศสองสามครั้ง ทันใดนั้นกำแพงสูงสองสามแห่งก็ปรากฏขึ้น พวกเขาก็แยกคนเหล่านี้ออกจากกัน
ด้วยเหตุนี้ ข้อได้เปรียบของไป๋หยุนเผิงที่มีผู้คนหนาแน่นจึงหมดไป
แต่วินาทีต่อมา ซาเฟยหยางก็คว้าสวีลั่งที่อยู่ข้างๆ แล้วใช้เท้าเหยียบไปบนก้อนหินก้อนหนึ่งที่โดดเด่น