ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - บทที่ 1079 คนมาแล้ว
ที่นี่มีเรือพังลำหนึ่ง คือตอนที่เต้าจ่างตามฆ่าไป๋ยี่เฟยในตอนแรก พบเข้ากับปีศาจทะเล ถูกบังคับให้จอดในที่แห่งนี้ และเรือก็ด้วยเหตุนี้ถูกทิ้งให้เป็นของชำรุด
ผ่านอดีตที่ยาวนานมาก อาหารที่อยู่บนเรือก็ได้เน่าเละไปหมดแล้ว
ทว่าสิ่งเหล่านี้ต่างก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเรือใหญ่มากพอ ห้องโดยสารเรือสามารถขวางกั้นลมทะเลเอาไว้ได้ ภายในห้องโดยสารยังมีเตียง
ไป๋ยี่เฟยจึงพาหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงเข้าไปในเรือพังลำนี้
หลังจากที่ทั้งสองคนเห็นเรือลำนี้ก็ยังตกใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ไป๋ยี่เฟยก็เลยเล่าให้พวกเธอฟังว่าเรือลำนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
แต่ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น ก็กระอักเลือดออกมาอีก
หญิงสาวสองคนหลังจากที่เห็นก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก อารมณ์ที่เดิมทีผ่อนคลายลงเล็กน้อยหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง ช่วยไป๋ยี่เฟยตบหลังไปด้วย แอบน้ำตาไหลอย่างเงียบๆไปด้วย
พวกเธอสุดท้ายก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยหยุดไอก็พิงไปบนกำแพง คนทั้งคนอ่อนแอลงยิ่งกว่าเดิม
หลิวเสี่ยวอิงรีบหาเบาะนิ่มที่อยู่ภายในห้องโดยสาร ให้ไป๋ยี่เฟยนั่งลงบนเบาะ
จากนั้นหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงก็นั่งลงเช่นเดียวกัน
หลี่เสว่นำศีรษะของไป๋ยี่เฟยวางลงบนต้นขาของตนเอง ให้เขาหนุนนอน
และที่ไป๋ยี่เฟยพาพวกเธอมาที่นี่ ไม่ได้จะทำอะไรจริงๆ ถึงอย่างไรคนก็จะตายอยู่แล้ว จะมีอารมณ์ไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันอีก?
เขาเพียงแค่ไม่อยากให้คนเหล่านั้นเห็นสภาพที่ย่ำแย่หมดหนทางของเขาก็เท่านั้นเอง
“ที่รัก…”
หลี่เสว่ใช้สองมือที่อ่อนนุ่มประคองใบหน้าของไป๋ยี่เฟยเบาๆ และน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเธอก็หยดลงบนใบหน้าของไป๋ยี่เฟย จากนั้นเธอก็เช็ดออกเบาๆอีก
ไป๋ยี่เฟยกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาเพียงแค่มีความสุขอยู่กับการปลอบโยนที่ใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆนี้
และเขาตอนนี้ อะไรก็ไม่อยากจะไปคิดแล้ว เขาเพียงแค่อยากตายไปอย่างเงียบๆ ภายในอ้อมแขนของผู้หญิงทั้งสองคนของตนเอง
ไป๋ยี่เฟยกุมมือข้างหนึ่งของหลี่เสว่เอาไว้ เอ่ยขึ้นอย่างออดอ้อนราวกับเด็กก็ไม่ปาน “ไม่ต้องลูบแล้ว บนใบหน้าสกปรกมาก”
หลี่เสว่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงรีบลุกขึ้นไปหาผ้าขนหนู กะละมังและน้ำ จากนั้นเช็ดหน้าให้กับไป๋ยี่เฟย
รอจนหลังจากที่เช็ดเสร็จ มืออีกข้างของไป๋ยี่เฟยกุมมือของหลิวเสี่ยวอิงเอาไว้ เขาเอ่ยขึ้นอย่างละอายใจมากว่า “ผมผิดต่อพวกคุณ”
“ฮือๆ…” หลิวเสี่ยวอิงร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลี่เสว่ก็ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลลงมาตามหางตา
จากนั้นหลี่เสว่ก็หยิบที่โกนหนวดไฟฟ้าออกมาจากในกระเป๋าของหลิวเสี่ยวอิง เธอโกนหนวดที่เป็นเพราะหลายวันไม่ได้โกนของไป๋ยี่เฟยออกอย่างช้าๆ
ไป๋ยี่เฟยดูมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้มาก
เขายันตัวเองลุกนั่งขึ้นมา จากนั้นโอบหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงเข้ามาในอ้อมแขนทั้งซ้ายและขวา เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม “ก่อนหน้าที่จะตายมีพวกคุณอยู่เป็นเพื่อน มีความสุขจริงๆเลย!”
มีความสุขคือมีความสุขจริงๆ รอยยิ้มนั่นกลับไม่เป็นจริง
…
เรือเหล่านั้นที่อยู่ริมชายฝั่งมีความรู้ใจกันเป็นอย่างมาก ศัตรูไม่ขยับฉันไม่ขยับ ยังคงไม่มีใครออกมาจากห้องโดยสารเรือ พวกเขามีความอดทนเป็นอย่างมากในการรอคอย
มีเพียงคนที่อยู่บนเรือลำนั้นของพวกหลี่เสว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและเศร้าสลด
เฉินห้าวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามไป๋หยุนเผิงอีกครั้ง “ไม่มีวิธีไหนแล้วจริงๆหรอครับ?”
ไป๋หยุนเผิงไม่ได้ตอบกลับคำถามนี้ของเฉินห้าว เขาเพียงแค่จับราวกั้นด้วยมือสองข้างที่สั่น
เพราะว่าคำถามนี้ได้มีสิบกว่าคนเคยถามเขาแล้ว ทุกครั้งที่เขาตอบ ใจก็จะเจ็บตามขึ้นมาทุกครั้ง
ซาเฟยหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างมองไปทางเรือชำรุดที่อยู่อีกด้าน เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “คนที่เล่นหมากไม่เคยใส่ใจความเป็นความตายของหมากมาก่อน”
เฉินห้าวเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “งั้นพวกเราก็ต้องทำอะไรบ้างล่ะมั้ง?”
ไป๋หยุนเผิงส่ายศีรษะพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก “การต่อสู้ระหว่างคนเหล่านั้น พวกเราไม่มีทางแทรกมือได้เลย”
“สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือเฝ้าดูเขา จนกระทั่งเขาจากไป” ซาเฟยหยางถอนหายใจเบาๆพร้อมกับเอ่ย
ไป๋หยุนเผิงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเอ่ยว่า “ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันดีๆเถอะ อย่าไปรบกวนพวกเขาเลย”
…
ฟ้ามืดลงโดยสมบูรณ์แบบ
ภายในเรือชำรุด ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่บนเตียง หลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ที่ทั้งสองข้างของเขา ห่มผ้านวมผืนเดียวกัน แอบอิงอยู่ด้วยกันอย่างแน่นหนา รับรู้ถึงความอบอุ่นของกันและกัน
“ตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยมปลายเป็นดาวของโรงเรียน” หลิวเสี่ยวอิงพูดถึงเรื่องในอดีตขึ้น “ตอนนั้นผู้ชายห้องเราต่างก็ชอบฉันกันหมดเลยล่ะ!”
“อีกทั้ง…ที่จริงแล้วฉันเคยชอบผู้ชายคนหนึ่ง หากเขาสารภาพกับฉันล่ะก็ ฉันคิดว่าฉันจะต้องตอบรับเขาอย่างแน่นอน”
“เพียงแต่เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ กลายเป็นเจ้าชายนิทรา”
“ฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่า ที่เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นเพราะรู้ว่าฉันประจำเดือนมา เขาปีนออกจากโรงเรียนไปซื้อน้ำตาลแดงให้ฉัน เป็นคนที่โง่จริงๆ”
“ตอนที่เขาถูกชน ในมือยังดึงถุงน้ำตาลแดงเอาไว้แน่น”
“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ตัดสินใจเรียนหมอกับน้ารอง”
เหตุผลที่หลิวเสี่ยวอิงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เพียงแต่เป็นเพราะในใจยังมีปมหนึ่งมาโดยตลอด และก็เป็นความเสียใจในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
เพราะว่าหลังจากที่ผู้ชายคนนั้นกลายเป็นเจ้าชายนิทราเธอรู้ว่าเขาไม่มีหวังที่จะฟื้นขึ้นมา เพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ชายคนนั้น ในขณะเดียวกันก็เพื่อบรรเทาความกดดันจากครอบครัว พ่อแม่ของเขาสละทิ้งการรักษา
หลิวเสี่ยวอิงก็ไม่ได้เรียนรู้ความสามารถที่จะสามารถทำให้เจ้าชายนิทราฟื้นขึ้นมาได้มาโดยตลอด อีกทั้งต่อให้เรียนรู้แล้ว ก็สายไปแล้ว
หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่ระลอกหนึ่ง อยู่ๆหลิวเสี่ยวอิงก็หัวเราะพร้อมกับเอ่ยถามหลี่เสว่ขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “เสว่เอ๋อ เธอล่ะ?”
“ฉัน ฉันก็เหมือนกัน” หลี่เสว่ราวกับได้สติกลับคืนมาอย่างกะทันหัน ตอบกลับตามมาหนึ่งประโยคอย่างมึนงง
และไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงต่างก็มองดูเธอด้วยความตกใจ “ผู้ชายที่เธอชอบก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์กลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้วเหมือนกัน?”
หลี่เสว่หน้าแดงด้วยความเก้อเขินในทันที จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างโอ้อวดว่า “ฉันหมายความว่าฉันก็เป็นดาวโรงเรียนเหมือนกัน”
ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงจ้องเธอด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ เพราะที่เธอพูดมาประโยคนี้เป็นคำพูดที่ไร้สาระ
หลิวเสี่ยวอิงเห็นท่าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยไล่ตามว่า “เธอควรจะพูดความลับของเธอมาหน่อย จะให้ฉันพูดคนเดียวไม่ได้”
หลี่เสว่ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่สุดท้ายก็ยังคงเอ่ยขึ้นว่า “ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้มีความลับอะไร เพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตต่างก็ไม่เคยมีความรักมาก่อน”
“จะพูดก็พูดได้แต่ไป๋ยี่เฟยแล้ว”
“แค่กๆ…”
ไป๋ยี่เฟยไอขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงหยิบเอากะละมังมาด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ให้ไป๋ยี่เฟยนำเลือดไอลงไปในกะละมัง ในกะละมังได้บรรจุเลือดไปครึ่งกะละมังแล้ว
ในเวลานี้ ด้านนอกห้องโดยสารเรือมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ปึ้งๆ…”
ไป๋ยี่เฟสฝืนหยุดไอ สีหน้าก็ยิ่งซีดเผือดขึ้น
เสียงของหยุนอิงดังสะท้อนเข้ามาจากด้านนอก เธอเอ่ยว่า “คนมาแล้ว”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินประโยคนี้นัยน์ตาก็ส่องสะท้อนการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็ฟื้นคืนสู่ความนิ่งสงบอีกครั้ง เขาเอ่ยกับหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงด้วยรอยยิ้ม “เป็นเวลาที่จะบอกลาแล้ว”
ประโยคนี้พูดออกไป หลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงก็กุมหน้าร้องไห้ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
เห็นว่ากำลังจะจากลากันชั่วนิรันดร์ หลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงก็ปวดใจอย่างไม่สามารถที่จะเพิ่มเติมได้อีก
ฟ้ารู้ว่าพวกเธอทำใจไม่ได้แค่ไหน ก่อนหน้าที่ผู้ชายของพวกเธอกำลังจะตายยังจะไปแก้แค้นให้กับคนอื่น
หลี่เสว่กุมมือของไป๋ยี่เฟยเอาไว้แน่น “ไม่ไปได้ไหมคะ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายศีรษะเบาๆ ทั้งยังลูบศีรษะของเธอเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ย “ผมอยากตายอย่างสบายใจหน่อย”
หลังจากพูดจบ เขากอดหลี่เสว่และหลิวเสี่ยวอิงอีกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นหมุนตัวเดินไปทางด้านนอกอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
และหยุนอิงที่มองดูอยู่ด้านนอก มองเห็นฉากนี้ ก็คิดถึงสภาพที่เคยไปมาหาสู่กับไป๋ยี่เฟยขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยออกมาเช่นเดียวกัน
…
เรือที่ริมชายฝั่งนั้นไม่ใช่ค่ายเดียวกัน แต่พวกเขาต่างก็มีความใจตรงกันที่ลึกซึ้งมากชนิดหนึ่ง พวกเขาล้วนไม่อยากไปเป็นเหยื่อที่กลายไปเป็นเหยื่ออีกที แต่พวกเขาอยากจะเป็นผู้ล่าในตอนสุดท้าย
และไป๋ยี่เฟยสำหรับพวกเขาแล้ว แม้แต่เหยื่อตัวแรกก็ยังไม่ใช่ มากที่สุดก็คือแมลงที่ใช้ล่อเหยื่อก็เท่านั้น
ดังนั้นไม่มีใครจะสนใจความเป็นความตายของเขา ไม่รู้สึกว่าเป็นการข่มขู่
ที่พวกเขาสนใจมีเพียงแค่ตอนที่เขาตาย คนๆนั้นจะปรากฏตัวออกมาหรือไม่?
ไป๋ยี่เฟยแน่นอนว่าก็ไม่สนใจคนเหล่านี้ ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่ทำเรื่องสุดท้ายให้สำเร็จ ฆ่าท่านดยุก