ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - บทที่1066 ตกตะลึง
หวังเจียจุ้นนอนเหยียดอยู่บนพื้น นอกจากมุมปากมีเลือดไหลแล้ว ที่ท้องของเขายังมีรูเลือดรูหนึ่ง
มองจากรูเลือดสามารถมองเห็นอวัยวะภายในของช่องท้องหวังเจียจุ้นได้อย่างชัดเจน ซึ่งใต้ร่างเขาทิ้งกองเลือดบาดตาไว้กองหนึ่ง
หลังไป๋ยี่เฟยตกลงบนพื้นก็กึ่งคุกเข่าบนพื้น ใช้มือดันพื้นไว้
ซึ่งหลงหลิงหลิงที่เห็นไป๋ยี่เฟยยืนขึ้นมา ก็เผยรอยยิ้มวางใจออกมาได้ในที่สุด จากนั้นเจ้าตัวก็ล้มลงบนพื้น สลบไปทันที
โดยในช่วงเวลานี้ อากาศรอบๆ ราวกับจับตัวแข็ง
ในที่เกิดเหตุเงียบกริบแม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยิน
หวังสือชิ่งมือสั่นเดินไปหยุดตรงหน้าร่างหวังเจียจุ้น มุมปากหวังเจียจุ้นยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด หลังร่างสั่นกระตุกสองครั้งก็ไม่หายใจอีก
หวังเจียจุ้นตายแล้ว
หวังสือชิ่งทั่วร่างสั่นเทิ้มขึ้นมา
“แก……แกถึงกับ……ฆ่าลูกชายฉัน……ต่อหน้าฉัน!”
หวังสือชิ่งโกรธมาก เขาตาแดงก่ำแล้ว
“เป็นแค่สวะระดับที่หนึ่งชั้นกลางคนหนึ่ง ถึงกับกล้าฆ่าลูกชายฉันต่อหน้าฉัน!”
“ฉันจะฆ่าแก!”
“จะทำให้แกตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”
หวังสือชิ่งคำรามด้วยความโกรธ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
เขายื่นนิ้วหนึ่งออกมา ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟย
เวลานี้ ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงฉานหาใดเปรียบคู่นั้นจ้องหวังสือชิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งเวลานี้หน้าผากเขายังมีเลือดไหลออกมา หน้าตาดูน่ากลัวกว่าหวังสือชิ่งเสียอีก
“อ๊าก!”
ไป๋ยี่เฟยเองก็คำรามออกมาด้วยความโกรธเช่นกัน ตามด้วยหมัดข้างหนึ่งกระแทกใส่หวังสือชิ่ง
เขาในเวลานี้ไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์โดยสิ้นเชิง เขาเองก็ไม่กลัวว่าหวังสือชิ่งจะฆ่าเขาหรือไม่
ที่เขาคิดถึงเป็นเพียงความทรงจำที่เคยเกิดขึ้น
ญาติพี่น้องบางคนจากโลกนี้ไป และการมาถึงของลูก
ยังมีการติดพันกับหลิวเสี่ยวอิง
การตายอย่างน่าเวทนาของฉุงลี่ซือ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งหมดทั้งมวลในเวลานี้ล้วนปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจนในสมอง
“ตูม!”
หลังเกิดเสียงกัมปนาทขึ้นเสียงหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนจะกลับมาสู่ความเป็นจริง
ซึ่งในเวลานี้ เขาถึงกับมองเห็นสีหน้าตื่นกลัวของหวังสือชิ่ง
หวังสือชิ่งถึงกับกำลังหวาดกลัว?
เป็นเช่นที่เขาคิด หวังสือชิ่งกำลังหวาดกลัวอยู่จริงๆ แต่ที่เขากลัวไม่ใช่ไป๋ยี่เฟย แต่เป็นอีกใบหน้าหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าไป๋ยี่เฟยกะทันหัน
แน่นอนว่าไป๋ยี่เฟยย่อมไม่มีความสามารถอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้
นี่อาจเป็นเพียงวิธีบดบังสายตาแบบหนึ่ง หรืออาจเป็นภาพหลอนของหวังสือชิ่งเอง แต่อย่างไรเขาก็มองเห็นใบหน้าหนึ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว
ซึ่งใบหน้านี้ก็คือเยว่!
พริบตาที่คนทั้งสองประมือกัน บนหน้าของไป๋ยี่เฟยถึงกับมีเงาของเยว่วาบผ่าน
สำหรับยอดฝีมือทั่วไปแล้ว พวกเขาย่อมไม่เคยพบเห็นเยว่ แต่หวังสือชิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์ เขาย่อมเคยพบเยว่
แต่ทุกคนที่เคยพบเยว่ ต่างรู้ว่าฝีมือของเยว่น่าหวาดกลัวมากถึงมากที่สุด
หวังสือชิ่งร้องออกมาอย่างตกใจ “แก แกตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
และเพราะเหตุนี้ พละกำลังที่พุ่งมาของหวังสือชิ่งนั้นพริบตาถึงกับหายไปครึ่งหนึ่ง
ทว่าหมัดนี้ที่ปล่อยออกมาของไป๋ยี่เฟยพละกำลังถึงกับเหนือกว่าที่หวังสือชิ่งจินตนาการไว้
ตอนที่เกิดเสียงดังกัมปนาท หวังสือชิ่งถึงได้สติคืนมา
แต่เพราะความลังเลของเขา มืออีกข้างหนึ่งของไป๋ยี่เฟยที่ถือมีดสั้นแผ่นเหล็กไว้ ถึงกับทะลวงเขตแดนอันสมบูรณ์แบบของเขา แล้วใช้มีดสั้นเล่มนั้นเสียบเข้าที่หัวใจเขาอย่างรุนแรง
“ฉึก!”
หวังสือชิ่งเบิกตากว้างในพริบตา มองไป๋ยี่เฟยอย่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อ
ซึ่งไป๋ยี่เฟยกับหวังสือชิ่งปะทะกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะจบสวยโดยไร้รอยขีดข่วน
มือขวาของเขาอ่อนยวบตกลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง บางทีกระดูกคงจะแตกละเอียดไปแล้ว
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจสักนิด ยังคงใช้มีดสั้นเสียบเข้าที่หัวใจของหวังสือชิ่งโดยไม่ลังเล
“ฉันบอกแล้วไง ไม่ว่าเป็นใคร แล้วยังมาทำร้ายผู้หญิงของฉัน พวกมันต้องชดใช้!
“นั่นก็คือความตาย!”
ไป๋ยี่เฟยถลึงตาใส่หวังสือชิ่งพลางกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
หวังสือชิ่งยังรักษาสีหน้าท่าทางเมื่อครู่ไว้ “แก……ไม่นึกเลยว่า……จะเป็น……เยว่……”
“สวบ!”
เขายังพูดไม่ทันจบ ไป๋ยี่เฟยก็ดึงมีดออกมา
……
ไม่ไกลกันนัก รถหลายสิบคันกำลังแล่นฉิวมาที่นี่อย่างรวดเร็ว ซึ่งรถเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นของสี่ตระกูลใหญ่ และลูกน้องของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยไม่ฟังคำโน้มน้าวยืนกรานจะมาแก้แค้นหวังสือชิ่ง หลังไป๋ยี่เฟยขับรถไป พวกเขาก็รีบตามมาทันที
พวกเขาคิด ต่อให้ตอนนี้ไม่อาจแก้แค้นได้ ก็ไม่อาจทำให้ไป๋ยี่เฟยไปรนหาที่ตายคนเดียวได้
ดังนั้น คนของพวกเขาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะลูกน้องของไป๋ยี่เฟย ต่างคิดมาดีแล้ว จะร่วมตายไปพร้อมกับไป๋ยี่เฟย
ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ฉุงเฉ่าเจว๋ที่กำลังยุ่งยาก ยังคงพาคนขับรถตามมาที่นี่เช่นกัน
ระหว่างพวกเขาคลาดกันเพียงสิบกว่านาที ซึ่งสิบกว่านาทีนี้เป็นช่วงเวลาที่ไป๋ยี่เฟยสู้กับคนตระกูลหวังพอดี
ดังนั้นตอนไป๋หยุนเผิงรุดมาถึงก็ลงจากรถ เห็นหวังสือชิ่งกับไป๋ยี่เฟยยืนเผชิญหน้ากันพอดี ซึ่งไป๋ยี่เฟยทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ดังนั้นเขาจึงคิดไปโดยสัญชาตญาณว่าหวังสือชิ่งกำลังจะฆ่าไป๋ยี่เฟย
“อย่าฆ่าลูกชายฉัน!”
“รีบหยุดมือ!”
หลังพวกฉินหัวลงจากรถก็พุ่งตามเข้ามาเช่นกัน
คนกลุ่มใหญ่พุ่งไปหาไป๋ยี่เฟยกันพึ่บพับ
ทว่าตอนที่อยู่ห่างจากไป๋ยี่เฟยราวเจ็ดแปดเมตร ก็ได้ยินเสียง “ปัง”
หวังสือชิ่งหงายหลังล้มลงพื้นจนฝุ่นกระจาย
ฝีเท้าทั้งหมดของไป๋หยุนเผิงและพวกฉินหัวต่างหยุดชะงัก
พวกเขาล้วนเผยสีหน้าท่าทางตกตะลึงออกมา ทั้งหมดต่างตะลึงงัน
ไป๋ยี่เฟยยังยืนอยู่ ส่วนหวังสือชิ่งล้มลง เห็นได้ชัดว่าตายแล้ว
หวังสือชิ่ง ผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์คนหนึ่ง ถูกฆ่าตายเช่นนี้เอง
ทุกคนล้วนบื้อใบ้กันหมด
ไป๋ยี่เฟยฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นกลางคนหนึ่ง ถึงกับฆ่าผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์ตาย!
หลังได้สติคืนมา ภาพจำที่พวกเขามีต่อไป๋ยี่เฟยก็เปลี่ยนแปลงไป มีความหวาดกลัว มีความประหลาดใจ ยังมีความเลื่อมใสอย่างบ้าคลั่งที่พูดไม่ออก
ซึ่งในเวลานี้ ก็มีคนสองสามคนเดินออกมาจากฝูงคน
เป็นหลิวเสี่ยวอิงที่เพิ่งฟื้น เธอถูกหลิวโก๋จงกับอู๋หยุนประคองไว้ เดินหน้ามาทีละก้าวๆ ซึ่งกลุ่มคนต่างเปิดทางให้โดยอัตโนมัติ
พวกเขาเองก็มองไป๋ยี่เฟยที่เลือดท่วมตัวด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
อู๋หยุนไม่รู้ระดับขั้นของผู้ฝึกยุทธ แต่หลิวโก๋จงรู้
ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาถึงจงใจไปกระตุ้นไป๋ยี่เฟย ให้เขาไปแก้แค้น ความจริงแค่อยากให้เขารู้จักความยากลำบากแล้วถอยด้วยตนเอง ขณะเดียวกันก็ให้เขาคิดว่า แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ จึงไม่มีสิทธิมาอยู่ด้วยกันกับลูกสาวเขา
แต่ยังคงคิดไม่ถึงว่า ไป๋ยี่เฟยจะตามไปแก้แค้นจริงๆ
ดังนั้น ตอนที่เห็นทุกคนต่างไล่ตามไป๋ยี่เฟยไป เขาถึงรู้ว่าคำพูดคราวนั้นของตนได้ก่อหายนะใหญ่หลวง หลังช่วยปลุกหลิวเสี่ยวอิงก็ตามมาที่นี่
ซึ่งตอนที่หลิวเสี่ยวอิงรู้เรื่องทุกอย่างอยู่บนรถ ก็ร้องไห้โฮอย่างร้อนใจ
และตอนนี้เธอเห็นไป๋ยี่เฟยเลือดท่วมตัว กำลังตกที่นั่งลำบาก ก็ทนไม่ไหวร้องไห้โฮขึ้นมา