ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 100 ให้คนที่บ้านของแกส่งเงินเข้ามา
บทที่ 100 ให้คนที่บ้านของแกส่งเงินเข้ามา
“เจียงฉี? แก!แกมาที่นี่ได้ยังไงกัน?” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ไม่กล้าที่จะเชื่อ เหมือนกับเห็นผีก็ไม่ปาน
“หรือว่าลู่กวงพลาดแล้ว? เป็นไปได้ยังไงกัน?” ลูกน้องรายหนึ่งของฉินฝู้กุ้ยก็เอ่ยขึ้นด้วยความช็อกเช่นเดียวกัน จ้องเขม็งไปที่เจียงฉี
ชั่วพริบตา สีหน้าของพวกฉินฝู้กุ้ยต่างก็เปลี่ยนเป็นสับสนจนถึงขีดสุด
เมื่อครู่นี้ยังรอข่าวที่เจียงฉียอมอ่อนข้อเชื่อฟังคำสั่งอย่างปลื้มปริ่ม พวกเขาก็รอรับเงินอย่างมั่นคงเหมือนหมาตาย
แต่คิดไม่ถึง นี่เพิ่งจะกี่นาที เจียงฉีปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเดี๋ยวนี้?
นี่คงจะไม่ใช่หมายความว่า คนที่ลู่กวงพาไปด้วยต่างก็ราบคาบหมดแล้ว?
“ฉินฝู้กุ้ย แม่ของฉันถูกแกจับไปไว้ที่ไหนแล้ว?” เจียงฉีเอ่ยถามด้วยเสียงที่เยือกเย็น จ้องเขม็งไปที่ฉินฝู้กุ้ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห
ดวงตาของฉินฝู้กุ้ยหรี่ลงเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย หลังจากเข้าใจความคิดที่เจียงฉีพาคนเข้ามา เขาไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป และก็ไม่หวาดกลัวเด็กหนุ่มที่ฝีมืออาจหาญคนนี้อีกเช่นเดียวกัน
ใช่สิ!แม่ของเจียงฉีก็ยังอยู่ในมือของตนเอง กูลนลานอะไรกัน?
หรือว่าเจียงฉียังจะสามารถพลิกฟ้าได้? ยังกลัวมันไม่ยอมเชื่อฟัง?
ต่อให้มันเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้มา แล้วนั่นจะยังไงได้อีก?
ตัวเองลมพายุคลื่นทะเลใหญ่เห็นมาเยอะแล้ว หมัดรุนแรงอีกแค่ไหนก็มีวิธีการที่จะรับมือ!
“หึ” ฉินฝู้กุ้ยหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน สังเกตหลินอิ่งครู่หนึ่ง ก็หันไปทางเจียงฉีอีกครั้ง “แม่ของแกหายไปแล้ว เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“พวกแกไอ้โง่ทั้งสองคงจะไม่ได้มาที่ฉินหยุนโล๋หาเรื่องให้กับฉันหรอกมั้ง?” ฉินฝู้กุ้ยดูดซิการ์คำหนึ่ง เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเต็มร้อย
“ไม่เกี่ยวกับแก?” ความโมโหของเจียงฉีทะลักขึ้น เอ่ยซักว่า “ลู่กวงคือลูกน้องของแก มันจับตัวแม่ของฉันไป แกกล้าบอกว่าแกไม่รู้?”
ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “เจียงฉี แกคงจะไม่ได้คิดว่าจัดการลู่กวงไปคนหนึ่ง ก็สามารถผยองต่อหน้าของฉันได้หรอกล่ะมั้ง? แกรู้หรือไม่ว่า นี่คือที่ของใคร?”
“แกแน่ใจว่า แกจะแกล้งตายก็ไม่ยอมปล่อยคน?” เจียงฉีซักถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
“อ๋อ? นี่แกกำลังข่มขู่ฉันหรอ?” ฉินฝู้กุ้ยหัวเราะประชดประชันอย่างไม่แยแส “ลู่กวงก็เป็นขยะคนหนึ่ง แม้แต่แกก็จัดการได้ แต่ว่าคราวนี้ก็ดีแล้ว ตัวแกเองมาส่งถึงที่”
“เจียงฉี ในเมื่อแกรู้ว่าแม่ของแกอยู่ในมือของฉัน แกอยากจะช่วยชีวิตเธอใช่หรือเปล่า?” ฉินฝู้กุ้ยพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหยอกเย้า “งั้นก็แสดงท่าทีขอร้องคนของแกออกมา!ทำให้ชัดเจน ตอนนี้เป็นใครที่ครอบครองอำนาจในการตัดสิน!แกแม่งนึกว่าเรียกผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้มา แอบปะปนเข้ามาในห้องรับรองพิเศษ ก็จะสามารถข่มขู่ฉันได้?”
“ตอนนี้แกคุกเข่าลงให้กับกู!ค่อยให้ผู้ต่อสู้ที่ไม่รู้จักความเป็นความตายด้านข้างของแก คุกเข่าลงขอโทษพี่น้องของฉัน!”
ฉินฝู้กุ้ยลุกพรึ่บขึ้นมา ออร่าเต็มสิบ ออกคำสั่งต่อหน้าหลินอิ่งและเจียงฉี
“กูให้เวลาพวกมึงสองคนสิบวินาที!” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างเผด็จการเต็มร้อย “ขุกเข่าโขกหัว!จากนั้น เจียงฉี มึงค่อยตรงไปตรงมากับกู เซ็นสัญญาส่งต่อบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ให้หมด ไม่เช่นนั้น ตอนนี้ฉันก็จะโทรศัพท์ จัดการกับแม่ของแก!”
ในสายตาของเขา หลินอิ่งก็เป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดมืออาชีพที่เจียงฉีจ่ายเงินจ้างมาก็เท่านั้นเอง จะให้ต่อสู้ได้อีกแค่ไหนแล้วจะยังไง? แม่ของเจียงฉียังอยู่ในมือ ก็คือไพ่ใบเอกที่ไม่มีทางแพ้ได้!
เจียงฉีโมโหจนถึงขีดสุด จ้องเขม็งฉินฝู้กุ้ยอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าฉินฝู้กุ้ยยังจะกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเรียกหลินอิ่งคุกเข่าให้กับเขา? ความตายมาถึงตัวแล้วยังไม่รู้จริงๆ
เพียงแต่ ท่าทีที่หยิ่งผยองนี้ของฉินฝู้กุ้ย ก็ไม่แปลกเพราะสติปัญญาของเขาต่ำเกินไป อย่างไรเสีย เขาก็ไม่เคยเห็นวิธีการและความสามารถที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินของหลินอิ่ง!
“ประธานหลิน ดูเหมือน ฉินฝู้กุ้ยจะไม่ยอมจำนนแล้วครับ คุณดูว่าจะจัดการเขายังไงเถอะ” เจียงฉีเอ่ยขึ้นอย่างเคารพนบนอบ ถอยไปยังด้านหลังของหลินอิ่ง
หลินอิ่งมองดูฉินฝู้กุ้ยครู่หนึ่งด้วยสายตาที่เยือกเย็น
สายตานี้มองจนฉินฝู้กุ้ยในใจรู้สึกเยือกเย็น รู้สึกเหมือนถูกปีศาจตนหนึ่งจับจ้องยังไงอย่างงั้น ทั่วทั้งร่างกายเหน็บหนาวไปหมด
“ประธานหลิน? หมายความว่าอะไร? เจียงฉี เขาไม่ใช่บอดี้การ์ดของแก?”ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนกประหลาดใจ จ้องเขม็งไปที่หลินอิ่ง อยู่ๆรู้สึกเหมือนเรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เจียงฉีดูเหมือนมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก แม่ของเขาต่างก็อยู่ในมือของตนเอง อาศัยอะไรมาผยองขนาดนี้? ก็อาศัยแค่เด็กหนุ่มสวมชุดกันลมสีดำนี่?
ฉินฝู้กุ้ยค่อนข้างคิดไม่เข้าใจ หันไปทางหลินอิ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า “เจียงฉีเรียกแกประธานหลิน? แกเป็นใคร?”
“ฉันเป็นใคร?” หลินอิ่งหัวเราะขึ้นมาอย่างเยือกเย็น “เมื่อครู่นี้แกไม่ได้หยิบเอาเงินของฉัน แบ่งกันอย่างมีความสุขมากหรอกหรอ?”
“เงินของแก?” ฉินฝู้กุ้ยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองไปยังธนบัตรสีแดงกระสอบใหญ่สิบกว่ากระสอบภายในห้อง สายตาตกใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดถึงจุดสำคัญของปัญหาขึ้นมาได้
สถานะของเด็กหนุ่ม ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด!
“แก!แกคือบอสใหญ่คนนั้นที่อยู่เบื้องหลังของเจียงฉี? แกเป็นใคร? ทำไมฉันไม่เคยเห็นแกมาก่อน!” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ
ในฐานะที่เป็นบุคคลในยุทธภพที่เก่าแก่คนหนึ่ง บุคคลที่มีหน้ามีตาในเมืองชิงหยูนเขาแทบจะรู้จักทั้งหมด!
ยิ่งอย่าพูดถึง คนที่สามารถหยิบเอาหลายพันล้านไปให้กับเจียงฉีดำเนินการได้อย่างง่ายดาย
บุคคลที่ทรัพย์สินทะลุฟ้าแบบนี้ จะเงียบเชียบไม่มีชื่อเสียงได้ยังไงกัน?
“หลินอิ่ง” หลินอิ่งเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“หลินอิ่ง?” หลินอิ่งไหนของเมืองชิงหยูน? มีเงินมากมายขนาดนี้?” ลูกน้องคนหนึ่งของฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย และก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
“ไม่ถูก? หลินอิ่งที่หนุ่มขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นเขยขยะในตำนานคนนั้นของตระกูลจาง?” ฉินฝู้กุ้ยเบิกตาโพลงจ้องหลินอิ่ง รู้สึกมีอะไรไม่ถูกเป็นอย่างมาก
“แม่งเอ๊ย กูไม่สนว่ามึงคือเทพถนนสายไหน อย่ามาเล่นละครแบบนี้กับกู!”ฉินฝู้กุ้ยเพี้ยะเขวี้ยงซิการ์ทิ้ง ในสายตาเผยความมืดมนและเยือกเย็นออกมา
“กูไม่สนใจว่ามึงจะมีเงินมากเท่าไร? กี่หมื่นล้านแล้วจะยังไง? มึงแม่งก็ไม่ใช่ว่ามีชีวิตเดียวหรอกหรอ?” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างดุเดือด “บุกเดี่ยวมาผยองในเขตของกู? มึงเป็นเทพมังกรตนไหนก็ต้องสยบราบ!”
“บุกเข้าไป!จัดการมันได้ค่อยว่ากัน!”
ฉินฝู้กุ้ยโบกมืออย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย สั่งการเด็ดขาด ลูกน้องหลายคนข้างกายของเขาล้วงเอามีดออกมาในทันที พุ่งเข้าไปจะเอามีดทะลวงหลินอิ่ง ลงมือได้รุนแรงและดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง!
ถึงอย่างไร ลูกน้องของฉินฝู้กุ้ยนี่ต่างก็เป็นพวกเดนตาย โจรที่เรียกค่าไถ่จนครอบครัวเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา โหดเหี้ยมอำมหิตไม่ต้องพูดถึง ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้างไม่มีให้กิน เท้าเปล่าก็กล้าฆ่าบอสหลักพันล้านได้ ความกล้านั้นไม่มีปิดคลุม
สำหรับพวกเขาแล้ว บอสที่เงินมากอีกแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
เพล้ง!
มีดหลายเล่มแทงเข้ามา หลินอิ่งลุกขึ้นถีบโต๊ะคว่ำ กระโดดตัวขึ้นไปก็กระบวนท่าแส้ขาอย่างต่อเนื่อง เสียงกระทบกับอากาศพรึ่บพรั่บ ชั่วพริบตากวาดเรียบทุกคน ชายร่างใหญ่ห้าหกคนต่างก็ส่งเสียงร้องที่เจ็บปวดออกมา ทั้งหมดถูกกวาดไปที่ข้อมือ กระดูกหักในทันที มีดก็ยังกำไม่ไหว เพล้งตกลงบนพื้น
“อ๊าก!นี่คือความแข็งแกร่งอะไรกัน!!” ชายร่างใหญ่หลายคนต่างก็ถูกถีบจนข้อมือหัก ทั้งหมดนอนราบอยู่บนพื้นกุมข้อมือโอดร้องเสียงดัง
“กล้าขยับอีกกูจะยิงมึงให้ตาย!”
ฉินฝู้กุ้ยคำรามออกมา ไม่รู้ว่าเอาปืนลูกซองมาจากที่ไหน ดูเหมือนเป็นสิ่งที่พกติดตัวอยู่ในห้องรับรองพิเศษ ปากกระบอกเล็งมาที่หลินอิ่งอย่างแม่นยำ
“นี่ ฉินฝู้กุ้ย แกอย่ารนหาที่ตาย!แกกล้าขยับมั่ว แกก็ตายอย่างแน่นอนเหมือนกัน!” เจียงฉีเอ่ยตะคอก เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ลนลานเล็กน้อย ประธานหลินต่อสู้ได้เยี่ยมมาก แต่นี่เป็นถึงแรงกระสุนปืนจริงก็คงจะต่อต้านไม่ไหวหรอกล่ะมั้ง?
“รู้จักกลัวแล้วใช่หรือเปล่า?” ฉินฝู้กุ้ยมองดูหลินอิ่งด้วยสีหน้าหยอกเย้า หัวเราะอย่างชั่วร้ายขึ้นมา “ความกล้ามีมากจริงๆนะ บุกเดี่ยวฆ่ามาถึงที่นี่ได้? แกแม่งนึกว่าตัวเองกำลังถ่ายละครอยู่หรอ? ไอ้ลาโง่ อยากหาความตื่นเต้นใช่ป่ะ? มีเงินนี่อยากจะได้ความน่าเกรงขาม ไปหากองถ่ายเชิญนักแสดงมาสิ?”
นี่ก็ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน คุณชายที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย ลาโง่ เป็นคนโง่ที่มีเงินมากจริงๆ!บุกเดี่ยวมาหาตนเอง นึกว่าตัวเองเป็นใครล่ะ?
พอดี คราวนี้ไม่เพียงแต่กินเงินของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ถือโอกาสเรียกค่าไถ่ไอ้ลาโง่นี่ไปด้วยเลย ยังสามารถไปหาคนที่บ้านมันเรียกเงินมาได้หนักๆ!เป็นเงินที่หล่นลงมาจากฟ้าจริงๆ สวรรค์จะให้ฉินฝู้กุ้ยร่ำรวยแล้ว!
ฉินฝู้กุ้ยคิดอย่างปลื้มปริ่ม สายตาที่มองหลินอิ่ง เต็มไปด้วยความโลภ ก็เหมือนกับเห็นภูเขาเงินภูเขาทองยังไงอย่างงั้น
“หากแกไม่อยากถูกยิงจนตัวพรุนล่ะก็ คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!จากนั้นโทรศัพท์ ให้คนที่บ้านแกส่งเงินเข้ามา!” ฉินฝู้กุ้ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น โจรเรียกค่าไถ่เก่า บทพูดชำนาญรู้ทางดี