ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 11 การแข่งขัน
บทที่11 การแข่งขัน
อูหยางมองไปที่ จางจี้หนิงด้วยสายตาที่เย็นชา
“นี่คุณกำลังสงสัยกับการตัดสินใจของผมหรือ?”
เมื่อสบตากับสายตาของอูหยาง ในใจจางจี้หนิงโกรธแค้นมาก เธอรู้สึกอับอาย และอยากที่จะตอบโต้กลับไป แต่เธอก็ทนมาอย่างมีสติ
ก่อนที่อูหยางจะมาที่จางซื่อกรุ๊ป ในบริษัทนี้มีใครที่กล้าตำหนิเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้ล่ะ?
“ประธานอูคะ ดิฉันคิดว่ามันสะเพร่าเกินไปไหมคะ ที่จะตัดสินตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบง่ายๆแบบนี้เลย?” ซูนเหิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ก่อนหน้านี้จางฉีโม่เป็นเพียงแค่พนักงานเล็ก ๆ ในแผนกการตลาด เธอไม่มีประสบการณ์การทำงานในด้านนี้เลย”
“ทีมออกแบบเครื่องประดับ เกี่ยวข้องไปถึงด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุตสาหกรรมของบริษัทเรา” ซูนเหิงพูดอย่างมีเหตุมีผล “ไม่ว่าจะเรื่องประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ จางฉีโม่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบเลย การตัดสินใจดังกล่าว ฉันเกรงว่าพนักงานของบริษัทจะไม่พอใจกันนะครับ”
อูหยางยิ้มออกมา
“คุณคิดว่าผมกำลังขอความคิดเห็นจากพวกคุณหรือ?” อูหยางมองไปที่ ซูนเหิง “ เอกสารงานออกแบบของจางฉีโม่ได้ผ่านการประเมินของผมแล้ว ผมคิดว่าเธอมีความสามารถในด้านนี้และมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบ”
“รองประธานซูน ถ้าคุณรู้สึกว่าการตัดสินใจของผมมีความผิดพลาด คุณสามารถคัดค้านในงานประชุมของคณะกรรมการได้ และเรียกให้สมาชิกในคณะกรรมการโหวตเพื่อลงมติได้นะครับ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณมีความสามารถแค่ไหนเชียว” อูหยางพูดอย่างเย็นชาและไม่เคารพเลยแม้แต่น้อยซูนเหิงไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาพยายามระงับความโกรธของเขาไว้
เขาเป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลซูน เป็นทายาทในอนาคตของตระกูลซูนของเมืองชิงหยูนเขายังไม่เคยเจอสถานการณ์ที่โดนคนอื่นดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อน
คนในตระกูลจางอาจจะกลัว อูหยางแต่เขาไม่กลัว
ถ้า เป็นนิ่งซวน ประธานนิ่งของนิ่งซื่อกรุ๊ปของเมืองตุงไห่เขาจะต้องให้ความเคารพแน่นอน อูหยางก็เป็นแค่เลขาที่อยู่รอบๆตัวนิ่งซวน และตัวเขาเองก็คงลองงัดข้อกับเขาได้
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ธุรกิจหลักของเขาอยู่ในตระกูลซูนแม้ว่าหุ้นของ จางซื่อกรุ๊ปจะหมดไปแล้ว และถูกไล่ออกโดยคณะกรรมการ แต่ก็สูญเสียเงินแค่ไม่เท่าไหร่
ในใจของซูนเหิงคิดเช่นนี้
“ ประธานอูครับ ความสงสัยของผม ก็หวังเพื่อการพัฒนาของบริษัทนะครับ ไม่ได้หมายความว่าจะต่อต้านคุณ” ซูนเหิงพูดอย่างนิ่งๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีการโต้แย้งในภายนอก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้อ่อนไปกว่าอูหยาง
อูหยางหัวเราะเยาะและพูดอย่างช้าๆ “คุณมีข้อโต้แย้งก็ดีนะครับ พอดีเลย ผมจะแจ้งเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งนะครับ”
“ ผมตัดสินใจแล้วว่า การขยายธุรกิจต่อไปของบริษัท จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารูปแบบใหม่ๆของเพชรพลอย และตอนนี้King of the worldซึ่งออกแบบโดย จางฉีโม่ได้ตัดสินใจที่จะจัดตั้งโครงการแล้ว โปรเจ็คเพชรพลอยระดับสิบล้านนี้ จะรับผิดโดยหัวหน้าฝ่ายออกแบบคนใหม่ จางฉีโม่เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดครับ”
อูหยางพูดอย่างเป็นทางการ “อีกเรื่องหนึ่งนะครับ บริษัทจะจัดงานนิทรรศการเพชรพลอยในอีกครึ่งเดือนถัดไปนะครับ จะโชว์ตัวเครื่องประดับชิ้นใหม่ให้กับภายนอก ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าใครก็ตามในแผนก สามารถไปทำการวิจัยโครงการเพชรพลอยแบบใหม่ได้นะครับ มีการแข่งขันกันได้ ผลงานของใครที่ได้รางวัลชนะเลิศในนิทรรศการครั้งนี้ คนนั้นก็จะได้เป็นหัวหน้าแผนกออกแบบอย่างเป็นทางการนะครับ”
“เพราะฉะนั้น” พูดถึงตรงนี้ อูหยางมองไปที่คู่สามีภรรยาจางจี้หนิงด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้ม “ถ้าพวกคุณไม่พอใจกับการตัดสินใจของผม ก็เอาความสามารถของพวกคุณมาคุยได้นะครับ”
“โครงการเครื่องประดับเพชรพลอยระดับสิบล้าน?”
“จริงจังไหมเนี่ย โครงการวิจัยแบบนี้ให้พนักงานใหม่อย่างจางฉีโม่รับผิดชอบ มันเปลืองเกินไปรึเปล่า?”
“ตอนนี้เธอเป็นถึงตัวแทนของหัวหน้าแผนกออกแบบนะ….”
คำพูดของ อูหยางทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ทีมผู้บริหารทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ประหลาดใจมาก สีหน้าการแสดงออกที่แตกต่างกันไป พวกเขากำลังพูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆ
พวกเขาอิจฉามากที่ จางฉีโม่ได้รับโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ แต่พวกเขาไม่กล้าแสดงความสงสัยออกมา โดยตรงอย่างที่ซูนเหิงสงสัยประธานอู
“นิทรรศการเครื่องประดับสำหรับบุคคลภายนอก?” สีหน้าของจางจี้หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและสบตากับซูนเหิง
“ประธานอูครับ ผมไม่มีข้อขัดข้องอะไรแล้วครับ แต่ว่าหัวหน้าแผนกออกแบบที่คุณเลือก ไม่แน่เธออาจจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะรับตำแหน่งนี้ได้” ซูนเหิงเอ่ยปากกล่าวมา
ท่าทีของจางจี้หนิงก็มั่นใจมากเช่นกัน กล่าวว่า“ ประธานอูคะ ฉันเองก็จะทำวิจัยโครงการเพชรพลอย และออกแบบผลงานด้วยตัวเองเพื่อเข้าร่วมนิทรรศการครั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่นิทรรศการเริ่มขึ้น คุณก็จะทราบเองค่ะ ว่าใครกันแน่ที่เป็นนักออกแบบเครื่องประดับเพชรพลอยที่มีความสามารถมากที่สุดในบริษัทนี้”
อูหยางดูเหมือนจะยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไร แค่พูดเบา ๆ : “กลับไปทำงานกันเถอะ”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันหลังเดินกลับไปที่สำนักงาน
จางฉีโม่แอบกำหมัดแน่น คิดในใจว่าครั้งนี้ ประธานอู ให้โอกาสเช่นนี้มา ต้องคว้าไว้ให้ได้ งานแสดงเครื่องประดับครั้งนี้จะต้องไม่แพ้ให้กับจางจี้หนิงเด็ดขาด
“หึ จางฉีโม่ อย่าคิดว่า ประธานอู ชื่นชมเธอ แล้วเธอยิ่งใหญ่ในทันที”
จางจี้หนิงพูดด้วยความเยาะเย้ย “ถึงเวลานั้นแล้วเธอจะล้มลงมาอย่างแรง จะเอาความสามารถระดับขยะของเธอมาเผยต่อหน้าทุกคน ให้คนอื่นเยาะเย้ย ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า มืออาชีพที่แท้จริงคืออะไร” “และอย่าคิดว่าต่อไปเธอจะขี่ขึ้นมาบนหัวฉันได้ เธอเป็นแค่ตัวแทนหัวหน้าแผนกออกแบบ แผนกออกแบบของบริษัท ยังไม่ถึงตาเธอที่ต้องมาเป็นใหญ่” จางจี้หนิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอมั่นใจกับฝีมือในการออกแบบของตัวเองมาก
จางฉีโม่คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานออกแบบเครื่องประดับ จะมาเทียบกับเธอได้ยังไง?
“ ฉันจะไม่แพ้คุณแน่นอน” จางฉีโม่กล่าวพลางกัดริมฝีปากของเธอไว้
“คอยดูก็แล้วกัน” จางจี้หนิงหัวเราะเยาะเย้ย
ซูนเหิงหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “อย่าถือสากบสองตัวที่ก้นบ่อน้ำอย่างพวกเขาเลย สภาพจนๆแบบนี้ คงไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่าอัญมณีล้ำค่าหน้าตาเป็นอย่างไร ยังอยากจะกล้ามาออกแบบเครื่องประดับมูลค่าสิบล้านอีกเหรอ? หึหึ อย่าตลกมากไปหน่อยเลย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูนเหิงก็จ้องไปที่หลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา พูดพร้อมขู่ว่า “นอกจากนี้ หลินอิ่ง นายกล้าที่จะเมินคำพูดของฉันพูดที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้ ฉันจะให้บทเรียนที่นายจำไม่มีวันลืม!”
หลินอิ่งไม่ได้สนใจซูนเหิง หันกลับไปพร้อมจางฉีโม่
“ไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!” ซูนเหิงมองไปที่แผ่นหลังของหลินอิ่ง สีหน้าเย็นชา
ระหว่างทางเดิน หลินอิ่งมองไปที่สีหน้าที่กังวลเล็กน้อยของจางฉีโม่ พูดปลอบใจว่า “อย่าคิดมากเลย เธอแค่ไปตั้งใจทำผลงานของเธอให้สำเร็จก็พอ”
จางฉีโม่พยักหน้าอย่างตั้งใจ เขาทั้งสองลงลิฟท์ไปพร้อมกัน และเดินออกจากอาคารเป่าติ่งไป
…………………
กลับไปถึงบ้าน
ผู้อาวุโสทั้งคู่ของตระกูลจางได้รับข่าวดีจากทางโทรศัพท์มาก่อนแล้ว นอกซะจากมีความสุขแล้ว ลู่หย่าฮุ่ยยอมเข้าห้องครัวทำกับข้าวครั้งแรกอย่างน่าทึ่ง เธอเตรียมอาหารเสร็จตั้งนานแล้ว
“วันนี้ลูกสาวเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบของบริษัท และยังได้รับงานโปรเจ็กต์ระดับสิบล้านอีกซะด้วย ครอบครัวเราต้องฉลองกันสักหน่อยแล้ว”
บนโต๊ะอาหาร ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความดีใจ และเปิดไวน์มาหนึ่งขวดด้วยตัวเอง
“ ตอนนี้ฉันเป็นแค่ผู้ตัวแทนผู้จัดการแผนกเท่านั้น ต้องรอได้รับรางวัลชนะเลิศของงานนิทรรศการแล้ว ถึงจะได้รับตำแหน่งนี้อย่างเป็นทางการ” จางฉีโม่พูดอย่างเคร่งเครียด
“ตัวแทนผู้จัดการอะไรกัน มีความชื่นชมของประธานอู ยังต้องกลัวจางจี้หนิงกดขี่เธออีกหรือ? ครั้งนี้ครอบครัวของเราได้หน้าไปเต็มๆเลย หัวหน้านักออกแบบประจำบริษัท ขนาดจางจี้หนิงยังเป็นลูกน้องของลูกสาวของฉันเลย” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข
สีหน้าของจางซิ่วเฟิงก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: “ฉีโม่ดูเหมือนว่าการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ ท่านประธานอูไม่ได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การทำงานนะ แต่ส่งเสริมเฉพาะคนที่มีความสามารถเท่านั้น ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีเลย เธอต้องทำให้ดีที่สุด ทำผลงานครั้งนี้ออกมาให้ดี ครอบครัวของเราไม่มีอิทธิพลอะไรในบริษัท ต่อไปเวลาทำอะไรก็ต้องระวังต้องถ่อมตน
“ทราบแล้วค่ะ ” จางฉีโม่ตอบพร้อมพยักหน้า
“แต่ว่า ฉันได้ข่าวมาว่า หลินอิ่งมีเรื่องกับคนในบริษัทอีกแล้วเหรอ? ซูนเหิงของตระกูลซูนพูดออกมาเลยว่าจะจัดการนาย ” พอพูดถึงเรื่องนี้ ลู่หย่าฮุ่ยขมวดคิ้วขึ้นมา มองไปที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “ความสามารถของนายก็ไม่ค่อยมี วันๆเอาแต่หาเรื่องใส่ตัว ฉีโม่ไม่น่าเอานายไปที่บริษัทด้วยเลย!”
“อีกอย่าง ลูกสาวเอ้ย” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “ได้ข่าวว่าเธอให้หลินอิ่งมาเป็นเลขาของเธอหรือ? นี่มันหาเรื่องชัดๆเลย เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น นอกจากสร้างปัญหาให้เธอแล้ว เขาทำอะไรได้บ้าง? ฟังแม่นะ กลับไปที่บริษัทไปจัดการใหม่ หลินอิ่งเป็นเลขาให้เธอไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
“คุณแม่คะ ครั้งนี้ที่ได้รับความกรุณาของประธานอู หลินอิ่งก็มีส่วนเหมือนกันนะคะ ” จางฉีโม่พูด “เรื่องที่ทำงาน คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นก็ให้เขาอยู่ตำแหน่งนี้ไปชั่วคราวก็ได้” ลู่หย่าฮุ่ยตอบตกลงพร้อมขมวดคิ้วไว้ เธอมองไปที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “หลินอิ่ง นายอย่าไปหาเรื่องให้ครอบครัวฉันอีกนะ อยู่ที่บริษัทกับฉีโม่ก็อย่าไปเป็นตัวถ่วงของเธอ ไม่งั้นนายเจอดีแน่!”
ขณะนั้น จางซิ่วเฟิงแตะไปที่ซองบุหรี่เปล่าและพูดว่า “หลินอิ่ง นายลงไปซื้อบุหรี่ให้ฉันหนึ่งซองสิ”
หลินอิ่งพยัก หน้าลุกขึ้นและลงไปชั้นล่าง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาเคยชินกับความจู้จี้ของ ลู่หย่าฮุ่ยแล้ว เขาไม่ได้ไม่สนใจเท่าไหร่
เขาซื้อบุหรี่สองซองที่ร้านค้าหน้าหมู่บ้าน หลินอิ่งกำลังจะเดินกลับไป
ปี๊ด!
ทันใดนั้น รถโตโยต้าสีดำมาจอดขวางอยู่ตรงหน้าเขา
“ นายคือหลินอิ่งเหรอ?”
“ใช่แล้ว ไอ้คนไม่ได้เรื่องคนนี้แหละ เบื้องบนสั่งมา รีบพาเขาไปเถอะ”
จู่ๆก็มีชายร่างท้วมสองคนลงจากรถ และมองไปที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าที่หาเรื่อง