ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 156 คุณเป็นนักต้มตุ๋นมาจากไหน?
บทที่ 156 คุณเป็นนักต้มตุ๋นมาจากไหน?
“คุณเป็นใคร? พาคนแปลกหน้ามากมายขนาดนี้เข้ามาในบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปของเรา แถมยังพูดจาใหญ่โต ต้องการอะไรกันแน่?” จางหงจูนมองหน้าเจียงฉีอย่างซีเรียส โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าซูนเหินนั้นตกใจจนฉี่ราดไปแล้ว
“ขะ เขาคือ……” ซูนเหินกระซิบกับจางหงจูนด้วยสีหน้าที่หวาดผวา
ทันใดนั้น สีหน้าของจางหงจูนก็เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมาที่เจียงฉีอย่สงไม่อยากจะเชื่อ
“คะ คุณคือเจียงฉีเหรอ?” จางหงจูนถามออกมาด้วยความตกใจ
“ฮึ” เจียงฉีขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ และไม่ได้สนใจจางหงจูน เขาแค่จ้องมองไปที่ซูนเหินด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “ซูนเหินคุณลืมที่ผมเคยบอกไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงยังกล้ามาเสนอหน้าให้ผมเห็นอีก?”
“ผม……ขอโทษครับ ท่านประธานเจียง ผมผิดไปแล้ว ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!” ซูนเหินตบหน้าตัวเองไปสองทีจากนั้นก็กลิ้งออกไปอย่างไม่รู้จักอาย
ล้อเล่นอะไรกัน ตั้งแต่ตีลังกาที่ฉินหยุนโล๋ พอซูนเหินเห็นหน้าเจียงฉีก็ราวกับเจอหน้าปู่แท้ๆ แม้แต่ลมยังไม่กล้าผายเลย
ก่อนหน้านี้ เจียงฉีเป็นแค่ผู้จัดการเล็กที่ซูนเหินสามารถเหยียดหยามได้ตามใจชอบ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่บริหารกรุ๊ป Ocean ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่า มหาเศรษฐีแห่งเมืองตุงไห่!
ไม่เพียงเท่านั้น เจียงฉียังมีคนร้ายกาจอย่างฉินฝู้กุ้ยคอยรับใช้อีก มันก็เท่ากับติดปีกให้เสือที่อยู่ในเมืองตุงไห่เข้าไปอีก ตอนนี้ในวงการของเมืองชิงหยูนนี้มีใครกล้าไปหาเรื่องเจียงฉีกัน?
ก่อนหน้านี้ซูนเหินเองก็เคยคิดที่จะไปเอาคืนเขาบ้าง โดยแอบทำอะไรลับหลัง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า จนทุกวันนี้คุณท่านซูนยังเตือนเขาอยู่เลยว่าอย่าพาศัตรูที่น่ากลัวเข้าบ้านอีก
โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงฉินหยุนโล๋ยิ่งเป็นการทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียมากขึ้นไปอีก มันทำให้ตำแหน่งในตระกูลซูนลดลงไปอย่างมาก จนไม่หลงเหลืออำนาจของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซูนเลยแม้แต่นิดเดียว
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เจียงฉีพูดด้วยความโมโห แล้วพุ่งเข้าไป ป้าบๆๆ ตบหน้าซูนเหินไปหลายที ทำเอาทุกคนในห้องต่างพากันตะลึงไปหมด
“ซูนเหิน เมื่อกี้คุณพูดจาไม่ให้เกียรติประธานจางใช่มั้ย? อยากตายใช่มั้ย?” เจียงฉีถามอย่างไม่พอใจ
ใบหน้าของซูนเหินกลายเป็นรอยแดงห้านิ้วไปแล้ว เขาเอามือกุมหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ยังไม่ทันที่จะได้พักหายใจหลิวจุนก็พุ่งเข้ามาเตะเข้าที่เข่าของเขา จนเขาต้องคุกเข่าลงทันที
“คุกเข่าขอโทษประธานจางเดี๋ยวนี้” หลิวจุนพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ห๋า? ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว ท่านประธานจาง ผมมันปากเสีย ผมจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วครับ” ซูนเหินพูดด้วยน้ำตา พร้อมกับเสียงหัวที่กระทบพื้นถี่ๆ
ภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้ทุกคนในออฟฟิศต่างตะลึงกันหมด จางฉีโม่มีอำนาจและความสามารถมากขนาดนี้เลยเหรอ? ถึงขั้นสามารถเชิญมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของเมืองตุงไห่ให้มาด้วยตัวเองแบบนี้ แถมเจียงฉียังทำตัวเหมือนเป็นลูกน้องใต้บัญชาของเธออีก?
มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงมั้ย?
ทุกคนต่างพากันจ้องไปที่นัยน์ตาของจางฉีโม่ สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความยำเกรงและหวาดกลัว กลัวว่าการที่ดูถูกจางฉีโม่ไปเมื่อกี้จะทำให้เธอหันมาเอาคืนกับเรื่องนั้น
ตอนนั้นจางฉีโม่กำลังรู้สึกสบายใจมาก ตั้งแต่ที่เธอถูกเตะออกจากภาคส่วนของประธานไป แล้วหวาดกลัวกับการที่ถูกคนลักพาตัวไปอีก ตอนนี้ทุกอย่างได้ถูกระบายออกมาอย่างสมใจแล้ว
เธอคิด หลินอิ่งนั้นกว้างขวางกว่าที่ตัวเองคิดไว้มาก สามารถเรียกตัวคนอย่างเจียงฉีมาได้อย่างง่ายดาย นี่เขาทรงอิทธิพลขนาดไหนกันนะ?
เมื่อไม่นานนี้ ตอนที่เธอกับหลินอิ่งไปร่วมงานแต่งของซูนเหิน กับนิทรรศการเครื่องประดับ แล้วถูกสองคนนี้ใช้เงินกดดันจนทำให้อับอายอย่างหนัก พวกเขาคงไม่เคยคิดสินะว่าจะมีวันนี้?
“ซูนเหิน ไสหัวไปซะ ต่อไปก็หัดพูดเพราะๆ บ้าง!” จางฉีโม่ทำเสียงเคร่งขรึม ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบใจเมื่อโดนดูถูกแบบนั้นหรอก
“ครับ! ผมทราบซึ้งในน้ำใจของท่านประธานกรรมการจางมากเลยครับ ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!” ซูนเหินรีบกลิ้งออกนอกห้องไปทันที
เจียงฉีหันมามองพวกจางหงจูนด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ซูนเหินก็กลิ้งออกไปแล้ว จากนี่พวกคุณยังแน่ใจที่จะต่อต้านผมอีกมั้ย?”
ตอนนี้เจียงฉีกำลังรู้สึกสะใจมาก เขารู้สึกทราบซึ้งในตัวท่านหลินมาก ถ้าไม่ได้ท่านหลินคอยสนับสนุนละก็ชีวิตนี้เขาคงไม่มีทางที่จะได้มายืนอยู่ในจุดนี้ได้หรอก พลิกตัวขึ้นมาเป็นนายคน แม้แต่คนที่เคยเหยียดหยามตัวเองอย่างซูนเหิน ยังถูกตัวเองตบหน้าเป็นว่าเล่นจนดิ้นเป็นปลาเลย
แทนคุณหรือแก้แค้น ทุกอย่างอยู่ในมือเรา ความรู้สึกแบบนี้เชื่อว่าผู้ชายทุกคนต่างก็คงอยากได้ ช่างมีวาสนาจริงๆ ที่มีโอกาสได้มาทำประโยชน์ให้ท่านประธานหลินแบบนี้
โดยเฉพาะวันนี้ ที่ได้มาช่วยคุณนายหลินทำงาน ทำให้คุณนายหลินรู้สึกพอใจ ต่อไปถ้าได้เจอหน้าประธานหลินก็คงจะบทบาทมากขึ้นบ้าง
“คะ คุณคือเจียงฉีจริงๆ เหรอ?” จางหงจูนทำหน้าร้อนรน จางหงซวนกับลูกชายก็หันมาจ้องตากันด้วยสีหน้าที่หวาดวิตกได้แต่ยืนมองซูนเหินกลิ้งออกไปอย่างตาละห้อย
จางฉีโม่ตัวเล็กๆ ทำยังไงถึงทำให้คนระดับเจียงฉีให้ความเคารพมากขนาดนี้?
เจียงฉีนั้นได้มีชื่อขึ้นมาเพราะการชนะในครั้งเดียวที่เขตเหนือของเมือง เขายึดทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซูนมาเป็นของตัวเอง กดดันจนทำให้ตระกูลซูนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีก
คราวก่อน เพื่อที่จะช่วยจางจี้หนิงกลับมา จางหงจูนต้องยอมเสียน้ำพักน้ำแรงที่สะสมมาจ่ายไปห้าสิบล้านเพื่อช่วยซูนเหินใช้หนี้กว่าร้อยล้าน ถึงสามารถช่วยลูกสาวกลับมาได้ มาคิดดูแล้ว นั่นมันเป็นกับดักที่คิดออกมาจากจิตใจที่ดำมืดมาเลยนะ เจียงฉีคนนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
“ท่านประธานเจียงครับ คือ เราไม่รู้ว่าเป็นคุณ ถึงได้เสียมารยาทไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ” จางหงจูนกับจางหงซวนและลูกชายต่างก็ขอโทษขอโพยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ส่วนแววตานั้นกำลังหวาดกลัวอย่างมาก
ด้วยอำนาจที่พวกเขามีตอนนี้ คนที่เป็นถึงมหาเศรษฐีของเมืองตุงไห่อย่างเจียงฉีนั้นสามารถบี้พวกเขาให้ตายเหมือนมดด้วยมือเดียวได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ
“เสียมารยาทกับฉันเหรอ? ขอโทษฉันเหรอ?” เจียงฉีขำอย่างไม่สบอารมณ์ “ต้องขอโทษประธานกรรมการจางโน้น ไม่เข้าใจรึไง?”
พวกจางหงจูนต่างพากันตะลึงไปในทันที และตั้งตัวไม่ทัน
เพรี๊ยะๆๆ
หลิวจุนพุ่งเข้ามาตบหน้าคนทั้งสามอย่างรวดเร็ว ทำเอาทั้งสามถึงกับล้มจั้มเบ้าลงพื้น เอามือกุมหน้าที่เจ็บปวดพร้อมกับร้องออกมา
“พวกคุณไม่ได้ยินรึยังไง? ขอโทษประธานกรรมการจางเดี๋ยวนี้!” หลิวจุนพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
คนทั้งสามารถทำหน้าไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง เอามือบีบจมูกแล้วสูดหายใจเข้า จากนั้นก็กล่าวขอโทษด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างไม่ขาดสาย
“พวกคุณดูนี่ซะ นี่คือสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทั้งหมด” เจียงฉีพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง กวักมือให้ทนายเอาเอกสารกฎหมายตั้งหนึ่งมาให้คนทั้งสามดู
ระหว่างที่อ่าน สีหน้าของคนทั้งสามก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ขายหน้ายังพอว่า แม้แต่ทรัพย์สินที่ตัวเองถืออยู่ยังถูกซื้อไปแล้ว นี่พวกเขาต้องเสียสิทธิ์ในการถือหุ้นของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปไปอีกแล้วเหรอ? นี่มันคือถุงเงินถุงโตเลยนะ!
มันช่างนึกไม่ถึงจริงๆ จางฉีโม่ไปยืมเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน เพียงอึดใจเดียวก็สามารถซื่อกิจการเกินครึ่งของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปไปได้?
พอคิดว่าต่อไปต้องเรียกจางฉีโม่ว่าท่านประธานกรรมการทุกวัน ต้องขอข้าวเธอกิน หัวใจมันก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที
“ท่านประธานจางครับ จางซื่อกรุ๊ปนั้นเป็นกิจการของตระกูลหวาง คุณควรจะไปบอกกับเขาสักหน่อยไหมครับ?” จางหงจูนพยายามรวบรวมความกล้าแล้วถามออกมา
“หึ คุณก็ลองโทรไปถามที่บ้านตระกูลหวางดูสิ” จางฉีโม่ตอบมาอย่างไม่สบอารมณ์
ตูดๆๆๆ จางหงจูนรีบโทรหาหวางกั๋วคางพ่อลูกทันที ไม่มีใครรับสายเลย แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“จางหงจูน พวกคุณรีบแจ้งไปที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมดว่าจะมีการประชุมของคณะกรรมการ” จางฉีโม่สั่งการอย่างสมภาคภูมิ จากนั้นก็เดินเข้าไปที่ห้องประชุมของคณะกรรมการ หลิวจุนที่รับบทเป็นบอดี้การ์ดก็ได้เดินตามเธอไป
จางหงจูนต่อสายด้วยความขมขื่น ส่วนจางเถียนไห่กับพ่อยิ่งหน้าซีดหนักขึ้นไปอีก พวกเขารู้สึกไม่พอใจมาก
…;
ในอีกด้านหนึ่ง ที่มณฑลเกาหยาง
ณ สนามบินนานาชาติเกาโจว ประจำมณฑลของเมืองเกาเทียน หลินอิ่งกับกงซุนชิวอวี่ค่อยๆ เดินลงจากเครื่องมา ได้มีรถเบนท์ลีย์มอเตอร์ส ลิมิเทดขบวนหนึ่งมารอรับอยู่แล้ว
หลินอิ่งมองไปยังทิวทัศน์ของเมืองเกาเทียนที่อยู่ไม่ไกล ดูจะยิ่งใหญ่กว่าเมืองชิงหยูนสินะ ยังไงเมืองนี้ก็ถูกจัดอยู่ในท็อปสิบของประเทศหลุงอยู่แล้วนี่ ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นมณฑลเหมือนกัน แต่ที่นี่ก็ดูมีระดับกว่าเมืองชิงหยูนไปอีกขั้น
เขาเป็นคนที่ทำงานต้องเนียบและรวดเร็ว ตอนนี้งานที่เมืองชิงหยูนเขาได้มอบหมายให้คนอื่นไปหมดแล้ว และรีบมากับกงซุนชิวอวี่ทันที เพื่อหวังว่าจะสามารถจัดการกับเรื่องของนายท่านกงซุนให้เร็วที่สุด
“Hi? ชิวอวี่ มาแล้วเหรอครับ? ได้ยินว่าคุณไปเชิญหมอวิเศษคนหนึ่งมา เขาอยู่ไหนเหรอครับ?” ชายหนุ่มที่ใส่สูทอย่างสง่าคนหนึ่งกล่าวทักทายกงซุนชิวอวี่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ฉันขอแนะนำให้รู้จักนะคะ นี่คือหลินอิ่ง เป็นหมอวิเศษที่ฉันเชิญมาจากเมืองชิงหยูนค่ะ” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ชายหนุ่มจ้องเขม็งมาที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยชอบใจนัก แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก สินค้าราคาถูกแบบนี้ที่อายุน้อยแบบนี้ ขนยังขึ้นไม่ครบเลยมั้งยังมีหน้ามาเรียกว่าหมอวิเศษอีก?
“ผมว่านะ คุณชื่อหลินอิ่งใช่มั้ย? มีแค่ชิวอวี่เท่านั้นแหละที่จะหลงเชื่อคำพูดของคุณ ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าหมอวิเศษอีก? คุณเป็นนักต้มตุ๋นที่มาจากไหน?”