ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 157 ไม่มีเรื่องสร้างแต่เรื่อง
บทที่ 157 ไม่มีเรื่องสร้างแต่เรื่อง
หลินอิ่งทำหน้าเรียบเฉย เขาเหลือบไปพิจารณาชายหนุ่มในชุดสูทคนนั้นแวบหนึ่ง
ชายหนุ่มคนก็ดูดีใช้ได้เลย ติดแค่สายตาที่เป็นประกายคู่นั้นดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนที่มองมาที่เขา
“นี่คุณกำลังมองอะไรอยู่? ไม่พอใจรึไงที่ผมว่าคุณแบบนั้น? ถ้ายังไม่เลิกมองเดี๋ยวก็ตบหัวทิ่มเลย!” ชายหนุ่มวางท่าโอ้อวด ทำเหมือนไม่มีใครสู้ตัวเองได้
เขาคิดว่า คนต้อยต่ำแบบนี้มีสิทธิ์ตรงไหนที่จะไปยืนข้างๆ กงซุนชิวอวี่แบบนั้น? แถมยังกล้ามองตัวเองด้วยสายตาที่ไม่ให้เกียรติได้ยังไง?”
กงซุนชิวอวี่นั้นเป็นนางในฝันของเขาเลยนะ เขาไม่ยอมให้ปลาเน่าชั้นต่ำแบบนี้เข้าใกล้เธอหรอก!
“เจิ้งหยวนเป่า ช่วยระวังปากหน่อย!” กงซุนชิวอวี่ไม่พอใจแล้ว เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันบอกคุณไปแล้วนี่ ว่าคุณหมอหลินเป็นหมอวิเศษที่ฉันเชิญมาจากเมืองชิงหยูน เขาเป็นแขกคนสำคัญของฉัน คุณช่วยระวังคำพูดหน่อย หรือคุณไม่ให้เกียรติฉัน?”
สำหรับเจิ้งหยวนเป่าคนนี้ กงซุนชิวอวี่ไม่ได้มีภาพจำที่ดีของเขาสักเท่าไหร่ ครั้งนี้ยิ่งชวนให้คนรำคาญเข้าไปอีก มาถึงก็ตำหนิพี่ฉีหยิ่นใหญ่เลย แล้วมองตัวเองเป็นอะไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายทำตัวไม่เด่น เธอคงจะบอกฐานะที่แท้จริงของพี่ชายไปแล้ว บอกให้เจิ้งหยวนเป่ารู้ไปเลยว่านี่คือฉีหยิ่นแห่งตี้จิง เขาคงได้ตกใจจนช๊อตตายแน่
“ก็ได้ก็ได้ ชิวอวี่ เรื่องนี้ผมจะเชื่อคุณแล้วกันครับ” เจิ้งหยวนเป่าพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์เอามากๆ
“แต่ว่านะ ชิวอวี่ คุณเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกไม่นานเอง คงจะไม่ค่อยรู้ทันคนเท่าไหร่หรอก ในสังคมตอนนี้มีคนที่แอบอ้างว่าตัวเองเป็นหมอนั้นมีเยอะมาก คุณต้องระวังให้มากๆ นะครับ” เจิ้งหยวนเป่ายังคงจิกกัดไม่เลิก
เจิ้งหยวนเป่ายิ่งมองหลินอิ่งก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ กับชายหนุ่มที่เพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ ยังกล้าอ้างตัวว่าเป็นหมอวิเศษอีกเหรอ? แถมยังคิดที่จะไปรักษานายท่านกงซุนให้หายอีก นี่มันคิดว่ากำลังเล่นหนังตลกอยู่รึไง?
ต้องรู้ก่อนว่า เพื่อรักษาอาการป่วยของคุณท่านกงซุน ตระกูลกงซุนนั้นได้ใช้เส้นสายมากมาย ทั้งในและนอกประเทศหมอที่มีชื่อเสียงที่สุด แพทย์แผนโบราณแผนตะวันตก จนไม่รู้ว่าเชิญหมอมาดูอาการแล้วกี่คน และยังใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดด้วย
ผลที่ได้คือ แม้แต่สาเหตุการป่วยของนายท่านกงซุนเกิดจากอะไรยังตรวจหาไม่ได้เลย แล้วกับไอ้เด็กเหลือขอแบบนี้อายุคงจะไม่มากไปกว่าตัวเอง ก็อยากอ้างตัวว่าเป็นหมออีกเหรอ?
“คุณช่วยพูดให้น้อยลงหน่อยได้มั้ยคะ?” กงซุนชิวอวี่ตำหนิอย่างไม่ชอบใจ เธอไม่อยากได้ยินคำพูดแบบนี้
เจิ้งหยวนเป่าที่ยังอยากพูดเอาใจเธออยู่ แต่ก็ถูกเบรกจนพูดไม่ออก สีหน้าเลยดูแย่เอามากๆ
“อาจารย์หลินคะ เราไปที่วิลล่าฉงหลงกันก่อนนะคะ” กงซุนชิวอวี่บอกกับหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลินอิ่งพยักหน้า ทั้งสองก็เดินตรงไปที่รถไมบัคคันหนึ่งโดยที่ไม่ได้สนใจเจิ้งหยวนเป่าอีกเลย คนขับเปิดประตูทันที
“เฮ้อ รอเดี๋ยวครับ ชิวอวี่ นั่งรถผมไปก็ได้นะครับ” เจิ้งหยวนเป่าพูดเอาใจอย่างเต็มที่ และเผยรอยยิ้มที่แสนเป็นมิตรออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ เชิญคุณขับรถกลับไปคนเดียวเถอะค่ะ” กงซุนชิวอวี่ตอบไปอย่างเรียบเฉย แล้วขึ้นไปนั่งตรงฝั่งคนขับ
ส่วนหลินอิ่งก็เขาไปนั่งตรงที่นั่งหลังคนขับ
“แต่……” เจิ้งหยวนเป่าสีหน้าดูแย่มาก เขารู้สึกไม่พอใจสุดๆ
ทั้งที่อยากจะเอาใจกงซุนชิวอวี่แท้ๆ แต่กลับถูกเมินใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเป็นช่วงปกติก็จะไม่ว่าอะไร แต่ไอ้คนลวงโลกอย่างหลินอิ่งนี่มันมีสิทธิ์อะไรที่ไปนั่งในรถคันเดียวกับกงซุนชิวอวี่?
แถมยังไม่รู้จักเจียมตัว ไปนั่งในตำแหน่งของเจ้านายแล้วให้กงซุนชิวอวี่นั่งตรงที่นั่งข้างคนขับเนี่ยนะ?
นี่มันคิดว่ามันเป็นใคร? ยังเรียกว่าหมอวิเศษใช่มั้ย?
“คนแซ่หลิน แกอยากตายนักใช่มั้ย? แถมยังกล้าให้คุณหนูอย่างชิวอวี่นั่งตรงข้างคนขับอีก แล้วแกก็ไปนั่งตรงที่นั่งของเจ้านาย? แกคิดว่าแกเป็นใคร?” เจิ้งหยวนเป่าพูดใส่หลินอิ่งด้วยความโมโห เพื่อระบายความโกรธออกมา
“ทำไมคุณถึงพูดจาแบบนี้?” กงซุนชิวอวี่เปิดประตูรถมา แล้วต่อว่าไปอย่างไม่ชอบใจ จากนั้นก็เปิดประตูหลังออกแล้วเข้าไปนั่งข้างๆ หลินอิ่ง แถมยังนั่งชิดมากด้วย
“ออกรถค่ะ!”
พอได้รับคำสั่งคนขับก็ขับรถออกไปทันที
“นี่แก!” ไฟโทสะในตาของเจิ้งหยวนเป่ากำลังลุกโชน กงซุนชิวอวี่นั่นเป็นเทพธิดาของเขาเลยนะ คนไร้ค่าอย่างหลินอิ่งมันมานั่งใกล้เทพธิดาแบบนี้ได้ยังไง? มันต้องเป็นเขาสิถึงจะคู่ควรที่จะได้รับสิทธิ์นั่น!
“” ไป ไปที่วิลล่าฉงหลงกัน!” เจิ้งหยวนเป่าบอกกับบอดี้การ์ดของตัวเอง จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งในรถลัมโบร์กีนี อะเวนตาโดร์ แล้วขับตามหลังรถของหลินอิ่งไป
“คนที่ชื่อเจิ้งหยวนเป่าเมื่อกี้ เขาเป็นคุณชายอันดับหนึ่งของมณฑลเกาหยางค่ะ เป็นเพื่อนตายกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ดีของชั้นคนนั้น เขาเคยชินกับการทำตัวกร่างในมณฑลเกาหยางไปแล้ว เพราะปกติไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาเลย” กงซุนชิวอวี่พูดขึ้น “พี่คะเดี๋ยวฉันจะบอกเขาให้นะคะ ว่าห้ามไม่ให้เขาหาเรื่องพี่อีก ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเจิ้งกับตระกูลกงซุนของเรานั้นถือว่าดีเลยค่ะ”
หลินอิ่งทำเสียงฮึดฮัด “ตัวประกอบเล็กๆ แบบนี้ ฉันไม่เสียแรงไปยุ่งด้วยหรอก”
กงซุนชิวอวี่พยักหน้ายิกๆ แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ
เคยเจอคุณชายผู้ดีของตี้จิงมาก็ตั้งเยอะ ยังไงก็พี่ฉีหยิ่นนี่แหละที่ดูมีบารมีที่สุด ไม่มีใครเทียบได้เลยสักคน ทั้งหล่อทั้งยิ่งใหญ่
แล้วรถก็มุ่งไปสู่วิลล่าฉงหลงที่อยู่ใจกลางเมืองเกาเทียน
ระหว่างทาง กงซุนชิวอวี่ก็ได้เล่ารายละเอียดของมณฑลเกาหยางกับที่มาที่ไปของตระกูลเจิ้งที่เจิ้งหยวนเป่าคนนั้นโตมาให้ฟัง
ที่แท้ ในมณฑลเกาหยางแห่งนี้ก็มีตระกูลเจิ้งเป็นศูนย์กลางนี่เอง ใบบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งหมดพวกเขาสามารถกินเรียบเลย ตระกูลดั้งเดิมระดับสูงสุดก็มีเพียงแค่ตระกูลเจิ้งแค่ตระกูลเดียว ส่วนตระกูลที่รองลงมาก็เป็นแค่พวกที่ตามมาทีหลังเท่านั้น แน่นอนว่าตระกูลกงซุนไม่ได้รวมอยู่ในนั้นด้วย เพราะอำนาจกับกิจการนั้นอยู่ที่ตี้จิง
อีกอย่างต้นกำเนิดของตระกูลเจิ้งก็มาจากตี้จิงเหมือนกัน ในตี้จิงพวกเขาก็อยู่ระดับเดียวกับตระกูลนิ่งตระกูลฉีที่เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของประเทศหลุงเลย ดังนั้นพวกเขาถึงมีสิทธิ์ที่จะพูดคุยสื่อสารกับตระกูลกงซุนนี่ไง
ที่สำคัญ เจิ้งหยวนเป่าคนนี้ยังเป็นผู้สืบทอดที่แน่นอนด้วย ความสามารถสูงมาก ตอนนี้เขาได้เข้าไปดูแลกิจการของตระกูลเจิ้งแล้วด้วย ผู้คนในมณฑลเกาหยางต่างรู้ดีว่าชายหนุ่มที่ยึดมั่นในคำพูดคนนี้ ในวงการทายาทของตี้จิง เจิ้งหยวนเป่าก็ถือว่าค่อนข้างมีสิทธิ์มีเสียงเหมือนกัน
ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เจิ้งหยวนเป่ามีความมั่นใจมากพอที่จะมาตามจีบกงซุนชิวอวี่นั่นเอง
ในทางกลับกัน คนในตระกูลกงซุนเองก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ ถึงขั้นมีบางผู้อาวุโสของตระกูลรับผลประโยชน์ก้อนโตจากตระกูลเจิ้ง เพื่อเป็นการสนับสนุนเจิ้งหยวนเป่า ช่วยพูดช่วยเชียร์
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว รถก็ถูกขับมาถึงที่วิลล่าฉงหลง
วิลล่าฉงหลงนั้นตั้งอยู่ข้างๆ ทะเลสาบเกาเทียน บรรยากาศค่อนข้างโดดเด่น พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้างขวางราวกับเป็นเมืองเมืองหนึ่ง มันเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างของวิลล่า ดูอลังการมาก
ที่นี่เป็นกิจการของตระกูลกงซุน คนที่จะเข้ามาที่นี่ได้ ต้องเป็นพวกระดับสูงและเป็นมหาเศรษฐีของเมืองเกาเทียนเท่านั้น
เมื่อรถขับเข้ามาในกลุ่มวิลล่าหนึ่ง หลินอิ่งกับกงซุนชิวอวี่ก็ลงจากรถ
หลินอิ่งนั่งดื่มชาอยู่ที่ห้องรับแขกของวิลล่า กงซุนชิวอวี่ได้ไปหาคุณปู่กับผู้ใหญ่ในตระกูลก่อน เพื่อไปแจ้งเรื่องที่เธอสามารถเชิญหมอวิเศษมาได้
ชานี้เป็นชาแดงที่เก่าแก่ หลินอิ่งค่อยๆ ดื่มด่ำกับความหอมของมัน
ปั๊ง
จู่ๆ กาน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะที่เขานั่งก็ถูกใครบางคนโยนมันลงกับพื้น
เจิ้งหยวนเป่าเข้ามาในวิลล่าแล้ว เขาจ้องหน้าหลินอิ่งด้วยความโหดเหี้ยม ทำท่าเหมือนอยากจะกัดกินหลินอิ่งเข้าไปทั้งเป็น
“หมายความว่ายังไง?” หลินอิ่งเงยหน้าไปมองด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย พร้อมกับวางแก้วชาลง
“แกไม่รู้จักออกไปถามดูบ้างเหรอว่าเจิ้งหยวนเป่าคนนี้เป็นใครในมณฑลเกาหยางแห่งนี้! ฉันขอเตือนแกไว้นะ ถ้านักต้มตุ๋นชั้นต่ำอย่างกล้าเข้าใกล้กงซุนชิวอวี่อีกละก็ พ่อจะกระทืบแกให้ตายเลยคอยดู!” เจิ้งหยวนเป่าคำรามออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด