ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 180 แผนเมืองเทคโนโลยี
บทที่ 180 แผนเมืองเทคโนโลยี
“ให้โอกาสนายหนึ่งครั้ง?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “ถ่ายโฆษณาให้ฟรี? ไม่เอาขบวนรถหลักล้านแล้วเหรอ?”
“ประธานหลิน ผมผิดไปแล้ว ก่อนหน้านี้ผมมีตาหามีแววไม่ มีโอกาสช่วยคนใหญ่โตอย่างคุณถ่ายทำโฆษณาเป็นเกียรติของผม” หูจินวั่งพูดจาประจบ “ผมไม่ต้องการขบวนรถอะไร ขอแค่คุณให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ดีที่สุด รับรองว่าประธานหลินต้องพอใจแน่นอน”
“สายไปแล้ว” หลินอิ่งพูดใจเย็น ดื่มชาไปคำหนึ่ง ลุกขึ้นช้าๆ ไม่อยากสนใจคนอย่างนี้อีก
“ประธานหลิน อย่าเพิ่งไป รอผมพูดจบก่อน ผมมีแฟนคลับมากมาย รับรองว่าผลโฆษณาต้องออกมาดีแน่นอน” หูจินวั่งรีบพูด วิ่งเข้าไปขอร้อง กลัวว่าหลินอิ่งจะเดินจากไปแบบนี้
เขารู้สึกกลัวแล้ว เจียงฉีเป็นคนฐานะแบบไหน ในมือมีอำนาจเงินทองจนคาดคิดไม่ได้ โยนเงินใส่เขาคงทับตายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงประธานหลี่ที่ปั้นเขาขึ้นมาเป็นผู้ร่วมงานคนสำคัญ
ขอแค่โทรศัพท์สายเดียว ก็สามารถตีเขาคืนกลับสภาพเดิม เพราะเขาไม่มีอะไรเลย
“ไสหัวไป คำพูดของประธานหลินฟังไม่รู้เรื่องเหรอ? ยังจะมาขวางทาง?” เจียงฉีพูดด้วยความโมโห ทำให้หูจินวั่งกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ สีหน้าอมทุกข์
“ประธานเจียง ขอโอกาสให้ผมแสดงความสามารถสักครั้งเถอะ” หูจินวั่งก้มตัวลงไปกอดขาของเจียงฉีไว้ ขอร้องด้วยสีหน้าใกล้ร้องไห้
ปัง
เจียงฉีใช้มือสะบัดเขาออกแล้วใช้เท้าถีบหูจินวั่งออก จนเขาล้มตัวลงกับพื้นตัวสั่น
“แกนี่มันไม่มียังอายเลยนะ” เจียงฉีพูดอย่างเย็นชา “แกมีความสามารถอะไร? ไม่มีต้นทุนช่วยแกคิดว่าแกยังเหลืออะไร? บริษัทประธานหลินจะร่วมงานให้แกถ่ายโฆษณา เป็นโอกาสดีขนาดไหน ยังไม่เจียมตัวอีก ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว”
“หนึ่งนาทีหมดเวลา หูจินวั่ง กลับไปรายงานประธานหลี่นายได้เลย ฉันรับรองว่านายไม่มีโอกาสออกงานหรือแสดงอะไรอีกแล้ว” เจียงฉีพูดเสียงเรียบ
สำหรับสินค้าที่ใช้เงินทุ่มทุนสร้างออกมาอย่างหูจินวั่ง จะทำให้ล้มเป็นเรื่องง่ายแสนง่าย อีกอย่าง คนแบบนี้ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นต้องกลัวไม่มีเงินทุนแน่นอน ไม่ลงทุนสร้างภาพ เขาไม่มีวันดังแน่นอน
“นี่มัน?” หูจินวั่งสีหน้าตกใจ เพิ่งพบว่า หลินอิ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น แม้กระทั่งเจียงฉีเวลาพูดยังต้องเคารพหลินอิ่ง?
ตุ๊บ
หูจินวั่งรีบวิ่งเข้าไป คุกเข่าที่หน้าประตูต่อหน้าหลินอิ่ง พนมมือขอร้อง
“ประธานหลิน ขอคุกเข่าขอร้องแล้วครับ ให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ อย่าให้ประธานหลี่ปิดหนทางผมเลย” หูจินวั่งขอร้องอย่างน่าสงสาร
“ปิดหนทาง? ฉันไม่ทำให้นายเสียชื่อเสียง เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาย ก็ถือให้โอกาสแล้ว” หลินอิ่งส่ายหัว พูดเสียงเรียบ “ไร้ความสามารถ ยังจะมาเป็นดารา?” คนลวงโลกแบบนี้ ไร้ยางอายสิ้นดี น้ำหน้าแบบนี้ยังมาขายหน้าต่อหน้าสังคมอีก
“ไสหัวไป ขวางทางประธานหลินอีก เดี๋ยวข้าวจะไม่มีจะกิน”
ประธานเจียงสีหน้าโมโห ถีบหูจินวั่งที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูออก
หลินอิ่งเดินออกจากออฟฟิศ เจียงฉีเดินตามหลัง หูจินวั่งสีหน้าหมดหวัง เหมือนโดนสูบแรงออกจากร่างกายจนหมด คุกเข่ากับพื้นอย่างหมดแรง
ทำให้คนใหญ่คนโตโกรธ เขาไม่มีวันดังต่อไปอีกแล้ว
เหมือนคนระดับอย่างหลินอิ่ง แค่พูดคำเดียว ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนคนหนึ่งได้
ห้องรับรอง หลินอิ่งเดินอยู่บนพรมแดงสีหน้าเย็นชา
“ประธานหลิน วางใจได้ หูจินวั่งคนนี้ผมจะให้คนไปจัดการ ผู้บริหารของบริษัทภาพยนตร์เขามีธุรกิจสำคัญกับไห่หยางกรุ๊ปของเรา” เจียงฉีพูดอยู่ข้างๆอย่างเคารพ “เรื่องของลาตินกรุ๊ปก่อนหน้านี้ ผมมีเรื่องจะรายงาน”
หลินอิ่งพยักหน้า “พูดเลย ลาตินกรุ๊ปเล่นอะไรบ้างในวงการธุรกิจของเมืองตุงไห่?”
“ที่สำคัญที่สุดก็คือการประมูลที่ดินในเมืองเทคโนโลยีครั้งก่อน ถูกพวกเขาแย่งไป” เจียงฉีพูดอย่างระวัง “เสียหายไม่มาก แต่ก็กระทบอำนาจของบริษัทเราในวงการธุรกิจ”
“นอกจากนี้ ลาตินกรุ๊ปก็ยืนหยัดได้ในธุรกิจอื่นได้แล้ว” เจียงฉีพูดอย่างใจเย็น “ทุนของพวกเขาเพียงพอมาก ฝีมือก็ค่อนข้างแข็ง ปล่อยแผนการสร้างโครงการใหม่ของเมืองเทคโนโลยี จะสร้างหมู่บ้านในเมืองเทคโนโลยี ห้างสรรพสินค้า ตลาดสินค้า อาคารหรู สถานบันเทิง ร้านอาหาร แบบครบวงจร”
“โลภไม่เบา อยากอาศัยโครงการเมืองเทคโนโลยีนี้ ก้าวเดียวถึงเป้าหมาย กดดันกิจกรรมทุกอย่าง เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจเมืองตุงไห่” เจียงฉีพูดสีหน้าจริงจัง
ตอนแรกเขาได้รับเงินทุนช่วยเหลือจากประธานหลิน แล้วร่วมมือกับเสิ่นซาน ถือว่าควบคุมตลาดในเมืองตุงไห่แล้ว แต่ลาตินกรุ๊ปมาถึง ก็แย่งเค้กชิ้นก้อนโตไปเลย เหมือนมังกรข้ามแม่น้ำ ยังวางแผนจะสร้างเมืองเทคโนโลยี ครั้งเดียวก็กลืนเค้กของทุกสาขาอาชีพไปหมด
โดยเฉพาะ วิธีทางการค้าไม่ธรรมดา การกดดันทางการเงินก็ทำได้อย่างถนัด และยังมีอิทธิพลใต้ดิน นอกจากไห่หยางกรุ๊ปของตัวเอง บริษัทอื่นๆในเมืองชินหยูนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลาตินกรุ๊ป เหมือนลูกแกะรอเชือด
“ได้ข่าวว่างานเลี้ยงครั้งนี้ ยังมีงานสัมมนาอสังหาริมทรัพย์อื่นของเมืองเทคโนโลยี?” หลินอิ่งถาม
“ใช่ครับ ประธานหลิน ครั้งนี้ผมเชิญท่านมา นอกจากรายงานสถานการณ์แล้ว ยังอยากให้ท่านดูกิจกรรมสัมมนานี้ด้วย” เจียงฉีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ลาตินกรุ๊ปเตรียมมาพร้อมมาก ปล่อยข่าวออกมาว่าจะเอาโครงการทั้งหมดของเมืองเทคโนโลยี ครั้งนี้ก็ส่งทีมงานมาพร้อม”
“ไม่รู้ว่า ประธานหลิน จะจัดการกับพวกเขายังไง?”
หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “ถ้าเป็นการพบปะทางธุรกิจ ก็ใช้วิธีที่ถูกต้องทางการค้า ไม่อย่างนั้นก็บอกว่าเรารังแกพวกเขา เรื่องทุ่มเงิน พวกเขาก็สู้เราไม่ได้”
“ครับ” เจียงฉีพูดอย่างตื่นเต้น สิ่งที่รอก็คือคำพูดนี้ของประธานหลิน
ช่วงนี้ถูกลาตินกรุ๊ปกดดันรุนแรง จัดการจนหัววุ่น ประธานหลินคำเดียว ก็ทำให้มั่นใจ ไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องเงินพอหรือไม่พอ
สำหรับความสามารถของประธานหลิน เจียงฉีเชื่อมั่นแน่นอน
ไม่นาน หลินอิ่งกับเจียงฉีเดินไปถึงห้องประชุมที่ตกแต่งแบบตะวันตก ในห้องปูด้วยพรมสีแดง มีคนเดินไปเดินมาในห้อง มีนักธุรกิจต่างชาติหลายคน
หลินอิ่งกับเจียงฉีเดินไปห้องรับรองชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องสำหรับแขกวีไอพี มีป้ายเขียนว่าเป็นตำแหน่งของไห่หยางกรุ๊ป
ยังมีห้องรับรองอีกหลายห้อง ล้วนเป็นบริษัทระดับต้นๆของเมืองชินหยูน
“ออ? คนของไห่หยางกรุ๊ปมาแล้ว? เจียงฉี ครั้งที่แล้วคุณเงินทุนไม่พอเสียการประมูลไป ไม่มีเงินพอ ครั้งนี้ยังอยากแข่งกับลาตินกรุ๊ปอีกหรือ? อย่ามาขายหน้า ให้คนอื่นหัวเราะเยาะเลย”
หญิงสาวผมทองคนหนึ่งยืนอยู่ชั้นล่าง พูดจาเสียดสี สำเนียงภาษาประเทศหลุงที่ฟังแปลก