ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 192 แสดงละครคุกเข่า
บทที่ 192 แสดงละครคุกเข่า
“คุณว่าอะไรนะ? แอบถ่ายนักแสดงหญิงของทีมโปรดักชั่น?” เจียงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างยิ่ง จ้องเกาจีไท่อย่างเอาเป็นเอาตาย
หวางหงหลิงที่อยู่ด้านข้างทำท่าจะพูดจากนั้นก็หยุดไป มองหลินอิ่ง แววตาใคร่ครวญ
“ใช่ครับ! ประธานเจียง เขาแทรกซึมเข้ามาใกล้ทีมโปรดักชั่นเราเพื่อแอบถ่ายครับ!” เกาจีไท่พูดด้วยท่าทางโมโห “ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าจะมีของสกปรกมาที่สารเลวเช่นนี้”
“ประธานเจียง ผมรู้สึกว่าคนแบบนี้ สมควรปฏิบัติอย่างเข้มงวด ทำเป็นป้ายเตือน ไม่อย่างนั้น ต่อไปใครๆ ก็คงกล้ามาก่อกวนเมืองโลกของไห่หยางกรุ๊ปเรา!” เกาจีไท่กล่าวอย่างชอบด้วยเหตุผล
เกาจีไท่เห็นท่าทางเดือดดาลของเจียงฉี ก็ลอบลำพองใจกับตนเอง ใจอยากจะเจอประธานเจียงเพื่อให้มาดูการทำงานพอดี หลินอิ่งคนนี้คงยากจะหนีภัยพิบัติพ้นแล้ว!
ทำให้ประธานเจียงโกรธ ตนเองไม่เพียงได้ช่วยหยางลี่เลขาระบายความโกรธ แต่ยังถึงขั้นเกินกว่าที่คาดหมายด้วยซ้ำ อาศัยบารมีของประธานเจียง มาเหยียบหลินอิ่งให้จมดินสักครั้ง
ควรรู้ไว้ว่า แม้แต่ที่พึ่งของหลินอิ่งที่ลือกันภายนอก อย่างหวางหงหลิงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหวาง ก็ไม่มีอำนาจใหญ่เท่าประธานเจียง!
อีกอย่างได้ยินว่าพักนี้หวางหงหลิงมีความคิดจะร่วมงานกับไห่หยางกรุ๊ป เป็นไปไม่ได้ที่จะล่วงเกินประธานเจียงเพื่อหลินอิ่งแน่ ความตายได้มาเยือนเศษสวะอย่างเขาแล้ว!
“หลินอิ่ง เห็นหรือเปล่า ประธานเจียงโกรธแล้ว!” เกาจีไท่มองหลินอิ่งด้วยท่าทีเหยียดหยาม “ตอนนี้นายขอโทษคงไม่ทันแล้ว ทางที่ดีคุกเข่ายอมรับผิดเสียเถอะ! ต่อให้เป็นคุณหนูหวาง ก็ไม่มีทางช่วยพูดให้คนต่ำช้าอย่างนายได้เช่นกัน!”
“นั่นสิ หลินอิ่ง ก่อนหน้านี้นายอวดดีต่อหน้าฉันขนาดนั้น ตอนนี้ประธานเจียงมาแล้ว นายกล้าอวดดีต่อหน้าประธานเจียงไหมล่ะ?” หยางลี่พูดด้วยท่าทางลำพองใจ ดูเหมือนจะหาที่พึ่งคนสำคัญเจอ
หลินอิ่งไม่แสดงอะไรออกมาทางสีหน้า สายตาส่งสัญญาณบางอย่างให้เจียงฉี
เจียงฉีพยักหน้าอย่างรับรู้ มองไปที่รปภ.กับพนักงานที่แบกกล้องสองสามคน พูดด้วยท่าทางน่าเกรงขามอย่างยิ่งว่า “ตอนนี้พวกคุณทุกคนแยกย้ายกันไปให้หมดเดี๋ยวนี้! เก็บกล้องทั้งหมดลงด้วย!”
ทันทีที่เจียงฉีออกคำสั่ง พนักงานระดับล่างเหล่านี้ จึงไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ทุกคนทำตามอย่างว่าง่าย รีบไปจากที่นี่ทันที
“ประธานเจียง? ความหมายของคุณคือจะจัดการเศษสวะคนนี้ยังไงครับ?” เกาจีไท่ถามอย่างสงสัย
เพียะ!
เจียงฉีตบไปที่หน้าเขาอย่างรุนแรงทีหนึ่ง เกาจีไท่ถูกตบจนหน้าหัน แก้มบวมไปครึ่งแถบ
“ประธานเจียง คุณ คุณตบผมทำไม?” เกาจีไท่กุมหน้า ถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
“แกหุบปากเดี๋ยวนี้!” เจียงฉีบริภาษ สองตาลุกเป็นไฟ
ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ!
เบื้องล่างมีคนโง่แบบนี้ได้ยังไง ถึงกับกล้าโวยวายต่อหน้าประธานหลิน แถมยังกล้าใส่ร้ายประธานหลินด้วย?
ทั้งไห่หยางกรุ๊ปล้วนเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของประธานหลิน เมืองโลกก็คือโครงการใหญ่ที่ประธานหลินเป็นผู้ลงทุนเอง! พูดได้ว่า เกาจีไท่และหยางลี่คนนี้ล้วนกินข้าวของประธานหลินอยู่ ขนาดอยู่ต่อหน้าศาสดาตัวจริงก็ยังไม่รู้จักไหว้ ยังจะไปใส่ร้ายป้ายสีอีก?
“ผม……” เกาจีไท่สีหน้าซีดเผือด ในใจยังไม่เข้าใจว่าประธานเจียงตบเขาทำไม
“ประธานเจียฃ คุณอย่าโกรธไปเลยนะคะ ฉันขอโทษ เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง พวกเราบกพร่องต่อหน้าที่ ปล่อยให้เศษสวะอย่างหลินอิ่งปะปนเข้ามา” หยางลี่ขอโทษอย่างประหม่าเป็นที่สุด “พวกเราจะจัดการเจ้าหลินอิ่งคนนี้อย่างเด็ดขาดแน่นอนค่ะ!”
ในมุมมองของเธอ ที่ประธานเจียงโกรธขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะเรื่องของหลินอิ่งทำให้ประธานเจียงรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ดังนั้นถึงได้โกรธ
สีหน้าเจียงฉีเย็นเยียบถึงขีดสุด “เธอเองก็หุบปากด้วย! ฉันจะบอกพวกเธอสองคนให้นะ ประธานหลินคือเพื่อนของฉัน! และเป็นคนออกทุนของโครงการเมืองโลก! พวกเธอสองคนยังกล้าใส่ร้ายประธานหลินอีก?”
“รู้ไหมว่าประธานหลินมาที่กองถ่ายทำไม? มาเพื่อสำรวจตรวจตรา? กบในกะลาอย่างนายนี่ คิดว่ามาทำอะไรล่ะ?” เจียงฉีกล่าวบริภาษ และถูกพฤติกรรมของเกาจีไท่สองคนนี้ทำให้โกรธ
ผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังมาเบื้องล่างเพื่อตรวจดูการทำงาน ถึงกับถูกใส่ร้ายว่ามาแอบถ่ายนักแสดงหญิงเชียวหรือ?
ช่างเป็นความคิดที่ฆ่าตัวเองตายโดยแท้!
ในใจเจียงฉีเข้าใจแจ่มแจ้ง ประธานหลินสามารถประคองตัวเขาเดินมาจนถึงตำแหน่งวันนี้ได้ ก็สามารถปฏิเสธทั้งหมดที่เขามีได้ด้วยประโยคเดียวเช่นกัน!
ใครใส่ร้ายประธานหลิน ก็เท่ากับใส่ร้ายเขา และกำลังขุดฐานรากของเขา!
“อะไรนะ ประธานหลิน? เขา เขาเป็นเพื่อนของคุณประธานเจียง?”
“คนออกทุนโครงการเมืองโลก?”
เกาจีไท่กับหยางลี่ล้วนตกใจจนใบหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องที่ยากจะเข้าใจได้
นี่ไม่ใช่กำลังล้อเล่นกันอยู่ใช่ไหม? หลินอิ่งที่ได้ชื่อว่าลูกเขยไม่ได้ความคนนี้ คือผู้ออกทุนโครงการเมืองโลก? เขามีเงินมากขนาดนี้ได้ยังไง และทำไมถึงมีสิทธิ์คบหากับประธานเจียงผู้เป็นคนแรกในวงการธุรกิจของเมืองตุงไห่ได้?
สมองของทั้งสองพลันยุ่งเหยิงไปหมด รู้สึกหวาดกลัวหาใดเปรียบ ภายในใจไม่อาจจินตนาการได้ เมื่อกี้พวกเขาทำเรื่องโง่เง่าอะไรออกไป
“หลิน ประธานหลิน……” เกาจีไท่เสียงสั่นมองไปที่หลินอิ่ง สีหน้ายากจะรับได้ถึงขีดสุด
คนทั้งสองมองไปที่ดวงตาของหลินอิ่ง เวลานี้ให้ความเคารพราวกับเทพแล้ว
“ธาตุแท้ของสองคนนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ไม่เหมาะกับหน้าที่ในตอนนี้ คุณย้ายพวกเขาออกไปที” หลินอิ่งมองเจียงฉี กล่าวเสียงราบเรียบ
จินตนาการได้เลยว่า หากผู้ดูแลโครงการปฏิบัติต่อคนทั่วไปด้วยทัศนคติที่เลวร้ายเช่นนี้ จะส่งผลในแง่ลบอย่างไรแกไห่หยางกรุ๊ป
“ได้ ฉันจะจัดการให้พวกเขาสองคนไปอยู่ระดับล่างสุดทันที” เจียงฉีกล่าวอย่างจริงจัง
หวางหงหลิงที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง มองหลินอิ่งด้วยดวงตาเป็นประกาย
นี่แสดงให้เห็นว่าความเคารพและนับถือของเจียงฉีค่อยๆ เติบโตขึ้นในใจ จากท่าทีทั้งหมดสามารถมองออกได้ว่า ตำแหน่งของหลินอิ่งภายในใจของเจียงฉีนั้น อยู่สูงอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ภายในใจเธอตกตะลึงมาก ราวกับยังคงดูถูกหลินอิ่ง เขามีความสามารถอะไรกัน ถึงขนาดทำให้เจียงฉีผู้ได้ชื่อว่ามหาเศรษฐีของตุงไห่ ยอมรับเขาอย่างหมดใจเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ในใจหวางหงหลิงก็มีความรู้สึกยินดีที่ยากจะบรรยายชนิดหนึ่งเกิดขึ้นมาเช่นกัน อดลอบดีใจขึ้นมาไม่ได้ รู้สึกว่าผู้ชายที่ตนเองหมายตา ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
“ไม่! ประธานเจียง ประธานหลิน ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าประธานหลินคือเบื้องบนของบริษัท! หากรู้ล่ะก็ ผมคงไม่ทำแบบนี้……” เกาจีไท่พูดพลางส่ายหน้าอย่างขมขื่น
“จริงด้วย ประธานหลิน ฉันผิดไปแล้ว คุณอย่าลงโทษพวกเราเลยนะคะ!” หยางลี่เองก็อ้อนวอนไม่หยุดเช่นกัน สีหน้าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
แม้พวกเขาจะนับว่าเป็นบุคคลในสังคมชั้นสูง แต่เทียบกับเจียงฉีแล้ว ไม่รู้ว่าห่างชั้นกันเท่าไหร่ คำพูดประโยคเดียว ก็สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกเขาได้ ทำให้พวกเขาสูญเสียตำแหน่งอันมั่งคั่งที่กำลังครอบครองอยู่ตอนนี้ไป
“ไม่รู้ก็ใส่ร้ายกันได้แล้ว?” หลินอิ่งกล่าวเสียงเย็น “หากผมไม่ใช่เบื้องบนของบริษัท พวกคุณก็ทำกับคนภายนอกเช่นนี้ได้ตามใจหรือ? ฐานภาพยนตร์ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์และโทรทัศน์ เป็นที่ให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมได้ ไม่ใช่เป็นที่ให้พวกคุณใช้แสดงอำนาจบาตรใหญ่!”
ฐานภาพยนตร์ของเมืองโลก นั่นเป็นของที่เล่นที่ตัวเองใช้เงินใช้ทองทำออกมา ก็ให้คนกลุ่มหนึ่งนำมาใช้แอบอ้างบารมี ทำวางมาดอย่างนี้หรือ?
“พวกเธอสองคน ไปรายงานตัวกับแผนกธุรการของบริษัท ฝึกงานจากตำแหน่งล่างสุดขึ้นมา บางที อาจจะไปจากบริษัทเลยก็ได้ ฉันรับรอง พวกเธอสองคนจะไม่มีทางได้อยู่ในวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ของประเทศหลงอีกต่อไป!” เจียงฉีกล่าวเสียงเย็น
“ผม……” สีหน้าเกาจีไท่ขมขื่นอย่างยิ่ง รู้สึกอนาคตพังทลายลงเสียแล้ว!
“ประธานเจียง ประธานหลิน ให้โอกาสผมได้ทำงานกับบริษัทอีกสักครั้งเถอะนะ ผมทำอาชีพผู้กำกับ ผมเชี่ยวชาญการถ่ายละครมาก!” เกาจีไท่ค้อมตัวอ้อนวอน
“หรือว่าในแวดวงโทรทัศน์มีนายเป็นผู้กำกับคนเดียวที่ถ่ายละครเป็น? นายถ่ายละครอะไรเป็นบ้างล่ะ?” เจียงฉียิ้มเย็นกล่าว ช่างถือว่าตนถูกต้องจริงๆ
“ผม ผมแสดงละครคุกเข่าได้!” เกาจีไท่พูดอย่างประจบ
สิ้นคำ เกิดเสียงของหนักตกลงพื้น เกาจีไท่ใบหน้ายิ้มแย้ม คุกเข่าลงบนพื้นเบื้องหน้าหลินอิ่ง
“ประธานหลิน ขอร้องคุณล่ะ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ! ผมถ่ายละครได้มืออาชีพมากจริงๆ!” เกาจีไท่อ้อนวอนพลางถูหัวเข่าไปมา