ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 195 การยั่วยุของเซียวจวง
บทที่ 195 การยั่วยุของเซียวจวง
หลังปี้ซินหยู่จากไป เจียงฉีก็มีสีหน้าแดงก่ำ หันไปมองหลินอิ่งอย่างรู้สึกผิด
ในฐานะตัวแทนที่ช่วยหลินอิ่งดูแลไห่หยางกรุ๊ป เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ช่างไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลยจริงๆ ปัญหาที่ผุดออกมาของไห่หยางกรุ๊ป มันแย่เกินไป……
“ประธานหลิน ผมขอโทษ นี่คือการบกพร่องต่อหน้าที่……” เจียงฉีลุกขึ้นพูด มีสีหน้าละอายใจอย่างยิ่ง “ประธานหลิน โปรดให้เวลาผมจัดการอีกหน่อย”
หลินอิ่งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “นี่ไม่ใช่ปัญหาของคุณ”
นี่เป็นการข่มขู่จากลาตินกรุ๊ป ตัวเจียงฉีต้านได้ แต่คนเบื้องล่างแบกรับไม่ไหวก็เป็นเรื่องธรรมดา
“ประธานหลิน แล้ว ต้องการให้ไปจัดการปี้ซินหยู่โดยเฉพาะไหม?” เจียงฉีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ต้อง เรื่องที่คุณต้องทำตอนนี้ ก็คือพัฒนาเมืองโลกให้ดี” หลินอิ่งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ปี้ซินหยู่ผู้นี้คิดเอาเองว่ามีลาตินกรุ๊ปหนุนหลัง ถึงได้ทำตัวกำเริบเสิบสาน ไม่ใช่แค่เธอ ยังมีตระกูลซูนและตระกูลโจด้วย รอจนตนเองทำให้ลาตินกรุ๊ปสงบไปได้ระดับหนึ่งแล้ว พอคนเหล่านี้ไปเลียเท้าลาตินกรุ๊ป ก็จะรู้เองว่าได้เลือกอะไรที่โง่เขลาบางอย่างลงไป
หลินอิ่งลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน เดินเล่นในฐานภาพยนตร์ไปรอบใหญ่รอบหนึ่ง ก็โทรศัพท์ให้หยูจื๋อเฉิงจัดหาดาราตัวท็อปมาที่เมืองตุงไห่เพื่อพรีเซ็นเตอร์โฆษณาให้กับไห่หยางกรุ๊ป จากนั้นก็กลับไปที่เกาะเทียมของแม่น้ำชิงหยูน
วันต่อมา
หลินอิ่งรับสายฉีโม่แต่เช้าตรู่ จากนั้นก็ออกจากบ้านขับรถคันหนึ่งไปยังอาคารเป่าติ่ง
ได้ยินฉีโม่บอกว่า มีนักธุรกิจต่างชาติมาเยือนบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ และยังบอกอีกว่าเป็นเพื่อนเก่าของตนเอง ตั้งใจมาหาตนเองโดยเฉพาะ นัดทานข้าวที่ห้องอาหารของอาคารเป่าติ่ง
สิ่งนี้ทำให้หลินอิ่งรู้สึกประหลาดใจ นักธุรกิจต่างชาติ?
ตนเองไม่เคยคบค้าสมาคมกับนักธุรกิจคนไหน หยูจื๋อเฉิง หรือพวกอูหยางกับนิ่งซวน ต้องการมาหาเขา ก็จะโทรมาหาเลยโดยตรง
เพียงไม่นาน หลินอิ่งก็มาถึงห้องอาหารต้อนรับของอาคารเป่าติ่ง
จางฉีโม่อยู่ในชุดสูทพอดีตัว ขับเน้นนิสัยเฉพาะตัวให้โดดเด่นเป็นพิเศษ กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องอาหาร
“หลินอิ่ง ชายหญิงคู่นี้บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าของคุณ คือใครเหรอ? ฉันไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นมาก่อน” จางฉีโม่ถามใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ดูจากการแต่งตัวและการพูดจาของพวกเขา เหมือนจะเป็นคนมีฐานะอยู่ต่างประเทศ ทำไมไม่เห็นเคยได้ยินคุณพูดถึงมาก่อน?”
“พวกเขาชื่ออะไร?” หลินอิ่งถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ชาวต่างชาติ เขานึกออกเพียงองครักษ์มังกรของแก๊งมังกรที่อยู่ต่างประเทศ แต่มีแค่ตัวเขาเองเท่านั้นถึงจะหาองครักษ์มังกรเจอ องครักษ์มังกรทุกคนไม่รู้ว่าประมุขแก๊งเป็นใคร
“คนผู้ชายชื่อเซียวจวง บอกว่าเตรียมเงินมหาศาลมาลงทุนกับบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ และยังนำขบวนรถเบนท์ลีย์และบอดี้การ์ดมาที่นี่ด้วย ค่อนข้างใหญ่โตน่าดู” จางฉีโม่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “คนผู้หญิงไม่ได้แนะนำตัว แต่ฉันจำได้ เป็นดาราดังของตี้จิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าชื่ออะไร คุณเข้าไปดูเองเถอะ”
“เซียวจวง?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
“ฉีโม่ คุณกลับไปทำงานที่ห้องทำงานเถอะ” หลินอิ่งกล่าว
จางฉีโม่ทำสีหน้าสงสัยมากกว่าเดิม พลางถามว่า “ทำไมเหรอ? ขนาดเพื่อนคุณก็ยังไม่ยอมให้ฉันรู้จัก?”
“เปล่า” หลินอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณกลับไปห้องทำงานก่อนเถอะ เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง”
จางฉีโม่กัดริมฝีปากเบาๆ ราวกับไม่เต็มใจเล็กน้อย รู้สึกว่าหลินอิ่งจงใจกีดกันตัวเองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสังคมของเขา
“ตามใจคุณ ฉันขึ้นไปก่อนนะ” จางฉีโม่กล่าว หมุนกายเดินเข้าลิฟท์ไป
ในใจเธอยังคงแปลกใจอยู่มาก เธอแปลกใจความเป็นมาของหลินอิ่งมาตลอด ผลคือจู่ๆ ก็มีนายทุนใหญ่จากต่างชาติคนหนึ่งมากะทันหัน ยังคิดจะลองหยั่งเชิงถามความเป็นมาของหลินอิ่ง สรุปว่าเซียวจวงที่บอกว่าตนเองเป็นเพื่อนของหลินอิ่งคนนั้นกลับปิดปากเงียบไม่ยอมพูดเรื่องของหลินอิ่งสักคำ แต่กลับมีท่าทางสนใจเรื่องของตัวเธอแทน แปลกมากจริงๆ
พอคิดแล้ว จางฉีโม่กลับมาถึงห้องทำงาน หลินอิ่งไม่อยากให้เธอรู้ เธอก็คร้านจะไปถามมากเช่นกัน จึงไม่อาจปล่อยให้เขาได้สิทธิ์ในการเป็นฝ่ายรุกได้
อีกด้านหนึ่ง หลินอิ่งเดินเข้าไปในห้องอาหารด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ที่หน้าห้องอาหารมีบอดี้การ์ดต่างชาติยืนเรียงกันอยู่สิบกว่าคน แต่ละคนดูท่าทางโหดเหี้ยมดุดัน
เขาเดินไปตามพรมแดง จนมาถึงข้างโต๊ะอาหารใหญ่โตโอ่อ่าตัวหนึ่ง นั่งลงอย่างถือวิสาสะ เผชิญหน้ากับชายหนุ่มสวมแว่นตา ในชุดทักซิโด้หางยาวสีแดงเลือดนกคนหนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้หน้าตาจัดว่าไม่ธรรมดาเลย จมูกงุ้มแบบเหยี่ยว ดวงตาเว้าลึก ผิวขาวกว่าผู้หญิงเสียอีก มีลักษณะของชาวตะวันตก ดูเหมือนจะเป็นลูกครึ่ง
“หลินอิ่งใช่ไหม?” ชายหนุ่มจับนาฬิกาพกแบบยุโรปเล่นอยู่ในมือ ยิ้มเล็กน้อยมองหลินอิ่ง
หลินอิ่งถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “คุณมาหาผมมีเรื่องอะไร?”
“ฉันคิดว่า ฉันคงไม่ต้องแนะนำตัวกับนายแล้วสินะ? ภรรยานายน่าจะบอกกับนายแล้ว” เซียวจวงพูดด้วยท่าทางครุ่นคิด “ฉันมาหานายเพราะเรื่องอะไร น้องสาวฉันเซียวซวนน่าจะเคยบอกนายแล้วเช่นกัน?”
“ฉันไม่รู้จริงๆ นายไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามองข้ามคำเตือนที่น้องสาวฉันบอกกับนาย” เซียวจวงพูดอย่างเหยียดหยาม “ฐานะของนายฉันสืบมาชัดเจนแล้ว เป็นชายไร้ค่าคนหนึ่งที่เกาะเมียกิน?”
หลินอิ่งยิ้ม กล่าวว่า “คุณสืบมาได้ชัดเจนแล้วจริงๆ เหรอ?”
“หึๆ” เซียวจวงทำท่าทางเหยียดหยามมากกว่าเดิม “ฉันคงสืบมาไม่ชัดเจนจริงๆ อยู่ต่อหน้าฉัน ทำไมนายยังมีความมั่นใจได้ขนาดนี้อีก? ฉันย่อมรู้เรื่องบางอย่างที่นายแอบทำอยู่อย่างแน่นอน นอกจากนายจะโชคดี มีภรรยาเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งแล้ว ยังได้เกาะหวางหงหลินกินอีกด้วย สุดท้าย ยังใช้เส้นสายของหวางหงหลิน ติดตามเจียงฉีประธานอาวุโสของไห่หยางกรุ๊ป เพื่อกินข้าวกับเขามื้อหนึ่ง ใช่ไหม?”
“นายคิดจริงๆ หรือว่า ความสามารถและอิทธิพลเพียงแค่นี้ของนาย อยู่ในสายตาฉันจะนับเป็นอะไรได้?” เซียวจวงพูดด้วยท่าทีอย่างผู้อยู่เหนือกว่า “ทางที่ดีนายควรไปไถ่ถามดูก่อนว่า เซียวซื่อกรุ๊ปของประเทศMเป็นยังไง เจียงฉีของไห่หยางกรุ๊ป ในสายตาฉันก็แค่เจ้าถิ่นตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
“แล้วไงล่ะ?” หลินอิ่งถามอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วไง? หึๆ ดูท่านายจะยังไม่รู้สึกตัว ฉันมาหานายด้วยตนเอง ย่อมเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากเรื่องหนึ่ง” เซียวจวงพูดเนิบๆ “ฉันถูกใจหวางหงหลิง ต่อไปแทนที่นายคิดจะเกาะหวางหงหลิงกิน ทำไมไม่ลองคิดว่าจะเลียเท้าฉันยังไงดูล่ะ ทำให้ฉันตกรางวัลยอมกินข้าวกับนายสักมื้อ”
“ฉันมาหานาย ก็เพื่อให้โอกาสนายได้คุกเข่าประจบ เข้าใจไหม?” เซียวจวงพูดยิ้มๆ
“หึ” หลินอิ่งยิ้มเย็น ระดับความอวดดีของเซียวจวง เหนือจินตนาการไปแล้ว
“นายกำลังหัวเราะอะไร? ผู้ชายไร้ค่าที่ได้แต่เกาะผู้หญิงกินอย่างนาย อย่างมากก็เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของเจียงฉีเท่านั้น!”
เวลานี้เอง มีหญิงสาวแต่งตัวสวยหรูคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมเสื้อคลุมยาวกับกระโปรงสั้น ขับเน้นขาวเรียวยาวขาวนวลให้ดูเด่น ดูท่าทางน่านับถืออย่างมาก
หลินอิ่งมองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แวบหนึ่ง เป็นปี้ซินหยู่ มิน่าก่อนหน้านี้ถึงกล้าทำอวดดีต่อหน้าเจียงฉี ที่แท้ก็มีชายเบอร์หนึ่งอย่างเซียวจวงโอบอุ้มอยู่นี่เอง
“ประธานเซียว คุณไม่รู้ เมื่อวานชายไร้ค่าคนนี้อยู่ต่อหน้าเจียงฉี ยังกล้าทำท่าข่มขู่ฉันด้วย?” ปี้ซินหยู่พูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด นั่งลงบนขาของเซียวจวง ร่างกายแทบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว
เซียวจวงยิ้มอย่างลำพองใจ บีบคลึงร่างกายของปี้ซินหยู่ตามใจชอบ มองหลินอิ่งด้วยท่าทางครุ่นคิด พลางกล่าวว่า “ให้โอกาสนายแล้ว หากนายไม่ยอมคุกเข่าให้ฉัน จุดจบของนายคงน่าเวทนาอย่างยิ่ง สูญเสียทุกอย่างที่นายครอบครอง จริงสิ ฉันยังต้องบอกนายอีกว่า ฉันถูกใจภรรยาของนายเข้าแล้วสิ ภรรยานายสวยดี”
“แทนที่จะต่อสู้ขัดขืน ทำไมไม่ยกภรรยานายให้ฉันแทนล่ะ แลกกับภาพอนาคตอันมั่งคั่ง ถึงอย่างไรสวะที่เกาะผู้หญิงกินอย่างนาย ขอแค่มีผลประโยชน์มากพอ การขายภรรยาสักคนก็ไม่ถือเป็นอะไรนี่?” เซียวจวงพูดอย่างได้ใจ ราวกับกำลังพูดเรื่องที่สมเหตุสมผลเรื่องหนึ่ง