ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 200 ไม่เชื่อฟังก็ต้องตาย
บทที่ 200 ไม่เชื่อฟังก็ต้องตาย
สิบกว่านาทีให้หลัง หลินอิ่งก็มาถึงโรงพยาบาล มีแลนด์โรเวอร์สีดำสิบกว่าคันจอดอยู่ที่ใต้ตึก คนของเสิ่นซานต่างรอคอยคำสั่งอยู่บนรถ
ลาตินกรุ๊ปเริ่มใช้อุบายไม่เลือกแล้ว จึงกังวลว่าเจ้าพวกสารเลวต่างชาติกลุมนี้จะวิ่งมาเล่นงานเจียงฉีที่โรงพยาบาล เขาจำเป็นต้องจัดวางกำลังคนไว้ที่นี่เพื่อป้องกันไว้ก่อน
หลินอิ่งลงจากรถ มายังชั้นแปดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นห้องฉุกเฉินที่ช่วยผู้ป่วยวิกฤตโดยเฉพาะ
บนระเบียงทางเดิน เสิ่นซานกับหลิวจุนนั่งอยู่บนเก้าอี้ รอคอยด้วยท่าทางเป็นกังวล พอเห็นหลินอิ่งเดินเข้ามา ก็รีบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางลุกขึ้นยืน
“ท่านหลิน คุณมาแล้ว” เสิ่นซานพูด
หลินอิ่งพยักหน้า ถามว่า “อาการของเจียงฉีเป็นยังไงบ้าง?”
เสิ่นซานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ร่างกายถูกยิงสองนัด โชคได้ที่ไม่โดนจุดสำคัญ เมื่อกี้พ้นขีดอันตรายแล้ว หมอบอกว่าต้องพักฟื้นกว่าครึ่งเดือนถึงจะหาย”
หลินอิ่งในใจก็โล่งอกเช่นกัน เพราะอย่างไรเจียงฉีก็จัดการงานให้ตัวเองด้วยความจงรักภักดีถึงได้เกิดอันตรายเช่นนี้ หากถูกยิงตายไปจริงๆ ในใจเขาคงเป็นทุกข์
“ตอนที่เจียงฉีพักฟื้นอยู่นี้ นายจัดวางคนเฝ้าอยู่โรงพยาบาลสักหน่อย” หลินอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ” เสิ่นซานพยักหน้า “ได้ยินเลขาเจียงฉีบอกว่า วันนี้ตอนที่เขาไปดูแลงานของโครงการเมืองโลก ข้างกายได้พาบอดี้การ์ดไปด้วย ถูกมือยิงลอบยิงจากที่ห่างไกล ยังหาตัวคนที่ลงมือไม่พบ แต่ว่า ผมคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของลาตินกรุ๊ปเช่นกัน”
“ท่านหลิน ลาตินกรุ๊ปอวดดีขนาดนี้ คุณคิดจะจัดการพวกเขายังไงครับ? ผมอยากจะจัดการจนรอไม่ไหวแล้ว” เสิ่นซานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
ตั้งแต่ติดตามท่านหลินเป็นต้นมา คลื่นลมก็สงบมาโดยตลอด ยังคงเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ลงมือกันถึงขั้นตายได้เลย สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธเคืองเป็นพิเศษ ดีร้ายอย่างไรก็เป็นหัวหน้าแก๊งใต้ดิน ยังมีคนกล้ามาลอบยิงลับหลัง โอหังเกินไปแล้ว
“เรื่องนี้ฉันจะไปจัดการด้วยตัวเอง” หลินอิ่งพูด “ไปดูอาการเจียงฉีกันก่อนเถอะ”
พูดจบ หลินอิ่งก็เดินไปยังห้องพิเศษ เสิ่นซานกับหลิวจุนเดินตามมาพร้อมกัน
ในห้องผู้ป่วย เจียงฉีนอนอยู่บนเตียงคนไข้ สีหน้าดูซีดขาวอ่อนแรง ต่อสายน้ำเกลือ บนร่างกายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล
“ประธานหลิน คุณมาแล้ว ขอโทษด้วย ระยะนี้ โครงการเมืองโลก ผมคงไม่ได้ไปจัดการแล้ว” เจียงฉีพูด น้ำเสียงอ่อนแรง เพิ่งจะผ่าตัดเอาลูกกระสุนออกมา เห็นได้ชัดว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก
“ระยะนี้คุณพักผ่อนให้มากๆ เถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องทางนั้น” หลินอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ” เจียงฉีพูดช้าๆ “ประธานหลิน ครั้งนี้คนที่เล่นงานผม เป็นคนที่ลาตินกรุ๊ปส่งมา ตัวแทนการค้าของบริษัทพวกเขา โทรหาเลขาผมอย่างอวดดีมาก เตือนผมต้องการให้ผมมอบโครงการเมืองโลกนี้ออกมา รวมถึงปิดไห่หยางกรุ๊ป ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้มีชีวิตออกจากโรงพยาบาล พวกเขาอวดดีเกินไปแล้ว!”
หลินอิ่งพูด “คุณวางใจเถอะ ผมจะช่วยแก้แค้นให้คุณเอง”
เจียงฉีพยักหน้าอย่างขึงขัง มีคำพูดนี้ของหลินอิ่ง เขาก็วางใจลงได้โดยสิ้นเชิง หลินอิ่งพูดว่าจะทำเช่นนั้น เขาไม่เคยพูดไปเล่นๆ
หลินอิ่งมองไปทางเสิ่นซาน ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ก่อนหน้านี้สั่งให้นายจัดการลาตินกรุ๊ป ใช้อิทธิพลประมือกับพวกเขาอย่างลับๆ ได้เรื่องยังไงบ้างแล้ว? แล้วสอบปากคำมือยิงสองสามคน ได้ข่าวอะไรบ้างหรือยัง?”
“ได้ข่าวใหม่มาครับ” เสิ่นซานพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ที่ลาตินกรุ๊ปไม่ได้เคลื่อนไหวมาโดยตลอด ที่แท้เป็นเพราะผู้ดูแลของพวกเขาไปต่างประเทศเพื่อนำกำลังคนเข้ามา ได้ยินว่า ผู้ดูแลของพวกเขา อยู่สำนักงานใหญ่ลาตินกรุ๊ปมีตำแหน่งสูงมาก……”
เป็นเช่นนี้ เสิ่นซานพูด หลินอิ่งฟัง ทั้งสองคนหารือกันเรื่องจะหาทางตอบโต้ลาตินกรุ๊ปอย่างไรต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องอาหารรับรองแขกของอาคารเป่าติ่ง
จางฉีโม่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาหาร มองเซียวจวงที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางสงสัยๅ
เธอไม่เข้าใจอยู่บ้างว่า เมื่อวานเซียวจวงคนนี้เพิ่งจะเรียกตนเองว่าเพื่อนของหลินอิ่ง มาหาหลินอิ่งที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง ผลคือ วันนี้เขากลับบอกว่าเขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของลาตินกรุ๊ป มาที่นี่เพื่อเจรจาธุรกิจ?
ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทถูกลาตินกรุ๊ปเพ่งเล็ง เธอก็คงไม่มีทางได้พบ “หุ้นส่วนใหญ่” ที่ว่านี่หรอก
“คุณเซียวจวง? คุณมาหาฉันเพราะเรื่องอะไรกันแน่? คุณเป็นคนของลาตินกรุ๊ปใช่ไหม” จางฉีโม่ถามอย่างสงสัย
ใบหน้าเซียวจวงเจือรอยยิ้มเล็กน้อย กล่าวเนิบๆ ว่า “คุณฉีโม่ คุณสงสัยฐานะของผมเหรอ? บริษัทของคุณ วันนี้ในตลาดหุ้นกำลังจะล้มละลาย หุ้นของคุณ ล้วนถูกลาตินกรุ๊ปกว้านซื้อไปหมดแล้ว ถูกไหม? ผมบอกคุณได้เลยว่า เรื่องนี้ผมเป็นคนส่งลูกน้องไปทำเอง”
จางฉีโม่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามว่า “คุณทำเรื่องเหล่านี้ เพราะมีจุดประสงค์อะไร?”
“ง่ายมาก เพราะผมอยากบอกความจริงคุณเรื่องหนึ่ง ผมมีความสามารถแย่งทุกอย่างไปจากคุณได้” เซียวจวงทำท่าทางครุ่นคิดพลางยิ้มกล่าว แววตาชั่วร้าย
จางฉีโม่ทำท่าทางเย็นชา ท่าทางของเซียวจวงทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง
“เซียวจวง หากคุณคิดจะมาข่มกัน งั้นฉันคงไม่มีอะไรต้องพูดคุยด้วย” จางฉีโม่กล่าวเสียงเฉียบขาด กำลังจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวก่อน คุณฉีโม่” เซียวจวงทำท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม พูดว่า “คุณยังเพ้อฝันให้ไอ้สวะหลินอิ่งนั่นมาช่วยคุณอีกเหรอ? ผมบอกเลยว่า ที่พึ่งใหญ่ของหลินอิ่ง เจียงฉี ในสายตาผมก็แค่เศรษฐีใหม่เท่านั้น มิหนำซ้ำ วันนี้เจียงฉีก็เข้าโรงพยาบาลแล้วด้วย”
“ไม่เกินสามวัน บริษัทเครื่องประดับจางซื่อของคุณ ก็จะถูกผมบีบให้ล้มละลาย” เซียวจวงพูดอย่างครุ่นคิด “หากคุณไม่อยากสูญเสียทุกอย่างไป ทางที่ดีควรเลือกที่จะเชื่อฟังผม”
“หมายความว่ายังไง?” จางฉีโม่กล่าวอย่างฉุนๆ
“ความหมายชัดเจนมาก คุณไม่เชื่อฟังผมก็ต้องตาย” เซียวจวงยิ้มเย็นกล่าว “อยากจะรักษาของของคุณในตอนนี้ไว้ไหม? ง่ายมาก ตอนนี้ตามไปกับผม ขอเพียงอยู่กับผมคืนหนึ่งก็พอแล้ว ไม่อย่างนั้น ผลที่ตามมาคุณคงจะจินตนาการออก อีกอย่าง ผู้หญิงที่ผมถูกใจเลือกไม่ได้ คุณทำได้แค่เลือกที่จะสมัครใจ หรือจะถูกผมบังคับ คุณชอบแบบไหนล่ะ”
พูดจบ ดวงตาเซียวจวงก็กวาดมองร่างกายจางฉีโม่อย่างจาบจ้วง ท่าทางน่าเกลียดอย่างยิ่ง
“หึ แกฝันไปเถอะ!” จางฉีโม่พูดเสียงเย็น รู้สึกโมโหอย่างมาก เซียวจวงโอหังอวดดีเกินไปแล้ว
“ฝันไปเถอะ? หึๆ คุณฉีโม่ คุณคงไม่รู้สินะ? หลินอิ่งสามีไร้ค่าของคุณ ตายแล้ว คุณติดตามไอ้เศษสวะนั่น จะไปมีความหมายอะไร?” เซียวจวงพูดเนิบๆ
“แกกำลังพูดเหลวไหล! ฉันเพิ่งจะโทรคุยกับหลินอิ่งไปไม่นานนี้เอง!” จางฉีโม่กล่าวอย่างเดือดดาล
“แล้วเขาไม่ได้บอกคุณหรือว่า วันนี้เขาพบเจออะไรมา?” เซียวจวงกล่าวอย่างครุ่นคิด “ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องตาย เศษสวะอย่างเขา ไม่คู่ควรกับคุณเลยสักนิด”
“ผมนำสัญญารับซื้อหุ้นบริษัทคุณมาด้วย” เซียวจวงกล่าวช้าๆ โยนเอกสารสองสามฉบับลงบนโต๊ะ “ขอเพียงคุณเชื่อฟังผม ก็เอากลับไปได้ แถมยังได้เงินก้อนใหญ่ฟรีๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถของผมที่ไอ้สวะหลินอิ่งนั่นเทียบไม่ติด ผมสามารถทำให้บริษัทเครื่องประดับของคุณโด่งดังไปทั่วโลกได้ ขอเพียงต่อจากนี้ไปคุณติดตามผมก็พอ คุณต้องการเงินมากเท่าไหร่ ต้องการสิ่งใด? ก็เอ่ยปากมาได้เลย