ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 218 การสอบสวน
บทที่ 218 การสอบสวน
“หายไปจากโลกใบนี้…” บนใบหน้าของคริสเต็มไปด้วยความขืนข่ม มุมปากกระตุกและทรุดลงกับพื้น
เขาในตอนนี้ไม่มีความเชื่อมั่นที่จะเป็นปรปักษ์กับหลินอิ่งแม้แต่น้อย ชายที่เหยียบอยู่บนหัวเขาคนนี้ แข็งแกร่งจนเกินไป แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้
หลินอิ่งสามารถโค่นล้มฮาเดสได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นการทำลายความเข้าใจที่คริสเคยมีจริงๆ เขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าหลินอิ่งทำได้ยังไง เขามีฝีมือที่น่าเกรงขามเพียงใดกันแน่ แล้วเบื้องหลังมีที่มาที่ไปยังไง คนที่สามารถมีฝีมือที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ไม่! อย่าฆ่าฉันเลย ฉัน… พวกเราคุยกันดี ๆ ได้” คริสสีหน้าท่าทางหวาดผวา รีบกล่าวขอความเมตตาอย่างรวดเร็ว
เขาไม่สนใจอะไรแล้ว เผชิญหน้ากับวิกฤติแห่งความเป็นความตาย ต่อให้เป็นบุคคลอันดับต้น ๆ ในกลุ่มผู้ลงทุนระหว่างประเทศอย่างคริส ก็ต้องยอมแพ้
“ตอนนี้คุยดี ๆ ได้แล้ว?” หลินอิ่งยิ้มเยาะ แล้วปล่อยคริสที่ถูกเหยียบไว้
หลังจากที่หลินอิ่งนำเท้าออกไป คริสก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกว่าเขาได้หลุดพ้นจากกรงขังของเงาแห่งความตายมาได้
“หลินอิ่ง ต่อให้ฉันยอมก้มหัวให้แกจริง ๆ แกมีความมั่นใจอะไรที่จะควบคุมฉัน? แกไม่กลัวเหรอว่าหลังจากนั้นฉันจะระดมอิทธิพลมาแก้แค้นแก? หรือว่าหนีกลับไปต่างประเทศ” คริสกล่าวด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าหลินอิ่งต้องการจะทำอะไรกันแน่
“กลับมาแก้แค้นฉัน?” หลินอิ่งส่ายหัว จ้องมองคริสด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ชะตากรรมของแกอยู่ในมือของฉัน แกเลือกที่จะแก้แค้นฉันได้ ขอเพียงแค่แกมีความกล้าพอ เรื่องหนีกลับต่างประเทศ เหอะ! ต่อให้หนีไปไกลสุดขอบฟ้า ไม่ว่าที่ไหน หรือจะเข้าไปหลบที่สำนักงานใหญ่ลาตินกรุ๊ป ฉันก็สามารถที่จะทำให้แกตายไปแล้วหาที่ฝังศพมิได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คริสจ้องมองไปที่หลินอิ่งในทันที จากนั้นก็ถูกสายตาที่เต็มไปด้วยมั่นใจและรัศมีพลังอำนาจของหลินอิ่ง ทำให้ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
ความเชื่อมั่นในตนเองแบบนี้ มันทำให้คนรู้สึกตกตะลึงเสียจริง ๆ
ถูกต้อง ล่วงเกินคนแบบหลินอิ่ง ไม่ว่าจะหลบอยู่ที่ไหนก็คงสงบจิตสงบใจไม่ได้ คงต้องถูกปกคลุมด้วยเงามืดไปตลอดชีวิต
“ประธานหลิน ผมเลือกที่จะยอมจำนน หวังว่าท่านจะให้โอกาสผมได้รับใช้” คริสหลับตาครุ่นคิดอยู่สักพัก สีหน้าท่าทางจริงใจ แสดงจุดยืนของเขา
พูดจบ คริสคลานเข้าหาแทบเท้าของหลินอิ่ง จากนั้นคุกเข่ากราบไหว้อย่างเคร่งขรึม ราวกับผู้ศรัทธาที่เคร่งครัดในศาสนากำลังกราบไหว้พระเจ้า
“พลังอำนาจที่ท่านแสดงออกมาราวดั่งเช่นพระเจ้า ผมยอมจำนนต่อท่านอย่างจริงใจ” คริสกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
หลินอิ่งยิ้มเยาะและไม่ได้กล่าวอะไร คนต่างชาติกมักจะชอบเสแสร้งแกล้งทำแบบนี้ ไม่รู้จักละอายใจเลยสักนิด
“คริส แกมาห้องทำงานกับฉัน” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ จากนั้นมองไปทางเสิ่นซาน “เสิ่นซาน คุณจัดการที่นี่ให้เรียบร้อย ส่งพวกคณะกรรมการเหล่านี้ออกไปจากอาคาร แล้วพาฮาเดสคนนี้ รอคำสั่งของผมอยู่ที่ห้องประชุม”
“ครับ ท่านหลิน” เสิ่นซานกล่าวด้วยท่าท่างตื่นเต้น
เขาเข้าใจแผนการของท่านหลินแล้ว ดูเหมือนว่าต้องการที่จะรวบลาตินกรุ๊ป
เสิ่นซานถูกฝีมือของหลินอิ่งทำให้ตะลึงกับอีกครั้ง ในสายตาของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านหลินทำไม่ได้ ท่านหลินลงมือ ยิงร้อยครั้งถูกเป้าทั้งร้อยครั้ง สถานการณ์แบบไหนล้วนพลิกผันได้ แต่ไหนมาไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว
มีหัวหน้าแบบนี้ มันช่างโชคดีจริง ๆ
ไม่นาน หลินอิ่งมาถึงห้องประธานของไห่หยางกรุ๊ป คริสเดินกะโผลกกะเผลกอยู่ด้านหลัง รอจนหลินอิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ เขาถึงมีใบหน้ายิมแย้ม โค้งงอตัวอยู่หน้าโต๊ะ ราวกับลูกน้องที่กำลังรอคำสั่งจากเจ้านาย
คริสมีความขมขื่นใจ ตั้งแต่เขาเข้ามาในลาตินกรุ๊ป เขาไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่สิบปีแล้วที่เขาไม่ได้ก้มหัวให้ใคร จากฐานะและความสามารถของเขา แต่ไหนแต่ไรมามีแต่คนอื่นที่ต้องกราบไหว้เขา
แต่ว่าต้องก้มหน้าคุกเข่าให้กับหลินอิ่ง ในสายตาของคริสเขาไม่เห็นว่าน่าอับอายเลยสักนิด เพราะว่าพลังอำนาจที่หลินอิ่งแสดงออกมานั่น ดั่งเช่นการมีตัวตนอยู่ของเทพเจ้า คล้ายเคียงกับเทพนิยาย
ค้นหาผู้แข็งแกร่งไปในทั่วทุกพื้นที่ให้ได้มากที่สุด มหาอำนาจเป็นตัวแทนของทุกอย่าง นี่คือแนวคิดที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในแต่ละประเทศ คริสก็ไม่เว้น
นิ้วมือของหลินอิงเคาะเบา ๆ อยู่บนโต๊ะ เขามองไปที่คริส แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “คริส ฉันถามแกกี่คำถาม แก ตอบตามความเป็นจริง?
“ประธานหลิน ผมจะต้องพูดทุกอย่างที่ผมรู้อย่างแน่นอน” คริสกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง ท่าทางว่านอนสอนง่าย
หลินอิ่งเอ่ยถาม: “แกรู้จักตระกูลเหวินไหม?”
“ตระกูลเหวิน?” คริสท่าทางลังเล มีแววสงสัยในสายตาของเขา “ท่านหมายถึงตระกูลเหวินไหนเหรอ?”
“ลาตินกรุ๊ปก่อตั้งก่อตั้งสาขาย่อยอยู่ที่เมืองชิงหยูนได้ยังไง? ทำไมแกถึงได้มาบริหารจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง?” หลินอิ่งเอ่ยถาม
คริสกล่าวอย่างช้า ๆ : “สำนักงานใหญ่ลาตินกรุ๊ปมีแผนการที่จะก่อตั้งสาขาย่อยที่ประเทศหลุงมานานแล้ว เมื่อก่อนก็ได้มีการพิจารณาเมืองอื่น ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ว่าเป็นเพราะอิทธิพลในพื้นที่ของประเทศหลุงค่อนข้างจะต่อต้านชาวต่างชาติมาก ถ้าหากก่อตั้งสาขาย่อยที่ตี้จิงหรือจิงหลิง เมืองใหญ่เหล่านั้นกลับจะทำให้เกิดความหวาดกลัว ดังนั้นจึงมีผลสรุปลงที่เมืองแนวชาวฝั่งอย่างเมืองตุงไห่ และที่ผมมาบริหารจัดการที่เมืองชิงหยูน นั่นเพราะลาตินกรุ๊ปที่เมืองชิงหยูนเป็นสำนักงานใหญ่ประจำประเทศหลุง ผมต้องเข้ามาปูทาง และกำจัดอิทธิพลในพื้นที่ ตามแผนเดิมผมอยู่ที่นี่ครบครึ่งปีก็ต้องไปแล้ว”
หลินอิ่งไม่แสดงอาการใด ๆ เขาจ้องมองการเปลี่ยนแปลงสีหน้าท่าทางของคริสอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่ได้โกหก เขาก็ไม่ได้ซักถามต่อไป
เห็นได้ชัด มาถึงขั้นนี้ ไม่มีความเป็นไปได้อะไรที่คริสจะโกหก ดูเหมือนว่าที่เขามาบริหารจัดการที่เมืองตุงไห่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลเหวิน
เรื่องที่ลาตินกรุ๊บมาที่เมืองชิงหยูนในครั้งนี้ ตระกูลเหวินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง งั้นก็ง่ายขึ้นเยอะ
ตัวเขาเองมีแผนที่จะวางหมากไว้ในต่างประเทศ พอดีกับที่ตอนนี้คริสตกอยู่ในมือของเขา ใช้ประโยชน์ให้คุ้ม
แท้จริงแล้วอิทธิพลของแก๊งมังกรมีอยู่ทั่วโลก อยู่ที่ต่างประเทศหลินอิ่งยังคงมีกำลังมหาศาลที่สามารถเรียกใช้ได้ เพียงแต่ว่า สถานการณ์ที่แปลกประหลาดในตี้จิงที่ตระกูลเหวินถอยออกอย่างกะทันหันในครั้งนั้น ทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้น
นั้นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลิงอิ่งสงสัยว่ามีหนอนบ่อนไส้แฝงตัวอยู่ในแก๊งมังกร ซ้ำยังเป็นคนที่มีตำแหน่งฐานะในแก๊งมังกรอีกด้วย
หลังจากที่อาจารย์ได้เกษียณไปเมื่อหลายปีก่อน และส่งต่อตำแหน่งประมุขแก๊ง ท่านก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในแก๊งอีก ท่านได้ไปจากประเทศหลุงมุ่งหน้าไปยังต่างประเทศและไม่ยุ่งกับเรื่องภายนอก แล้วก็ไม่รู้แน่ชัดว่าอยู่ที่ไหนกันแน่
ปัจจุบัน บางทีอาจจะมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นภายในแก๊งมังกรก็เป็นได้ ดังนั้นหลินอิ่งจะไม่เปิดเผยฐานะประมุขแก๊งอย่างสะเพร่าเด็ดขาด เขาลงมือติดต่อระดมพลองครักษ์มังกรในที่มืดด้วยตนเอง
และการจัดตั้งกองกำลังต่างประเทศ สามารถถือโอกาสใช้สอดแนมสถานการณ์ของแก๊งมังกรที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ในปัจจุบันได้ รวมถึงสืบหาที่มาที่ไปของอาจารย์
“ประธานหลิน ตระกูลเหวินที่ท่านพูดถึง ใช่ตระกูลเหวินที่เมื่อไม่นานมานี้สร้างความโกลาหลที่ตี้จิงหรือเปล่า?” คริสดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และกล่าวอย่างระมัดระวัง “ประธานหลิน ที่ประเทศหลุงผมมีหน่วยข่าวกรองที่คอยรวบรวมข้อมูลโดยตรงอยู่ สามารถช่วยท่านตรวจสอบตระกูลเหวินนี้ได้”
หลินอิ่งมองคริสแวบบหนึ่ง เขาไม่ได้ใส่ใจกับไมตรีจิตที่คริสมอบให้
“อยู่ที่ประเทศหลุงลาตินกรุ๊ปมีอิทธิพลมากแค่ไหน? แกผู้รับผิดชอบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนนี้ สามารถสั่งการได้มากแค่ไหน?” หลินอิ่งเอ่ยถาม