ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 249 ทำเป็นเจ้าสัวต่อหน้าท่านอิ่ง?
บทที่ 249 ทำเป็นเจ้าสัวต่อหน้าท่านอิ่ง?
ถังฮุยเกิดคลั่งในงาน ทำเอาทุกคนในงานตกใจไปตามๆ กัน ราวกับเกิดเรื่องใหญ่เท่าฟ้าดิน
อันที่จริง ถังฮุยสำหรับพวกเขาแล้ว นั่นคือแผ่นฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะ
ที่นั่งกันอยู่แม้จะมีฐานะทางสังคม ฐานะร่ำรวยไม่ธรรมดากัน แต่ระดับยังไม่พอ ต่อหน้าถังฮุยลูกพี่ใหญ่สุดในเขตจงเทียน ก็ยังไม่พอให้เหลียวมอง
แค่ถังฮุยเอ่ยปาก ก็สามารถทำให้พวกเขาหายไปจากโลกนี้จากเขตจงเทียนได้ในคืนนี้
เพียงแต่คนที่มีอำนาจล้นฟ้าในเขตจงเทียนก็อยู่ นึกไม่ถึงว่าจะออกหน้าแทนได้บ้านนอกคลุกขี้โคลนจากเมืองตุงไห่ แล้วยังเรียกไอ้เศษสวะเกาะผู้หฐิงกินนี้ว่าท่าน?
ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ แทบจะกลบสิ่งที่พวกเขารู้มาจากปกติ
คราวนี้ ทุกคนต่างใช้สายตาผวาและหวาดกลัว มองไปยังหลินอิ่ง
ในหัวสมองพวกเขาหลุดคำสี่คำออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดว่า ลึกเกินจะคาด!
เรียกว่ามหาสมุทรยากจะหยั่งลึก หลินอิ่งคนผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีเส้นสายใหญ่เช่นนี้ รู้จักกระทั่งถังฮุยที่น่าเกรงขาม
“ประธานถัง คุณ จะมากเกินไปหรือเปล่า?” สวีเหอทนระงับความโกรธ พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ผมเคารพคุณ ศักยภาพของคุณก็เหนือกว่าผม แต่ว่า เอะอะอะไรก็ตบฉาดหูผม แล้วยังให้ผมต้องขอโทษคนแปลกหน้าอีก? คุณไม่เห็นตระกูลสวีในสายตาเกินไปแล้ว”
สวีเหอทนไม่ไหวแล้ว ถังฮุยตบฉาดที่หูเขายังพอทน แต่ยังจะให้เขาขอโทษต่อเศษสวะที่มาจากบ้านนอก เขาทนไม่ได้!
โดยเฉพาะ เป็นหลินอิ่งที่เขาเคยถากถาง พริบตาเดียวก็จะให้เขาขอโทษต่อฝูงชน แล้วต่อไปจะเชิดหน้าอยู่ในวงเพื่อนๆ ได้อย่างไร?
“ตระกูลสวี?” ถังฮุยมองสวีเหอด้วยสายตาเย็นชา ทำเสียงเย็นชาใส่ ท่าทางโมโหเพิ่มขึ้น
เพียะๆๆ
ถังฮุยกระโจนเข้าไปก็สองเตะสามหมัด ซ้อมสวีเหอจนถอยจนทรุด สะบักสะบอมจนคว่ำลงไปที่พื้น จนหน้าบวมจมูกเขียว
“ยังกล้าทำเป็นใหญ่ต่อหน้าท่านอิ่งอีกเหรอ? เป็นแค่ตัวกระจอกในตระกูลสวีเท่านั้นเอง แล้วยังคิดจะเป็นตัวแทนตระกูลสวี?” ถังฮุยพูดด้วยท่าทางไม่แยแส เหลือบตามองต่ำดูสวีเหอ “นายคิดว่าการขอโทษต่อท่านอิ่ง เป็นการขายหน้าเหรอ? ฉันจะบอกให้ ไม่ยอมขอโทษ ก็ตายซะเถอะ!”
ถังฮุยโกรธแล้วจริงๆ จนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดออกมา จ้องสวีเหออย่างกินเลือดกินเนื้อ
สวีเหอยังจะกล้าถือตัว คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่
ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาจะจัดการเจ้าโง่ที่ไม่รู้จักที่ตายนี่ไปแล้ว
ต่อหน้าท่านอิ่ง ยังกล้าทำแบบนี้ ไม่ตายถือว่ามีจุดจบที่สวย
“นาย!” สวีเหอทั้งอายทั้งโกรธ อยากจะกู้หน้าคืน แต่ไม่มีศักยภาพพอ
เขายอมไม่ได้จริงๆ ถังฮุยตบหน้าเขาได้ แต่ว่า หลินอิ่งเป็นใคร? ไม่รู้ใช้วิธีไหนมาสอพลอถังฮุย ถึงกับทำให้ถังฮุยออกหน้าช่วยเขา
“ฉันจะนับถึงสาม อย่าบีบให้ฉันลงมือ” ถังฮุยพูดอย่างดุดัน
สวีเหอตัวสั่นไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนโดนลบหลู่อย่างมาก มองไปยังหลินอิ่ง รู้สึกไม่เต็มใจ
มีสิทธิ์อะไร ที่จะให้เขาขอขมาลาโทษต่อไอ้เศษสวะบ้านนอกแบบนี้?
“ท่านอิ่ง จะให้จัดการคนผู้นี้อย่างไรดี?” เหงื่อซ่กเต็มหน้าผากถังฮุย มองไปยังหลินอิ่งถามด้วยความเคารพ
หลินอิ่งจิบน้ำชา พูดด้วยเสียงราบเรียบ “นายดูเอาเถอะ”
“ขอรับ” ถังฮุยโค้งศีรษะ ความกดดันในใจเพิ่มมากขึ้น
ท่านอิ่งให้อำนาจเต็มเขาจัดการ แล้วถ้ายังไม่สามารถทำให้ท่านอิ่งพอใจ เขาก็ต้องจบเห่แน่
พูดจบ ถังฮุยก็จ้องทะมึนไปยังสวีเหอ หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ในเมื่อนายดื้อด้านอย่างนี้ อย่างนั้นฉันจะดูว่านายจะดื้อด้านได้ถึงเมื่อไหร่” ถังฮุยพูดด้วยความเผ็ดร้อน จุดเครื่องสังหารขึ้นแล้ว
“อย่า! อย่า! ประธานถัง ผมผิดไปแล้ว! ขอร้องล่ะ อย่าส่งคนมาเลย! ผมจะขอโทษต่อท่านอิ่งตอนนี้!” สวีเหอกุลีกุจอพูดขึ้นมา พอเห็นท่าทางถังฮุยจริงจังที่จัดการ ก็รีบอ้าปากยินยอม ทิ้งความยโสไปไกลเหนือเมฆ
เพราะท่าทางอย่างนี้ ถังฮุยถึงใจแข็งจะกำจัดเขาทิ้ง! นี่ไม่ใช่จะล้อเล่นกัน
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหลินอิ่งจะให้ถังฮุยออกเรี่ยวแรงได้ขนาดนี้ ทว่าแค่ถากถางเขาไม่กี่คำเท่านั้นเอง?
“ผมขอโทษ ประธานหลิน ก่อนหน้าที่ผมเคยล่วงเกินไป ขอคุณอย่าได้ถือสา” สวีเหอก้มศีรษะพูด ฝืนยิ้มยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“ประธานหลิน ผมขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว ผมสมควรรับโทษ” สวีเหอพูดจาเสียงแข็ง เห็นได้ชัดว่าในใจยังไม่ยอม รู้สึกถูกสบประมาท
หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คารวะเหล้า? คุณสมบัตินายยังไม่พอ”
สีหน้าของสวีเหอดูไม่ได้ถึงขั้นสุด นึกไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา
ก่อนหน้าหลินอิ่งจะดื่มแทนเขาก็ไม่ให้ดื่ม ปรากฏ ตอนนี้จะคารวะเหล้าต่อคนอื่น กลับถูกบอกว่าไม่มีคุณสมบัติ ปากหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ น่าขายหน้าจริงๆ!
ส่วนคนที่อยู่ในงาน ต่างตกตะลึงในฉากนี้กัน ตกใจกันจนพูดไม่ออก
ฉากนี้พลิกผันจนทำให้คนต้องตะลึงจริงๆ ถังฮุยอยู่ๆ ก็มา บังคับให้สวีเหอแห่งตระกูลสวีที่ยิ่งใหญ่ ต้องขอโทษต่อหลินอิ่ง
ไวน์ชื่อดังสองขวดก่อนหน้าถังฮุยให้คนส่งมา
หลินอิ่งที่ถูกพวกเขาถากถางเยาะเย้ย มีที่มาเป็นอย่างไรกัน? เขาไปเอาเกียรติมาจากไหน?
เวลานี้คนที่มีสีหน้าเยอะที่สุดไม่พ้นจูฟาง เธอมองดูหลินอิ่งอย่างแทบไม่น่าเชื่อ
ชื่อเสียงของหลินอิ่งในตุงไห่ ก็คือเศษสวะเกาะผู้หฐิงกิน นึกไม่ถึงว่าจะมีเส้นสายอย่างนี้ แม้แต่ถังฮุยก็ต้องไว้หน้าเขา แทบไม่น่าเชื่อเลย
สีหน้าของจางฉีโม่ก็มีความปีติ เธอไม่มีไอเดียเกี่ยวกับอิทธิพลของถังฮุยเลย ว่าแต่เห็นสวีเหอหวาดกลัวขนาดนี้ ก็รู้ว่า ที่แท้เพื่อนของหลินอิ่งที่ตี้จิงก็ร้ายกาจอย่างนี้
เห็นหลินอิ่งไม่แสดงท่าทีอะไรอีก ถังฮุยก็กล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “ท่านอิ่ง พี่ใหญ่หยูให้ผมมาเชิญท่านไปขอรับ”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
พูดเสร็จ ถังฮุยก็เปิดประตูห้องVIPออก หลินอิ่งไม่สนใจสวีเหอที่หมอบอยู่บนพื้น ลุกขึ้นออกไป จางฉีโม่ก็เดินตามหลังหลินอิ่งไปติดๆ
พอทั้งสามคนจากไป คนที่อยู่ในงานจึงจะกล้าหายใจแรง รู้สึกว่าความกดดันอยู่ก็อันตรธานหายไป
การมาของถังฮุย สร้างความกดดันต่อพวกเขามากจริงๆ!
ท่าทางของสวีเหอเดือดสุดขีด อยากจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่ไหว ถูกถังฮุยเตะด้วยสองเท้าจนกระดูกทั่วตัวแทบจะกระจุย สองหนุ่มเห็นสภาพ ก็รีบพยุงสวีเหอขึ้นมาทันที
“คุณชายสวี เรื่องนี้ให้จบกันแค่นี้เหรอ ไอ้บ้านนอกนั่นถึงกับกล้าใช้อิทธิพลของถังฮุยมาเกทับท่าน ไม่รู้จักที่ตายแล้ว” สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งพูดขึ้นมา
“ช่างเถอะ? ฉันจะให้มันเสียใจในภายหลังกับสิ่งที่เลือกในวันนี้ อย่าคิดจะออกไปจากเมืองตี้จิงอย่างนี้ สายตาของสวีเหอเต็มไปด้วยความแค้นพูดว่า “พี่จู ช่วยผมจับตาดูจางฉีโม่กับหลินอิ่งที เรื่องนี้ ผมไม่ปล่อยหลินอิ่งไปง่ายๆ แน่”
ต่อให้รับมือถังฮุยไม่ได้ แล้วจะรับมือหลินอิ่งไม่ได้เชียวหรือ?
สวีเหอตัดสินใจแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องระบายความแค้นนี้ให้ได้!
เขาไม่เชื่อว่า ถังฮุยจะปกป้องหลินอิ่งไปได้ตลอด ต้องมีสักวันที่หลุดมือมาแน่?