ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 256 กล้าโต้ตอบเหรอ?
บทที่ 256 กล้าโต้ตอบเหรอ?
เสียงดังแคร็กสองครั้ง
หลินอิ่งยกมือขึ้นบีบมือของสวีชิงซง บีบจนกระดูกฝ่ามือเขาดังแคร็ก
“อ๊ากอ้าก”
สวีชิงซงร้องด้วยความเจ็บปวด สีหน้าโมโหไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะกล้าโต้ตอบ
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย บวกกับแรงที่มือ บีบจนมือของสวีชิงซงเสียงดังเหมือนกระดูกหัก มือเริ่มหักงอเปลี่ยนรูป
อะไรคุณชายสวีคนนี้ ช่างอวดดีเหลือเกิน อยู่ดีๆก็ตบหน้าคน ให้คนไปคุกเข่า ทำตัวไม่มีขื่อมีแป
ไม่สั่งสอนสักหน่อย จะนึกว่าตัวเองเป็นเทวดามาจากไปไหนไม่เห็นหัวคนอื่น
“อู๊ยอู๊ย”
สวีชิงซงปวดจนหายใจหอบ สีหน้าซีดขาว ร่างคดงออยู่หน้าหลินอิ่ง สายตาโกรธแค้น
เขาคิดไม่ถึงว่า ในตี้จิงยังมีคนกล้าลงมือกับเขา ช่างไม่กลัวตายจริงๆ
“ไอ้แซ่หลิน ปล่อยกูเดี๋ยวนี้” สวีชิงซงพูดอย่างโมโห “แกรู้ไหมว่ากูเป็นใคร? กล้ามาอวดดีต่อหน้ากู?”
“หลินอิ่ง แกยังไม่ปล่อยมือคุณชายสวีอีก? แกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำเรื่องโง่อยู่?” สวีเหอพูดด้วยสีหน้าทั้งโกรธทั้งกลัว
“โอ้แม่เจ้า ยังมีคนกล้าลงไม้ลงมือกับคุณชายสวี? เขาบ้าไปแล้วมั้ง?”
“ไอ้แซ่หลินคนนี้ตายแน่ ไม่รู้เป็นไอ้โง่มาจากบ้านนอกที่ไหน ไม่ใช่โง่ก็บ้าแล้ว กล้าทำร้ายคุณชายสวี คงมีชีวิตอยู่ในตี้จิงไม่ได้แล้ว?”
จากที่หลินอิ่งลงมือแล้ว ผู้คนที่มุงดูต่างแสดงสีหน้าหวาดกลัว รู้สึกไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็เริ่มโต้แย้งกันขึ้นมา ล้วนรู้สึกว่าพฤติกรรมของหลินอิ่งโง่เขลา
พวกเขาคิดไม่ถึง ทายาทของตระกูลสวีผู้โด่งดังแท้ๆ ยังมีคนไม่รู้จักอีก? กล้าลงไม้ลงมือ? ถ้าแบบนี้ไม่โง่มันคืออะไร?
หลินอิ่งเริ่มยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา มองสวีชิงซงด้วยสายตาเย็นชา ยกมือขึ้นก็ตบไปที่หน้าอย่างแรง
เสียงดังกึกก้อง ใบหน้าสวีชิงซงมีรอยฝ่ามือแดงก่ำชัดเจน หน้าเขาโมโหขึ้นมาทันที ตาจ้องไปที่หลินอิ่ง
“แก แกกล้าตบหน้ากูเหรอ?” สวีชิงซงเนื้อตัวสั่นไปทั้งร่าง ใช้สายตาอาฆาตมองหน้าหลินอิ่ง โมโหจนอยากกลืนกินเขาทั้งเป็น
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกของสวีชิงซง ที่มีคนตบหน้าเขา อีกอย่างยังต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ ทั้งอับอายทั้งหายหน้า ทำลายศักดิ์ศรีของเขาจนหมด เหมือนได้รับความอับอายที่สุดในโลก
“หน้าของนายมันแพงกว่าของคนอื่นหรือไง? ถึงตบไม่ได้?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ยกแขนขึ้นเหวี่ยงไปตบหน้าอีกสองครั้ง
เพี๊ยะเพี๊ยะสองครั้ง ทำให้หัวของสวีชิงซงเหวี่ยงไปมา แก้มสองข้างบวมขึ้นมาทันที รอยฝ่ามือแดงก่ำอยู่บนแก้ม ดูแล้วน่าตลก
“อ๊ากอ๊ากอ๊าก หลินอิ่ง ฉันจะฆ่าแก” สวีชิงซงร้องเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกแก้มแสบร้อน และรู้สึกอับอายที่สุด
เขาเป็นถึงทายาทตระกูลสวี กลับมีคนกล้าตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คนในตี้จิง ข่าวลือออกไปเขาไม่กลายเป็นตัวตลกเหรอ?
จากที่หลินอิ่งตบหน้าเขาไปสองครั้ง สีหน้าของผู้คนที่มุงดูก็เปลี่ยนไป ทุกคนต่างดูด้วยอาการตะลึงเบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อ ไม่มีคนออกเสียงพูดอีก
ตอนนี้พวกเขารู้ตกใจมาก รู้สึกว่าวันนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ จากนิสัยโมโหร้ายของสวีชิงซง ได้รับความอับอายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะลามมาถึงพวกเขาที่มุงดูอยู่หรือไม่
“หลินอิ่ง แกคิดว่ารู้จักถังฮุยในตี้จิงคนเดียว แกก็อวดดีได้ขนาดนี้เหรอ?” สวีชิงซงสายตาเย็นชา พูดด้วยเสียงสั่น “กล้าทำกูขายหน้า ฉันจะทรมานแกจนตายแน่”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ยกมือขึ้นบีบคอสวีชิงซง พูดว่า “ถ้านายไม่พอใจ ให้คนของตระกูลสวีมาหาฉันได้”
สวีชิงซงก็น่าตลก คิดว่าชื่อของตระกูลสวีอยู่ในเมืองตี้จิงเก่งกาจแค่ไหน เข้ามาก็ตบหน้าคนอื่น ปรากฏว่าโดนตบกลับ ยังถามคนอื่นว่าทำไมถึงกล้าตบเขา? นี่มันสมองอะไร?
“เหอะ แกมันอวดดี ให้คนตระกูลสวีมาหาแก? แกคงยังไม่รู้ใช่ไหมว่าตระกูลสวีน่ากลัวแค่ไหน?” สวีชิงซงมองหลินอิ่งอย่างเย็นชา
“ทำให้ไอ้แซ่หลินคนนี้คุกเข่าลง วันนี้กูจะทำให้มันพิการให้ได้” สวีชิงซงโวยวายเสียงดัง
บอดี้การ์ดชุดสูททั้งกลุ่มที่สวีชิงซงพามาต่างก็เริ่มขยับตัว เมื่อได้ยินคำสั่งจากสวีชิงซง ทุกคนก็พุ่งเข้าหาหลินอิ่งอย่างรวดเร็ว แต่ละคนดูโหดเหี้ยม
“ไอ้โง่จากไหน แม้กระทั่งคุณชายสวียังกล้าลงมือ? ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก”
หัวหน้าบอดี้การ์ดพูดอย่างโมโห พุ่งเข้าไปก็ยกหมัดจะต่อยไปที่หน้าหลินอิ่ง
หลินอิ่งยืนอยู่กับที่สีหน้าเรียบเฉย ยังคงบีบคอสวีชิงซงอยู่ ทันใดนั้น ก็มีคนต่างชาติชุดดำพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เร็วเหมือนสายฟ้าแลบ เหมือนรถแข่ง ชนเข้าที่ตัวหัวหน้าบอดี้การ์ด
เสียงดังปัง
บอดี้การ์ดถูกชนไปไกลสิบกว่าเมตร ล้มลงไปกับพื้นอย่างแรงจนกระอักเลือด สีหน้าตกใจ
บอดี้การ์ดระดับอย่างพวกเขา รับแรงชนของฮาเดสไม่ไหวแน่นอน ไม่ใช่ระดับเดียวกัน
“ฮาเดส จัดการคนพวกนี้ทุกคน” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“ครับ” ฮาเดสพยักหน้า
เหมือนจัดการปลาเล็กพวกนี้ ไม่จำเป็นที่หลินอิ่งต้องลงมือเอง
เพียงครู่เดียว ฮาเดสพุ่งเข้าไปเหมือนสายลม ทั้งหมัดทั้งเท้า จนเกิดเสียงกลางอากาศ เตะคนละที พวกบอดี้การ์ดต่างก็ล้มลงกับพื้นร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด ไม่ถึงสามนาทีบอดี้การ์ดทั้งหมดก็ล้มลงกับพื้นหมด
“นี่มัน คนนี้มัน คือบอดี้การ์ดหลินอิ่ง? ทำไมเก่งขนาดนี้?”
“นี่มันคนฝีมือดีจากไหนกัน? แค่คนเดียวก็ล้มบอดี้การ์ดทั้งหมดของคุณชายสวีได้?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? บอดี้การ์ดของคุณชายสวีเป็นพนักงานที่ฝึกมาโดยเฉพาะของบริษัทรักษาความปลอดภัยสวีซื่อทุกคน ต่างก็เป็นคนฝีมือดี ทำไมถึงถูกต่อยสองทีก็ล้มแทบตาย?”
ทุกคนในงานต่างก็ตะลึงกับภาพที่เห็น ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามีเรื่องสนุกให้ดู อยากเห็นบอดี้การ์ดคุณชายสวีล้มหลินอิ่ง ดูว่าจะสั่งสอนไอ้บ้านนอกอวดดีคนนี้ยังไง
แต่คิดไม่ถึง บอดี้การ์ดคนเดียวของหลินอิ่งก็สู้กับบอดี้การ์ดทั้งกลุ่มได้ อย่างไม่น่าเชื่อ?
หลินอิ่งคนนี้มีความสามารถอะไร? ถึงได้มีบอดี้การ์ดเก่งขนาดนี้อยู่ข้างกาย?
เพียงครู่เดียว ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างมองฮาเดสด้วยสายตาหวาดกลัว มองดูชายร่างสูงคนนี้ด้วยสีหน้าเกรงกลัว
ในตัวฮาเดสมีความรู้สึกน่าเกรงขามไม่เหมือนคนทั่วไป ให้ความรู้สึกคนอื่นเหมือนหุ่นยนต์ฆ่าคน ดูน่ากลัวมาก
“แก” สวีชิงซงสีหน้าซีดขาว อยากหยิบมือถือขึ้นมาโทรเรียกคนช่วย แต่ก็โดนหลินอิ่งบีบคอไว้ขยับไม่ได้ รู้สึกอึดอัดในใจ
แม้แต่บอดี้การ์ดที่พามาก็ล้มไปหมดทุกคน หรือว่า เขาคุณชายสวีทั้งคน โดนเหยียดหยามวันนี้ยังต้องทนอีก?
“หลินอิ่ง ฉันให้เวลาแกหนึ่งนาที คุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ ฉันอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้” สวีชิงซงพูดเสียงเย็นชา ยังคงรักษาท่าทางหยิ่งยโส “ไม่อย่างนั้น แกจะเสียใจที่เคยมาตี้จิง แกจะไม่มีวันได้ออกจากตี้จิง”