ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 259 ท่านเหยียนหล
บทที่ 259 ท่านเหยียนหลง
จางฉีโม่สีหน้าตะลึง คิดไปสักครู่ พูดว่า “ต้องการแน่นอน”
ถ้าเปิดบริษัทเครื่องประดับที่ตี้จิงได้ และยืนหนักแน่นอยู่ในวงการธุรกิจเครื่องประดับได้ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุด
สำหรับนักออกแบบเครื่องประดับคนหนึ่ง คงไม่มีใครปฏิเสธเรื่องดีๆแบบนี้ได้
“แต่ว่า หลินอิ่งคุณมั่นใจไหม?” จางฉีโม่ถามด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ “เรื่องนี้มันต้องเตรียมงานหลายอย่าง”
แค่เปิดบริษัทมันง่าย แต่ถ้าดำเนินการจริง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ถ้าทำจริง ก็ต้องเริ่มวางโครงสร้างธุรกิจในตี้จิง และทำให้ชื่อเสียงเครื่องประดับจางซื่อมีผลกระทบในวงการเครื่องประดับให้ได้
ต้องรู้ว่า สถานที่อย่างตี้จิง แค่ทำอาคารสำนักงานธรรมดาก็ต้องใช้เงินมหาศาล อีกอย่างธุรกิจเครื่องประดับต้องใช้ความสัมพันธ์หลายด้าน และต้นทุนทุกอย่างเกี่ยวกับเครื่องประดับ ถ้าคำนวณแล้วต้องเป็นตัวเลขที่สูงมาก
ธุรกิจเครื่องประดับต้องผลิตสินค้าตัวจริงออกมา ต้นทุนก็ต้นสูงมาก บวกกับต้องสร้างโฆษณาทำชื่อเสียงแบรนด์ของเครื่องประดับให้มีผลกระทบ ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
จางฉีโม่รู้ดี คุณปู่ของเธอใช้เวลาครึ่งค่อนชีวิตในการบริหารขึ้นมาที่เมืองชินหยูน จนมีชื่อเสียงที่เมืองชินหยูนได้
หลินอิ่งพยักหน้า พูดว่า “มั่นใจแน่นอน”
จางฉีโม่คิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “อย่างนั้น ทีมงานเชี่ยวชาญจะหาจากไหน และกิจกรรมจำพวกอุปกรณ์พื้นฐานต่างๆ”
เธอรู้สึกว่าความคิดของหลินอิ่งดูเหมือนง่ายมาก ธุรกิจเครื่องประดับมีความเกี่ยวข้องหลายด้าน ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าเป็นการสร้างแบรนด์เท่านั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าจะทำแบรนด์ของตัวเอง ก็ต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง
อีกอย่าง ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เวลาเร่งด่วนแบบนี้จะไปหาที่ไหน?
คิดวิเคราะห์ไปครู่หนึ่ง จางฉีโม่พูดจริงจัง “หลินอิ่ง ฉันรู้ว่าคุณมีเพื่อนอยู่ในตี้จิงไม่น้อย ฉันก็เชื่อว่าคุณมีความสามารถ แต่ว่า ฉันกลัวว่าฉันจะทำได้ไม่ดี เพราะมันต้องลงทุนเป็นจำนวนเงินมาก ถ้าลงทุนไปแล้ว จะขาดทุนเป็นเงินจำนวนมาก”
เธออยากทำ แต่คิดไปคิดมา เปิดบริษัทที่ตี้จิงไม่ใช่เรื่องเล็ก ถึงแม้หลินอิ่งจะมีอำนาจในตี้จิง แต่ก็ต้องลงทุนเป็นเงินมหาศาลและมนุษยสัมพันธ์เส้นสายต่างๆก็ต้องเยอะ ถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมา เธอจะรู้สึกเสียงใจและเกรงใจ
“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา” หลินอิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉีโม่ ผมเชื่อว่าคุณมีความสามารถทำได้ ถึงจะขาดทุนก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ปม คุณทำอย่างวางใจได้เลย”
ฉีโม่ชอบมองเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องยาก
ความเป็นจริง เขาเปิดบริษัทเครื่องประดับที่ตี้จิงเป็นเรื่องง่ายไม่ต้องออกแรงแม้แต่เป่าฝุ่นเลย
สำหรับเรื่องสามารถสร้างชื่อเสียงได้ในวงการเครื่องประดับของประเทศหลุงได้หรือไม่ ขอแค่ชื่อฉีหยิ่นออกไป ทุกคนทุกที่ต่างต้องหลีกทางให้ ยกย่องบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อให้ถึงที่สูงสุด
จางฉีโม่กำลังคิด เหมือนยังมีอะไรอยากพูด
“อย่าคิดมาก รอข่าวดีจากผม” หลินอิ่งยิ้มพูด “พอกลับไปผมจะรีบไปจัดการทันที ถึงเวลาเราไปดูสถานที่ด้วยกัน”
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ฟังคุณจัดการทุกอย่าง” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เธอยังคงตัดสินใจที่จะเชื่อฝีมือหลินอิ่ง รอเขาจัดการ รอดูว่าเขาจะทำยังไง
ยี่สิบนาทีผ่านไป หลินอิ่งกับจางฉีโม่กลับถึงโรงแรมจงเทียน
จางฉีโม่กลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนตัวเอง หลินอิ่งกลับไปที่ห้องทำงานประธาน
ตอนที่ยังอยู่ในรถ เขาได้รับโทรศัพท์จากหยูจื๋อเฉิง
หลินอิ่งอยู่ในทางเดินที่ปูด้วยพรมแดง บอดี้การ์ดในชุดสูทที่ยืนอยู่สองข้างทางก้มหน้าทักอย่างเคารพ
มาถึงห้องทำงานประธานอันหรูหรา ถังฮุยยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานอย่างเคารพ รอเพื่อรายงานเรื่องงาน
“ประธานหลิน” ถังฮุยทักทายอย่างมารยาท
หลินอิ่งพยักหน้าทักทาย เดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้โต๊ะประธาน ยกเหยือกน้ำชาเทใส่แก้วให้ตัวเอง ยกขึ้นดื่มทีละนิด
“ประธานหลิน หัวหน้าหยูอยู่ระหว่างทางมา” ถังฮุยพูดสีหน้าจริงจัง “ผมรายงานสถานการณ์ให้ท่านทราบก่อนดีกว่า”
หลินอิ่งพยักหน้า พูด “ได้ คนของตระกูลสวีหาคุณ ว่ายังไงบ้าง?”
ตอนอยู่ระหว่างทาง ก็ได้รับข้อความของหยูจื๋อเฉิง บอกว่าทางด้านตระกูลสวีมีคนจะหาเขากับถังฮุย
นี่เป็นสถานการณ์ตามที่เขาคาดการณ์ไว้ สวีชิงซงไม่ยอมจบง่ายๆแน่
หยูจื๋อเฉิงยังทำธุระอยู่นอกเมือง กำลังรีบกลับมา
ถังฮุยเงียบไปครู่หนึ่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าระมัดระวัง “ประธานหลิน สวีชิงซงคนนั้นโทรมาหาผมด้วยตัวเอง โทรมาเตือนผม ยังบอกให้ผมส่งตัวท่านไป ผมไม่ได้สนใจเขา ไม่ทราบว่าประธานหลินจะจัดการยังไงครับ ต้องการสั่งลูกน้องไปจัดการไหมครับ?”
ถังฮุยก็ไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในงานแสดงเครื่องประดับวันนี้มาแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนึ่งในสี่แห่งตี้จิงอย่างสวีชิงซง จะมีปัญหากับประธานหลินได้
อำนาจของสวีชิงซงในตี้จิง แข็งแกร่งมากโดยไม่ต้องสงสัย ถังฮุยก็ไม่กล้าปะทะกับเขาซึ่งๆหน้า
โดยเฉพาะ คำพูดน้ำเสียงสวีชิงซงในโทรศัพท์ยโสโอหังและอวดดี และนี่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
ไอ้หน้าโง่นี่ก็เพราะว่ามีตระกูลสวีมีเบื้องหลัง ถึงได้กล้าอวดดีไม่เห็นหัวคนอื่นในตี้จิง วันนี้มีเรื่องกับประธานหลิน หายนะมาเยือนแน่
หลินอิ่งดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง พูดด้วยเสียงเรียบ “ไม่ต้องไปสนใจมาก ถ้าเขาจะมาหาเรื่องถึงที่ ก็จัดการเลย”
“ครับ” ถังฮุยพยักหน้าอย่างเคารพ พูดจริงจัง “ประธานหลิน รู้สึกว่าสวีชิงซงจะไปหาเหยียนหลงพวกอำนาจมือเขตเหยียนหวง วันนี้เหยียนหลงก็ออกมาเชิญผมกินข้าว”
“เหยียนหลง” หลินอิ่งขมวดคิ้ว ในความจำเขาไม่รู้จักคนคนนี้
ถังฮุยพูดจริงจัง “ประธานหลิน เหยียนหลงถือว่าเป็นผู้มีอำนาจในโลกใต้ดิน ชื่อเสียงโด่งดัง คุมอยู่เขตเหยียนหวง สายตากว้างขวาง มีคนหนุนหลังเยอะ แม้กระทั่งในสถาก็มีเส้นสาย เป็นคนไม่ธรรมดา”
“เมื่อก่อนเหยียนหวง ตำแหน่งในกลุ่มอำนาจมืดสูงกว่าหัวหน้าหยูอีก ครั้งนี้ออกหน้าช่วยสวีชิงซง เพราะอยากสร้างความกดดันให้ผม อีกอย่างนายคนนี้ลงมือทั้งโหดทั้งเลว” ถังฮุยเล่าแนะนำให้ฟัง
เขารู้วิธีการงานของเหยียนหลงคนนี้ดี ปกติไม่ออกหน้า ถ้าหากออกมาแล้ว ก็ต้องถามจนได้เรื่อง ถ้าหากเขาปฏิเสธไปคุยกับเหยียนหลง เหยียนหลงก็ส่งคนมาจัดการกับประธานหลินลับๆแน่
“ชวนคุณกินข้าว?” หลินอิ่งยิ้มเย็นชา เขาฟังแล้ว ก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ยังไง
สวีชิงซงไปให้พวกอำนาจโลกแห่งความมืดมาออกหน้า จะสร้างแรงกดดันให้กับถังฮุย จัดการนัดกินข้าว เป็นงานเลี้ยงเจรจาชัดๆ แน่นอน นี่เป็นวิธีการจัดการปัญหาในวงการพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา
ฟังแล้วเหยียนหลงคนนี้เหมือนจะมีตำแหน่งอำนาจในตี้จิงไม่น้อย เก่งกว่าหยูจื๋อเฉิงก่อนที่จะช่วยตระกูลฉีดูแลธุรกิจอีก
คิดแล้วก็ถูก สามเขตใหญ่ของตี้จิง เขตเหยียนหวง เขตจงเทียน เขตเสิ่นหนง ความเจริญของเขตเหยียนหวงมากกว่าเขตจงเทียน สามารถมีอำนาจขนาดนี้ได้ในเมืองเจริญแบบนี้ ก็คงไม่ธรรมดา
ตึ๊ดตึ๊ด
เวลาเดียวกัน มือถือของถังฮุยก็ดังขึ้น
ถังฮุยดูมือถือ สีหน้าตื่นเต้น พูด “ประธานหลิน เหยียนหลงโทรมา ผมจะรับไหม?”
“รับเลย เปิดลำโพง ผมจะฟังด้วย ว่าเขาต้องการอะไร” หลินอิ่งพูดอย่างสนใ