ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 263 ปลาตายตาข่ายขาด แกมีความสามารถนั้นเหรอ?
บทที่ 263 ปลาตายตาข่ายขาด แกมีความสามารถนั้นเหรอ?
“แกจะให้ฉันมอบคนให้แก?” เหยียนหลงมีท่าทางประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะเอ่ยเงื่อนไขเช่นนี้ออกมา มอบสวีชิงซงให้เขาไปจัดการ?
สมองของไอ้คนแซ่หลินนี่คิดอะไรอยู่ นี่มันบ้าระห่ำเกินไปแล้วหรือเปล่า?
จุดประสงค์ที่เขามาเขตเหยียนหวง ก็เพื่อจะมาขอคนเนี่ยนะ?
ความจริงคือ ตัวเขากับสวีชิงซงไม่ไปก่อกวนเขาก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว เขาถึงกับยังกล้าถ่อมาที่นี่เพื่อต้องการให้เขามอบสวีชิงซงให้?
เหยียนหลงมองหลินอิ่งอย่างเย็นชา คิดจะระบายความโกรธ แต่กลับถูกฮาเดสจับไว้อีกครั้ง คำพูดที่เพิ่งคิดจะพูดจึงกลืนกลับลงไปในท้อง กลัวว่าจะทำให้บอดี้การ์ดต่างชาติผู้นี้เกิดบ้าขึ้นมา สามหมัดสองเท้าตีเขาตายคาที่
“หลินอิ่ง แกรังแกกันเกินไปแล้ว แกยังคิดจะทำอะไรอีก?” สวีชิงซงพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว ทั้งอับอายและเคืองโกรธอย่างมาก “ฉันจะบอกให้นะ ไม่ว่าบอดี้การ์ดของแกจะเตะต่อยยังไง อยู่ตี้จิงแกไม่มีทางเป็นคู่มือของฉันไปตลอดชีวิต!”
วันนี้เดิมทีมาหาลูกพี่เหยียนหลงเพื่อช่วยส่งกลิ่นอายชั่วร้ายออกมา เห็นว่าหลินอิ่งถูกคนพามาที่เขตเหยียนหวงอย่างทึ่มทื่อ อีกเดี๋ยวก็จะสามารถเฆี่ยนตีเขาได้ตามใจชอบ แต่คิดไม่ถึงว่า จะถึงกับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
หลินอิ่งถึงกับนำบอดี้การ์ดมาคนเดียวก็กล้าลงมือที่โรงแรมเหยียนซื่อ ช่างบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
หลินอิ่งสีหน้าไร้ความรู้สึก กล่าวว่า “ถังฮุย พาตัวสวีชิงซงไป”
สิ้นคำ ถังฮุยก็เดินไปหาสวีชิงซงด้วยท่าทางขึงขัง ไม่แยแสลูกน้องจำนวนร้อยคนที่อยู่ตรงนั้นของเหยียนหลงโดยสิ้นเชิง
“ไม่! ไม่ ลุงเหยียน! ช่วยผมด้วย ห้ามให้พวกเขาพาตัวผมไปนะ!” สวีชิงซงรีบถอยหลังทันที ท่าทางตื่นกลัวอย่างยิ่ง
หากคืนนี้ถูกถังฮุยพาตัวไป บอดี้การ์ดข้างกายหลินอิ่งท่าทางโหดเหี้ยมขนาดนี้ เกรงว่าคงได้ถูกตีเกือบตายแน่!
ตอนที่เขายังกำลังพูดอยู่ ถังฮุยก็เดินเข้าไปใกล้ตรงหน้าแล้ว ใช้พัดตบหน้าเขาไปสองทีจนศีรษะโยกคลอน จากนั้นก็ยื่นมือจับตัวสวีชิงซงไว้
ถังฮุยต่อสู้อยู่ในโลกสีเทามานานหลายปีขนาดนี้ และยังต่อสู้ได้ยอดเยี่ยม จัดการกับคุณชายเนื้ออ่อนที่ร่างกายถูกสุรานารีเจาะจนพรุน จึงง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ส่วนลูกน้องของเหยียนหลงที่อยู่รอบๆ ได้แต่มองดูเฉยๆ อย่างร้อนใจ เพราะอย่างไรลูกพี่ก็ถูกคนจับตัวไว้อยู่ จึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
“ลุงเหยียน บอกให้ลูกน้องคุณจับพวกเขาไว้สิ!” ชั่วประเดี๋ยวเดียวสวีชิงซงก็ถูกถังฮุยจับตัวไว้ เขาร้องตะโกนเสียงดัง ท่าทางตื่นตระหนกอย่างมาก
“ถังฮุย แกยังไม่สนคนที่สนใจแกอีก? หรือว่าแกจะช่วยเขาจริงๆ แกรู้ไหมว่าตอนนี้การกระทำของเขามันบ้าบิ่นแค่ไหน? เกิดปัญหาใหญ่แล้ว แกจะจบเรื่องได้เหรอ?” เหยียนหลงพูดเสียงขรึม รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ถังฮุยเองก็นับเป็นผู้มากประสบการณ์ที่โลดแล่นอยู่ในโลกสีเทามานานหลายปีเช่นกัน เขาทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ออกมาได้ยังไง ต่อหน้าลูกน้องของเขา ท่ามกลางสายตาคนมากมาย ถึงกับจะพาตัวสวีชิงซงไป?
หรือเขาจะทำเพื่อคนบ้านนอกที่มาจากชนบทคนหนึ่งจริงๆ โดยการฉีกหน้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลฉีอย่างโจ่งแจ้ง?
“ถังฮุย! ต่อให้แกไม่สนใจสวีชิงซง แต่ สวีชิงซงเป็นลูกชายของสวีฉางเฟิง แกกล้าทำแบบนี้กับตระกูลสวีจริงๆ เหรอ?” เหยียนหลงซักถามเสียงเย็น
ถังฮุยยิ้มหยันไม่พูดอะไร ตระกูลสวีเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลในประเทศหลุง แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอิ่ง ก็เป็นแค่เรื่องเรื่องหนึ่งเท่านั้น
เพราะอย่างไร ตระกูลสวีก็ไม่ใช่ของสวีชิงซงเพียงคนเดียว ส่วนตระกูลฉีแห่งตี้จิงอันใหญ่โต เป็นของท่านอิ่งเพียงผู้เดียว ที่ประคองมันขึ้นมาใหม่ด้วยมือข้างเดียว!
ความแตกต่างระหว่างสองคนนี้ ก็เหมือนกับเอาแมลงตัวเล็กๆ ไปเทียบกับมังกรตัวจริง
ตึงๆ!
เวลานี้เอง ประตูใหญ่สองสามบานของห้องอาหารจู่ๆ ก็เปิดออกกว้าง ชายในชุดสูทกลุ่มหนึ่งต่างกรูกันเข้ามา เรื่องราวชักจะใหญ่โตขึ้น
“ท่านเหยียน ใครกันที่มาก่อเรื่องที่นี่?”
“ท่านเหยียนคุณไม่เป็นไรนะครับ? เมื่อกี้ได้รับโทรศัพท์ ได้ยินว่ามีคนกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ผมเลยรีบพาคนมาที่นี่!”
ขณะนี้ ลูกน้องเหยียนหลงที่อยู่ในละแวกเขตเหยียนหวง ต่างได้ยินข่าวก็รีบรุดมา มีจำนวนประมาณสองถึงสามร้อยคน เต็มด้านนอกด้านในไปหมด
หลินอิ่งกวาดตามองแวบหนึ่งด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เรียกได้ว่ามากันอย่างล้นหลาม หน้าต่างกระจกที่กั้นห้องอาหาร สามารถมองเห็นได้ว่าที่ด้านนอกยังมีชายในชุดสูทสีดำกลุ่มหนึ่งรอคอยที่จะเข้ามา
“บัดซบ ไอ้โง่ที่ไหนกัน? ถึงกับกล้าไม่เคารพท่านเหยียน?”
ชายในชุดสูทที่นำหน้าพุ่งเข้ามาตะโกนด่าฮาเดส ท่าทางค่อนข้างลำพองตน
เขาถือปืนสีดำกระบอกหนึ่งไว้ในมือ ดวงตามองสำรวจถังฮุยกับหลินอิ่ง แววตาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมถึงขีดสุด พลางกล่าวว่า “ฮุยสุง? ยังมีไอ้คนแซ่หลินอะไรนั่นอีก? ใช่ ที่พูดถึงก็คือแกนั่นแหละ แกกำลังมองแม่แกอยู่เหรอ? คอยดูฉันจะยิงแกให้ตาย!”
“ฉันให้เวลาแค่สิบวินาที หากไอ้โง่อย่างพวกแกสองคนยังไม่ปล่อยคนอีก ฉันจะยิงพวกแกสองคนให้พรุนเดี๋ยวนี้เลย!”
อาศัยว่ามีคนมากกว่า บุกเข้ามาในที่แคบๆ เช่นนี้ คำพูดยิ่งมาก็ยิ่งลำพองใจ
หลินอิ่งหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา ฉับพลันนั้นก็สบัดมือหนึ่งครั้ง ถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือปลิวออกไป
เกิดเสียงพลั่กดังขึ้น
ถ้วยชาปลิวโดนศีรษะชายในชุดสูทที่กำลังร้องตะโกนโวยวายเข้าอย่างจัง พริบตาศีรษะพลันแตกร้าว เลือดไหลอาบ ร่างถอยร่นไปหลายก้าว ท่าทางอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง
“แม่งเอ๊ย รนหาที่ตาย! มึงยังกล้าเขวี้ยงถ้วยชามาโดนหน้ากูอีก?” ชายในชุดสูทที่เป็นหัวหน้าพลันเดือดดาล ควักปืนสีดำกระบอกหนึ่งออกมาจากในเสื้อทันที จากนั้นก็เล็งไปที่หลินอิ่ง
เกิดเสียงดังครึกโครม หัวหน้าที่นำพากลุ่มชักปืน เวลานี้บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำหลายสิบคนที่บุกเข้ามา ต่างชักปืนออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งหมดจ้องไปที่หลินอิ่งด้วยแววตาดุร้าย สถานการณ์ดูน่าหวาดหวั่นเป็นพิเศษ
“ฮัวศือ? แกคิดจะทำอะไร เหยียนหลงลูกพี่นายอยู่ในกำมือฉันนะ แกกล้ายิงหรือ?” ถังฮุยพูดเสียงเย็น มองคนกลุ่มใหญ่ที่บุกเข้ามาราวกับเผชิญหน้ากับศึกใหญ่
เขารู้จักชายสักลายที่นำพากลุ่มคนนี้ มีฉายาว่าฮัวศือ เป็นลูกสมุนอันดับหนึ่งที่อยู่ใต้อาณัติของเหยียนหลง ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายในโลกสีเทา ทำอะไรไม่สนผลที่ตามมา บ้าบิ่นไม่ยั้งคิด
“ฮุยสุง หากพวกแกไม่อยากตายล่ะก็ ก็รีบปล่อยคน แล้วยอมจำนนซะ!” ฮัวศือขู่
หลินอิ่งมองฮัวศือด้วยสีหน้าเป็นปกติ กล่าวเสียงเรียบว่า “แกทำได้ก็ลองยิงดู”
ฮัวศือหรี่ตา จ้องหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ
เวลานี้ เกิดเสียงตึงดังขึ้น จู่ๆ ฮาเดสก็สะบัดมือจับเหยียนหลงกระแทกลงกับโต๊ะไม้ ควานเจอปืน Desert Eagle หนึ่งกระบอกจากบั้นเอว เอาปากกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากเหยียนหลงอย่างทันท่วงที ทำเขาตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
“อย่า! พวกแกอย่ามาวุ่นวาย!” เหยียนหลงเหงื่อท่วมศีรษะ รีบเอ่ยปากพูด “ฮัวศือ บอกให้คนของแกวางปืนลง! ได้ยินไหม!”
ภายใต้สีหน้าลังเลของฮัวศือ เขาก็โบกมือ จากนั้นชายในชุดสูทกลุ่มนี้ก็วางปืนลง แต่ไม่ได้เก็บปืน ยังคงรักษาความระแวดระวังระดับสูงไว้ สายตาแต่ละคนจ้องมองหลินอิ่งอย่างดุร้าย
“หลินอิ่ง ให้บอดี้การ์ดของแกวางปืนลง ฉันรับรอง วันนี้จะให้แกออกไปจากเขตเหยียนหวงอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน” เหยียนหลงเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องของแกกับสวีชิงซง ฉันช่วยแกไกล่เกลี่ยได้ เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตรกัน เป็นยังไง?”
เห็นหลินอิ่งไม่แสดงท่าทีอะไร ภายในใจเหยียนหลงก็ยิ่งลนลาน พลางกล่าวว่า “หลินอิ่ง ฉันเหยียนหลงอยู่ที่ตี้จิงเป็นคนมีหน้ามีตา วันนี้ให้คำมั่นต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ นั่นคือการพูดแล้วไม่คืนคำ พูดจริงทำจริง ขอเพียงนายปล่อยคน ฉันรับรองว่าเรื่องราวต่อจากนี้ จะไม่ไปหานายคิดบัญชีภายหลังอีก”
เหยียนหลงรู้จักกลัวบ้างแล้ว ช่วยไม่ได้ บุคลิกของหลินอิ่งแข็งแกร่งเกินไป!
คนของเขาต่างพกปืนรุดมาถึงที่นี่กันหมดแล้ว หลินอิ่งกลับยังคงเผด็จการขนาดนี้
หากยังฝืนต่อไป เหยียนหลงไม่กล้ารับประกันว่าชีวิตตนเองจะยังรักษาไว้ได้หรือไม่
“หลินอิ่ง หรือนายอยากจะให้ปลาตายตาข่ายขาดจริงๆ ใช่ไหม?” เหยียนหลงกล่าวเสียงเย็น “ต่อให้นายกำจัดฉันกับสวีชิงซง ลูกน้องฉันก็จะบดกระดูกนายจนกลายเป็นขี้เถ้าเช่นกัน!”
“ปลาตายตาข่ายขาด?” หลินอิ่งส่ายหน้า “แกมีความสามารถขนาดนั้นเหรอ?”