ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 268 คนบ้านนอกมาจากไหน
บทที่ 268 คนบ้านนอกมาจากไหน
เผชิญหน้ากับถ้อยคำยั่วยุของชายหนุ่ม สีหน้านิ่งซวนเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูมากขึ้น ได้แต่กัดฟันกำหมัด เขาคิดไม่ถึงว่าวันนี้นัดพบประธานหลิน ยังจะมาเจอเทพวิบัติตนนี้อีก
จ้าวเจี้ยนหนิงผู้นี้ เป็นคุณชายสามตระกูลจ้าวแห่งตี้จิง ตระกูลจ้าวไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลนิ่งเลยสักนิด ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลชั้นสูงของประเทศหลง ความสามารถและอิทธิพลย่อมเป็นที่ประจักษ์แจ้ง โดยเฉพาะตระกูลจ้าวไม่เหมือนกับตระกูลชั้นสูงอย่างตระกูลนิ่ง วงศ์ตระกูลเติบและโตในท้องถิ่นของตี้จิง ตัวตนเดิมของมันก็คือเป็นตระกูลท้องถิ่นในตี้จิง มีประวัติศาสตร์อยู่ในประเทศหลงยาวนานกว่าร้อยปี
หลายร้อยปีมานี้ ตี้จิงผ่านการเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาหลายครั้ง แต่คนในตระกูลจ้าวกลับครอบครองอำนาจสูงสุดอยู่ในตี้จิงมาตลอด เมื่อเห็นที่มาของตระกูลเช่นนี้ก็ช่างหยั่งรากลึกเสียนี่กระไร
โดยเฉพาะ จ้าวเจี้ยนหนิงได้ครองอำนาจมากเป็นพิเศษภายในตระกูลจ้าว บิดาเขายังคงเป็นหนึ่งในผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของตระกูลจ้าว เป็นขยะมีชื่ออยู่ในตี้จิง ถูกคนเรียกว่าคุณชายสี่แห่งเมืองหลวง
เขายังมีฐานะอีกอย่างหนึ่ง เป็นลูกเขยตระกูลนิ่ง แม้จะเป็นฐานะภายในตระกูลนิ่ง จ้าวเจี้ยนหนิงก็ยังมีฐานะสูงกว่านิ่งซวนในตอนนี้อยู่ไม่น้อย ความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองเริ่มต้นมาจากการแย่งชิงผลประโยชน์ภายในตระกูล
“จ้าวเจี้ยนหนิง นายรังแกกันเกินไปแล้วหรือเปล่า? ออกมาดื่มชา นายก็ต้องแย่งที่นั่งกันด้วยเหรอ?” นิ่งซวนกล่าวเสียงขรึม
“อ้อ? รังแกกันเกินไป?” จ้าวเจี้ยนหนิงเยาะเย้ย บนหน้าเผยแววเหยียดหยามถึงขีดสุดออกมา
“ฉันรังแกคนเกินไปนั่นแหละ แล้วนายจะทำอะไรฉันล่ะ?” จ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “นายยังไม่เข้าใจสถานะตัวเองในตอนนี้อีกใช่ไหม นายรู้ไหมว่านายกับฉันห่างชั้นกันมากเท่าไหร่?”
นิ่งซวนก้มหน้า แววตาโกรธขึ้ง กลับจนปัญญาอย่างยิ่ง การกลั่นแกล้งและเหน็บแนมอย่างสุดความสามารถเช่นนี้ของจ้าวเจี้ยนหนิง เขาคิดอยากจะตอบโต้แต่กลับไม่มีความมั่นใจ
ตอนนี้สถานะของเขาในตระกูลนิ่งตกต่ำถึงขีดสุด ในมือไม่มีอำนาจที่จะทำการใดได้เลย กับคุณชายที่ได้รับความโปรดปรานของตระกูลจ้าวอย่างจ้าวเจี้ยนหนิงพูดได้ว่า ห่างชั้นกันมากเกินไปจริงๆ ไม่ใช่คู่มือโดยสิ้นเชิง
แม้ผู้อื่นจะเหน็บแนมเขา เขาก็ได้แต่ทนรับอย่างเงียบๆ
ความขมขื่นที่ไม่มีทางเลี่ยงเช่นนี้ ช่างทำให้คนใจสลายโดยแท้
แต่นี่ก็คือความจริง
เขานิ่งซวนไม่ใช่ประธานนิ่งซื่อของตุงไห่ที่เรียกลมเรียกฝนในเมืองตุงไห่ได้อีกแล้ว เป็นเพียงคนถูกทิ้งคนหนึ่งในตระกูลนิ่งเท่านั้น
ไม่เพียงบิดาที่หายสาบสูญอยู่ต่างประเทศ แม้แต่หน้าปู่แท้ๆ ก็ยังไม่ได้เห็น
ถึงขนาดที่ อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะหายไปจากโลกนี้
“ทำไม? ยังจะอยู่ที่นี่ทำไมอีกเหรอ? นิ่งซวน นายฟังคำพูดเมื่อกี้ของคุณชายจ้าวไม่เข้าใจหรือ?” ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายจ้าวเจี้ยนหนิงพูดอย่างเย่อหยิ่งถือดี มองนิ่งซวนกับอูหยางด้วยท่าทางเหยียดหยาม
“ที่ตรงนี้คุณชายจ้าวต้องการ ตอนนี้นายยังไม่รีบสละที่นั่งอีก? ยังไม่ไสหัวออกไปจากที่นี่อีก?”
นิ่งซวนมองไปทางเขาอย่างเย็นชา ความโกรธพุ่งขึ้นฟ้า กล่าวเสียงเย็นว่า “ฉันบอกแล้วไง ที่ตรงนี้ถูกจองให้คนใหญ่คนโตท่านหนึ่งแล้ว หากทำให้คนใหญ่คนโตคนนั้นโมโหเข้า พวกนายไม่มีทางมีจุดจบที่ดีแน่!”
หงส์ที่ถอนขนไม่ต่างจากไก่จริงๆ ตอนนี้เขาตกอับแล้ว ขนาดลูกสมุนก็ยังขึ้นขี่บนหัวได้ตามใจชอบ ลูกน้องคนหนึ่งก็กล้าเหน็บแนมต่อหน้าได้ทุกเมื่อ
หากเปลี่ยนเป็นที่อื่น บางทีนิ่งซวนอาจจะอดทนต่อกลิ่นเหม็นนี้ได้ เพราะอย่างไรสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากที่บิดาเกิดเรื่อง เขาอยู่ตระกูลนิ่งก็อดทนอดกลั้นมาตลอด
นานวันเขาก็กลายเป็นความเคยชิน ราศีและความแหลมคมในอดีตได้สูญหายไปหมดแล้ว
“นายว่าอะไรนะ? ฉันไม่กล้าไปยั่วโมโหคนใหญ่คนโตที่นายรู้จักหรอก? โธ่เอ๊ย นิ่งซวน นายช่างมีความสามารถเพิ่มขึ้นจริงๆ” จ้าวเจี้ยนหนิงเยาะเย้ย พลางส่ายหน้า ท่าทางไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
“นิ่งซวน ตอนนี้นายอยู่ตระกูลนิ่งถูกกดดันอยู่ตลอดใช่ไหม เป็นบ้าไปแล้ว? สติเลอะเลือนไปแล้ว?” จ้าวเจี้ยนหนิงทำท่าทางทะนงตัว เหน็บแนมว่า “ฉันจ้าวเจี้ยนหนิงเป็นใครกัน? อยู่ในเขตเสิ่นหนงมีกี่คนกันที่ฉันยั่วโมโหไม่ได้บ้าง?”
“อีกอย่าง นิ่งซวนตอนนี้กระทั่งสุนัขนายยังสู้ไม่ได้ ไม่ดูหน่อยว่าเพื่อนในอดีตยังมีใครยอมคบหากับนายบ้าง ยังจะมาพูดอีกว่าคนใหญ่คนโตอะไรกัน? หากเป็นคนจริงๆ จะมาดื่มชากับนายเหรอ?” จ้าวเจี้ยนหนิงพูดเหยียดหยาม
เขารู้สถานะนิ่งซวนในตอนนี้ดี
ด้วยท่าทางน่าเวทนาแบบนี้ของนิ่งซวน ยังจะรู้จักคนใหญ่คนโตอะไรได้?
ยังกล้าอวดดีต่อหน้าคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวอันยิ่งใหญ่อย่างเขาอีก?
นิ่งซวนโกรธจนกำหมัดแน่น พูดเสียงเฉียบขาดว่า “จ้าวเจี้ยนหนิง ที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว ที่ตรงนี้ฉันไม่มีทางยกให้นายแน่”
นี่เป็นที่นั่งวีไอพีที่จองให้ประธานหลินผู้อาวุโส เดี๋ยวผู้อาวุโสก็มาแล้ว หากเห็นว่าที่นั่งถูกคนอื่นยึดไป ยังจะให้เขามีหน้าไปขอความช่วยเหลือจากประธานหลินได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสหลินอิ่ง คือฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของเขานิ่งซวน คนสูงศักดิ์คนเดียวที่ช่วยเขาได้
เส้นสายทั้งหมดในอดีตของเขา ต่างตกอับตามตนเองไป ล้วนไม่มีใครใช้ได้สักคน อีกทั้งความยากลำบากที่พบเจอค่อนข้างใหญ่ เพราะความกดดันและบีบคั้นล้วนมาจากเบื้องบนของตระกูลนิ่ง
นอกจากหลินอิ่งแล้ว นิ่งซวนก็คิดไม่ออกแล้วว่า จะยังมีใครสามารถช่วยเขาได้
“ไม่หลีก? ฮึ นิ่งซวน คำพูดของฉันแกกล้าไม่ทำตามด้วยหรือ?” จ้าวเจี้ยนหนิงพูดอย่างอวดดี ไปเรียกผู้ดูแลร้านน้ำชาซินสุยมา ให้เขาสั่งหน่วยรปภ. มาโยนนิ่งซวนออกไป”
พูดจบ จ้าวเจี้ยนหนิงก็ดีดนิ้ว ผู้ติดตามที่อยู่ด้านข้างสองคนรีบออกจากที่นั่งวีไอพีไปทันที
ไม่ถึงหนึ่งนาที
ผู้ติดตามสองคนก็นำพนักงานของร้านน้ำชาซินสุยเดินเข้ามา ทั้งยังพารปภ.ท่าทางเฉยเมยกลุ่มหนึ่งเเดินเข้ามาด้วย
“นิ่งซวน ฉันบอกแกแล้วนะ ไว้หน้าแล้วแต่แกไม่ต้องการเอง ยกที่นั่งให้ฉันดีๆ ก็ไม่ได้? ต้องการจะบังคับให้คุณชายใหญ่จ้าวโกรธให้ได้? ทีนี้เอาล่ะ ถูกคนโยนออกไปคงสบายใจแล้วสินะ?” ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายจ้าวเจี้ยนหนิงพูดถากถาง
นิ่งซวนกับอูหยางต่างยืนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างยิ่ง ท่าทางของจ้าวเจี้ยนหนิงเด็ดเดี่ยวต้องการให้พวกเขาสองคนทนไม่ไหว
“นิ่งซวนม นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เวลานี้เอง น้ำเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังเข้ามา
เห็นเพียง ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เดินเข้ามาที่นั่งวีไอพีนี้อย่างช้าๆ ด้านข้างยังมีชาวต่างชาติสวมชุดดำ รูปร่างสูงใหญ่ตามอยู่ข้างกาย
“ประธานหลิน!” นิ่งซวนมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าดีใจ รีบกล่าวทักทาย
“ประธานหลิน?” จ้าวเจี้ยนหนิงมองไปทางหลินอิ่ง มองสำรวจด้วยสีหน้าครุ่นคิด กล่าวอย่างเหยียดหยาม นี่คงจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตคนนั้นที่นายพูดหรอกนะ?”
“ท่าทางกระจอกแบบนี้ ทั่วทั้งตัวไม่มีของที่มีหน้ามีตาสักอย่าง ยังเป็นคนใหญ่คยโตอีกเหรอ? นิ่งซวน แกบ้าไปแล้วจริงๆ รีบไปรักษาเถอะ เศษขยะก็เห็นเป็นสมบัติไปได้!” จ้าวเจี้ยนหนิงเหน็บแนมต่อหน้าอย่างไม่เกรงใจ
คนนี้คือ “ประธานหลิน” อะไรนั่น? แถมยังเป็นคนใหญ่คนโต? สวมเสื้อผ้าพื้นๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไป นาฬิกาข้อมือที่พอจะอวดได้ก็ไม่มี นี่น่ะเหรอคนใหญ่คนโต? ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นคนบ้านนอกที่โผล่มาจากไหน”
“ฉันว่านะ คนแซ่หลินคนนี้ของแก เป็นคนบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? กำลังเสแสร้งต่อหน้าฉัน?” จ้าวเจี้ยนหนิงมองหลินอิ่งด้วยท่าทางเหยียดหยามพลางพูด