ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 276 มีปัญหาอะไรก็มาหาฉัน
บทที่ 276 มีปัญหาอะไรก็มาหาฉัน
“ครับ!” นิ่งจองเป่าก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “คุณวางใจ ผมจะแจ้งเบื้องบนของตระกูลนิ่งที่มีอำนาจทั้งหมดได้ทราบ ให้มาทำความเคารพคุณ”
หลินอิ่งพยักหน้า ไม่ได้พูดมากอีก หมุนกายเดินจากไป นิ่งซวนกับอูหยางเดินตามหลังเขาไปติดๆ
“ประธานหลิน นี่คุณจะไปไหนเหรอครับ?” นิ่งจองเป่ากล่าวตามด้วยรอยยิ้ม “ประธานหลิน หากคุณมาตี้จิงเพราะมีธุระต้องจัดการล่ะก็ คุณต้องการอะไร โปรดบอกผมได้ทุกเมื่อ ผมจะไปจัดการให้คุณทันที”
“แม้นิ่งซวนจะจัดการธุระจนคุ้นชินแล้ว แต่ท้ายที่สุดยังคงเป็นที่อายุ ผมเองก็เกรงว่าเขาติดตามอยู่ข้างกายคุณ จะดูแลไม่ทั่วถึง จัดการเรื่องมากมายได้ไม่ดีพอ อีกทั้ง ด้วยฐานะของเขา ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ติดตามให้คุณด้วยซ้ำ หากต้องการ ผมยินดีมาอยู่ตรงหน้าประธานหลินทุกเมื่อ ติดตามรับใช้ไปทุกที่” นิ่งจองเป่าพูดพร้อมรอยยิ้ม
พอได้ยิน สีหน้าของนิ่งซวนกับอูหยางก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างยิ่ง
นี่เห็นได้ชัดว่านิ่งจองเป่าต้องการประจบประธานหลิน ถึงขั้นวางท่าทีต่ำต้อยอย่างไม่เสียดาย
พึงรู้ไว้ว่า นิ่งจองเป่าสำหรับนิ่งซวนแล้ว ความสามารถและอิทธิพลในตี้จิงนั้นแข็งแกร่งมากเกินไป
หากเกิดว่าพิจารณาในด้านผลประโยชน์ ประธานหลินไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธกิ่งไม้ที่นิ่งจองเป่าหยิบยื่นให้เลย
และนี่ก็เป็นเรื่องที่นิ่งซวนกังวลมาตลอด ประธานหลินเป็นผู้อาวุโสของทั้งตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเขาแค่คนเดียว
รอถึงวันที่หลินอิ่งกลับคืนสู่ตำแหน่งในตระกูลนิ่ง ควบคุมอำนาจของตระกูลนิ่ง หากได้ยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นคอยใคร่ครวญถึงปัญหาและภาพรวมของตระกูลนิ่งจริง
เช่นนั้น เขานิ่งซวนก็จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ไม่มีปัญญาที่จะมาขอความช่วยเหลือจากหลินอิ่งได้อีกโดยสิ้นเชิง
เผชิญกับการประจบประแจงของนิ่งจองเป่า หลินอิ่งกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ไม่จำเป็น หากมีอะไรผมจะแจ้งให้คุณทราบเอง จำไว้ว่า วันไหนก็ตามที่ผมไปที่นั่น ผมไม่ต้องการให้เบื้องบนของตระกูลนิ่งขาดใครไป”
หลินอิ่งย่อมเข้าใจความคิดอันระมัดระวังของนิ่งจองเป่า
การเอาใจของนิ่งจองเป่า ก็เพื่อคิดจะดึงนิ่งซวนออกจากข้างกายเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เห็นได้ชัดมากว่า พฤติกรรมแต่ละอย่างของนิ่งจองเป่า ทำไปเพื่อปิดบังสาเหตุการตายของบิดามารดานิ่งซวน มากกว่าครึ่งเพื่อให้เขาไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
มองออกได้ว่า เรื่องที่นิ่งซวนขอให้ตนเองช่วยออกหน้า เป็นสิ่งที่นิ่งจองเป่าหวาดหวั่นและหวาดกลัวเป็นพิเศษ แสดงว่าภายในใจมีเลศนัย
“คุณวางใจ ผมจะต้องเตรียมการไว้อย่างดี รอคอยการมาถึงของคุณที่ตระกูลนิ่ง” นิ่งจองเป่ากล่าวอย่างนอบน้อม
หลินอิ่งพยักหน้า ยืดตัวตรง เดินลงชั้นล่างออกไปจากร้านน้ำชาซินสุย
นิ่งจองเป่าเดินมาส่งตรงหน้าประตูอย่างนอบน้อม
รอจนคณะหลินอิ่งจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของนิ่งจองเป่าก็ค่อยๆ แข็งทื่อ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นถึงขีดสุด จ้องมองเงาหลังที่ห่างออกไปของหลินอิ่ง
กลับมาถึงห้องโถงใหญ่ของร้านน้ำชา เห็นจ้าวเจี้ยนหนิงนอนอยู่บนพื้นหายใจรวยริน นิ่งจองเป่าก็ทำสีหน้ายุ่งยาก ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
“ผู้อาวุโสหลินผู้นี้ ช่างเป็นผู้มาที่ไม่หวังดีจริงๆ เลย” นิ่งจองเป่ารำพึงรำพันด้วยสีหน้าเป็นกังวล “นิ่งซวนเองก็ช่างทำบุญมาดีจริงๆ มีคนใหญ่คนโตคอยปกป้องเขาขนาดนี้ เห็นทีแผนเดิมคงต้องเปลี่ยนเสียแล้ว”
นิ่งจองเป่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า การปรากฏตัวขึ้นมากลางคันของหลินอิ่ง ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน เกือบไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร
อีกทั้งหลินอิ่งผู้นี้ บุคลิกและการกระทำไม่อาจคาดเดาได้ อยู่เหนือคนทั่วไป ไม่อาจคาดเดาได้โดยสิ้นเชิง
ถึงกับปฏิเสธการประจบของตนเอง ถึงขนาดมีใจหนักแน่นต้องการจะช่วยออกหน้าให้นิ่งซวน
หลินอิ่งทำเช่นนี้ได้ประโยชน์อะไรกัน?
หรือหลินอิ่งไม่รู้ ว่าตนเองมีผลประโยชน์ที่สามารถให้ได้ มากกว่านิ่งซวยตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
หรือว่า หลินอิ่งทำไรไม่ได้คำนึงถึงผลได้ผลเสีย?
“พ่อ พ่อตา ผม ผมไม่เต็มใจ ผมไม่ยินยอม!” จ้าวเจี้ยนหนิงนอนอยู่บนพื้นหายใจหอบแรงพลางกล่าว พูดจาขาดห้วงไม่ปะติดปะต่อ ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ผมไม่เต็มใจที่ถูกตีขาหักแบบนี้ ผมจะไปหาพ่อผม ไปหานายท่านตระกูลจ้าวให้ช่วยออกหน้า!”
“หลินอิ่งคนนั้น เขาเป็นเทพเซียนมาจากที่ไหนกัน? ทำไมพ่อตาถึงได้กลัวเขาขนาดนี้?”
“ไอ้โง่!” นิ่งจองเป่าด่าด้วยน้ำเสียงโกรธๆ สีหน้าเขียวคล้ำ “ยังจะไปให้คนตระกูลจ้าวช่วยออกหน้าอีก? แกคิดจะรนหาที่ตายเหรอ?”
“เรื่องนี้ แกอย่าไปถามหาเหตุผลอีก เวลานี้ แกช่วยอยู่โรงพยาบาลพักฟื้นร่างกายให้ดี ฉันจะจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยรักษาให้แก ดูว่าขาคู่นี้จะยังรักษาได้อยู่ไหม” นิ่งจองเป่ากล่าวเสียงขรึม
“พาเขาไปส่งโรงพยาบาล” นิ่งจองเป่ากล่าวด้วยท่าทางหงุดหงิด สั่งให้บอดี้การ์ดข้างตัวหามจ้าวเจี้ยนหนิงออกจากร้านน้ำชาซินสุย
จากนั้น นิ่งจองเป่าก็ทำสีหน้าขรึม หยิบมือถือออกมาต่อสายไม่หยุด หลินอิ่งมาถึงกะทันหัน สร้างแรงกดดันให้เขาอย่างมหาศาลหาใดเปรียบ จำเป็นต้องคิดหาวิธีรับมือพระโพธิสัตว์องค์นี้ให้ดี
อีกด้านหนึ่ง หลังหลินอิ่งออกมาจากร้านน้ำชาซินสุย ก็ขึ้นรถมุ่งไปยังย่านศูนย์กลางความเจริญในเขตเสิ่นหนง
ฮาเดสนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับรถ ที่นั่งด้านหลัง หลินอิ่งกำลังหลับตาพักผ่อน นิ่งซวนทำท่าทางกระวนกระวายไม่สงบ
“ประธานหลิน วันนี้ต้องขอบคุณคุณแล้ว หากไม่ได้คุณช่วยออกหน้า เกรงว่าจ้าวเจี้ยนหนิงคงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ แบบนี้” นิ่งซวนกล่าวด้วยท่าทางจริงใจ
“เรื่องเหล่านี้เป็นแค่เรื่องเล็ก” หลินอิ่งกล่าวเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้ได้ยินนายพูดว่า บริษัทของบ้านนายถูกคนที่ชื่อนิ่งเซวียนของตระกูลนิ่งยึดไปแล้ว? เรื่องเป็นมายังไงกัน?”
ในเมื่อตัดสินจะจะช่วยพยุงนิ่งซวนขึ้นมาให้อยู่ในตี้จิงได้ อย่างนั้นย่อมต้องช่วยให้ถึงที่สุด
ฐานะผู้อาวุโสตระกูลนิ่งของตนเองนี้ เป็นสิ่งที่อาจารย์ถ่ายทอดลงมา และเป็นการจัดระเบียบตระกูลนิ่งในคราวหนึ่งด้วย
ส่วนตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง สำหรับหลินอิ่งแล้วถือได้ว่ายังแปลกใหม่อยู่มาก
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนนิ่งซวนให้กลายเป็นตัวแทนตนเองอยู่ในตระกูลนิ่ง
นิ่งซวนไตร่ตรองอยู่สักพัก ก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คืออย่างนี้ครับ กิจการ และกลุ่มบริษัททั้งหมดภายใต้ชื่อผม ล้วนถูกเบื้องบนของตระกูลนิ่งอายัดทรัพย์สินไปหมดแล้ว แถมอำนาจในการดูแลบริษัทยังถูกแทรกโดยให้คนอื่นมารับช่วงต่อ เงินทุนทั้งหมด นอกจากยังคงอยู่ภายใต้ชื่อผม อย่างอื่นผมก็ยุ่งไม่ได้อีก ไม่มีอำนาจใดเลย”
“และเบื้องบนของตระกูลนิ่งก็ส่งคนที่รับผิดชอบสะสางทรัพย์สินเงินทองของตระกูลนิ่งสายตรงลำดับที่สามของผมออกมา ชื่อว่านิ่งเซวียน เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลนิ่ง ตำแหน่งภายในตระกูลไม่ใช่เล่นๆ เลย” นิ่งซวนกล่าวอย่างช้าๆ “นิ่งเซวียนเคยบีบผมอยู่หลายครั้ง ต้องการให้ผมเซ็นสัญญาโอนถ่ายทรัพย์สิน เมื่อสองวันก่อน ก็ยื่นคำขาดออกมา หากผมไม่ทำตาม ก็จะขอให้คณะกรรมการผู้อาวุโสตัดชื่อผมออกจากผังวงศ์ตระกูล
หลินอิ่งพยักหน้า กล่าวอย่างเนิบช้าว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน นิ่งซวน พรุ่งนี้นายตรงไปยังบริษัทของบ้านนาย เอาของที่เป็นของนายกลับมา ไม่ต้องกังวลเรื่องใดทั้งสิ้น มีปัญหาอะไรก็มาหาฉัน”
“ครับ!” นิ่งซวนกล่าวด้วยอารมณ์ฮึกเหิม
มีประธานหลินหนุนหลังเขา เขาพลันมีแรงขึ้นมาทันที ทั้งตัวแทบจะเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
นิ่งซวนไม่ใช่พวกอ่อนแอไร้ความสามารถอะไร เพียงแค่ถูกเบื้องบนของตระกูลกดดันอย่างบ้าคลั่ง ด้วยเหตุนี้จึงค่อยๆ จมดิ่งลง ที่ขาดก็แค่เพียงโอกาสสักครั้ง
และตอนนี้ หลินอิ่งได้มอบโอกาสนี้ให้เขา ทำให้เขาสามารถต่อกรกับนิ่งเซวียนและพวกเบื้องบนของตระกูลนิ่งโดยไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
วันนั้น พอหลินอิ่งกำชับเรื่องต่างๆ กับนิ่งซวนเสร็จ ก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมจงเทียน
หลังกลับถึงโรงแรม เดิมทีหลินอิ่งคิดจะไปหาฉีโม่เพื่อคุยเรื่องบริษัทเครื่องประดับที่สร้างขึ้นมาใหม่สักหน่อย กลับพบว่า จางฉีโม่ได้ออกไปข้างนอกแล้ว ทั้งยังส่งเมสเสจมาหาตนเอง บอกว่าจะไปร่วมงานชุมนุมศิษย์เก่าของตี้จิงอะไรนี่แหละ
……
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ณ ตี้จิง เขตเสิ่นหนง วิลล่าไท่จี๋
วิลล่าไท่จี๋ตั้งอยู่บนภูเขาเฟิงเซียงที่มีชื่อของตี้จิง กินพื้นที่กว้างใหญ่หาใดเปรียบ ในมุมมองของคนทั่วไป นี่ก็คือที่อยู่ของเทพเซียนไม่ธรรมดาคนหนึ่ง เป็นฐานที่มั่นของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
ภายในวิลล่าไท่จี๋ นิ่งจองเป่ายืนอยู่มุมหนึ่งในลานบ้านที่มีกลิ่นอายโบราณ เขาเดินกลับไปกลับมาด้วยสีหน้ากังวล ราวกับกำลังรอคอยใครสักคนอยู่
“น้องจองเป่า เกิดเรื่องอะไรถึงทำให้นายดูลนลาน มาหาฉันด้วยความร้อนใจขนาดนี้?”
ชายชราสวมเสื้อคอจีนสีเหลืองอ่อนคนหนึ่ง กำลังก้าวเดินช้าๆ ออกมาจากชั้นลอยแบบโบราณ มองนิ่งจองเป่าด้วยท่าทางสงสัย