ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 277 การเดินเกมของคนตระกูลนิ่ง
บทที่ 277 การเดินเกมของคนตระกูลนิ่ง
“พี่หก เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
พอนิ่งจองเป่าเห็นชายสูงวัยสวมเสื้อคอจีนเดินออกมา สีหน้าก็ขรึมลง กล่าวอย่างร้อนรน
“จองเป่า นายเองก็มีอำนาจดูแลจัดการอยู่ในตระกูลมาหลายปีแล้ว จัดการธุระของตระกูลมานานหลายปีขนาดนี้ ทำไมยังทำตัวไม่รอบคอบเหมือนกับเด็กรุ่นหลังแบบนี้ นายท่านก็เคยสั่งสอนแล้วว่า หากพอเจอเรื่องใหญ่ต้องใจเย็น ต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้าหน้าก็ไม่เปลี่ยนสี นายควรจะเอาเป็นแบบอย่างนะ?” ชายสูงวัยสามเสื้อคอจีนกล่าวอย่างปลอบใจ ท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
นิ่งจองเป่าถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง กล่าวว่า “พี่หก ไม่ใช่เพราะผมใจร้อน มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินต่างหาก สถานการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหัน อยู่นอกแผนการของเราไปแล้ว”
นิ่งจองเป่าเองก็ไม่พอใจพี่หกคนนี้ของเขานิ่งจองเสิ้งเช่นกัน นิ่งจองเสิ้งอายุอานามก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่าแล้ว ทั้งวันยังเอาแต่ทำตัวเป็นผู้อาวุโสรู้มากเที่ยวดูถูกคนรุ่นหลังอยู่ได้
“สถานการณ์ฉุกเฉิน?” นิ่งจองเสิ้งทำท่าทางสงสัย “ยังจะมีสถานการณ์ฉุกเฉินอะไรได้อีก? ภาพรวมของตระกูลนิ่งตอนนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของเราหมดแล้ว ตระกูลลำดับที่สามไม่เชื่อฟังจึงถูกทำลายหมดแล้ว หรือยังมีใครคิดตรงกันข้ามกับพวกเราอีก?”
“ไม่ใช่เรื่องภายในตระกูล แต่เป็นผู้สืบทอดของท่านผู้นั้นในปีนั้นมาตี้จิงแล้ว!” นิ่งจองเป่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
พอได้ยิน นิ่งจองเสิ้งก็มีท่าทางตกตะลึง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวสงสัยไม่แน่ใจ กล่าวอย่างหวาดผวาว่า “ท่านผู้นั้นในปีนั้น? จองเป่า นายคงไม่ได้ล้อฉันเล่นอยู่หรอกนะ หรือนายหมายถึงผู้อาวุโสท่านนั้นในปีนั้น? ท่านผู้นั้นไม่ใช่หายสาบสูญไปสิบกว่าปีแล้วเหรอ? ที่แท้เรื่องเป็นมายังไงกัน”
พอเอ่ยถึงผู้อาวุโสท่านนั้นในปีนั้น ภายในใจนิ่งจองเสิ้งก็เกร็งเครียดขึ้นมา
คนอย่างพวกเขาตลอดชีวิตนี้ ล้วนเคยผ่านภาวะตกอับที่นำไปสู่ความตายที่ตระกูลนิ่งพบเจอในปีนั้นมาแล้ว ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะนายท่านเชิญผู้อาวุโสท่านนั้นออกจากภูเขา ตระกูลนิ่งคงถูกกำจัดชื่อออกไปจากประเทศหลงนานแล้ว
“ผู้อาวุโสท่านนั้นในปีนั้นมาตี้จิงด้วยตนเองแล้วหรือ? ผู้สืบทอดของเขาชื่ออะไร? มีที่มาอย่างไร?” นิ่งจองเสิ้งสีหน้าขรึมลง ตั้งคำถามออกมาติดๆ กัน
นิ่งจองเสิ้งมีฐานะเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง เงินและอิทธิพลที่กุมไว้ในมือเรียกได้ว่ามากมายก่ายกอง ยากนักที่จะมีเรื่องอะไรมาทำให้เขาหวาดผวาได้
แต่หากเอ่ยถึงผู้อาวุโสของตระกูลนิ่ง แน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญระดับสูงสุด
นิ่งจองเป่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ผู้อาวุโสท่านนั้นในปีนั้นไม่ได้ออกหน้า แต่เป็นผู้สืบทอดของเขา ชื่อว่าหลินอิ่ง หลินอิ่งผู้นี้ยอมรับฐานะผู้อาวุโสตระกูลนิ่งแล้ว และได้ถือป้ายหยกไว้ด้วย”
“นายแน่ใจนะว่าเป็นเรื่องจริง? หลินอิ่งอะไรนั่นผู้นี้คงไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎหรอกนะ? เทพมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหางผู้นั้นในปีนั้น ตอนนั้นฉันเคยเห็นแค่เงาหลังอยู่ไกลๆ เท่านั้น และท่านผู้นั้นก็พักอยู่ตระกูลนิ่งของเราแค่สามวัน” นิ่งจองเสิ้งกล่าวอย่างใคร่ครวญ
“นอกจากนายท่านแล้ว บางทีอาจจะไม่มีใครยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเขาได้อีก นายอย่าได้ถูกหลอกเชียวนะ” นิ่งจองเสิ้งกล่าวเสียงขรึม
นิ่งจองเป่ากล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องโกหก ในมือของหลินอิ่งผู้นั้นมีป้ายหยกที่ตระกูลนิ่งสั่งทำเป็นพิเศษ อีกทั้งตอนนั้นนายท่านก็คิดจะไปพบเขาที่เมืองตุงไห่เช่นกัน นายท่านยืนยันแล้ว ไม่มีทางผิดแน่”
“นายท่านเคยยืนยัน? เป็นเรื่องเมื่อไหร่กัน? ทำไมฉันไม่รู้?” สีหน้านิ่งจองเสิ้งแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม มองไปที่นิ่งจองเป่า
นิ่งจองเป่าถึงกับรู้การมีอยู่ของหลินอิ่งผู้นี้มานานแล้ว แต่กลับไม่เคยบอกเขา?
กระทั่งนายท่านก็รู้ด้วย แต่เขานิ่งจองเสิ้งที่มีฐานะเป็นถึงหนึ่งในสามผู้ดูแลของตระกูลนิ่ง กลับไม่รู้?
นิ่งจองเป่าหลบสายตาเชือดเฉือนของนิ่งจองเสิ้ง พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่หก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะมาระแวงกันเอง พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างล่อแหลม หลินอิ่งผู้นั้นมาอย่างรุนแรง พุ่งเข้าใส่พวกเรา……”
“เดี๋ยวก่อน อะไรที่ว่าพุ่งเข้าใส่พวกเรา? หรือนายไปล่วงเกินเขาเข้าแล้ว?” นิ่งจองเสิ้งขัดจังหวะนิ่งจองเป่า กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของท่านผู้นั้นในปีนั้นมาที่ตี้จิง แล้วมีอะไรล่อแหลมกัน? เขามาที่ตี้จิงมาหาตระกูลนิ่งต้องการอะไร? มอบให้เขาก็พอแล้ว ใช้เงินบ้าง ออกค่าใช้จ่ายบ้าง ต้อนรับเขาให้ดีๆ เห็นเขาเป็นพระโพธิสัตว์ก็ใช้ได้แล้ว”
“เรื่องมันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นน่ะสิ” นิ่งจองเป่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “หลินอิ่งผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป กลิ่นอายอันแข็งแกร่งคุกคามคน ผมกับเขาเผชิญหน้าพูดคุยกัน ภายในใจมันเกิดแรงกดดันมหาศาลขึ้น”
หลินอิ่งผู้นี้มาตี้จิงเพราะเรื่องอะไร ฉันไม่รู้ แต่ไม่ใช่เพราะเงินและผลประโยชน์ถึงได้โผล่หน้ามาอย่างแน่นอน ผมมองคนอย่างเขาไม่ออก” นิ่งจองเป่าเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “อีกทั้ง ปัญหาใหญ่ที่สุด คือหลินอิ่งมุ่งมั่นคิดจะช่วยออกหน้าให้นิ่งซวน ช่วยออกหน้าให้ตระกูลลำดับที่สาม
พอได้ยิน นิ่งจองเสิ้งก็จมลงสู่ห้วงความคิด ไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง จึงกล่าวขึ้นมาอย่างลังเลว่า “ช่วยนิ่งซวนออกหน้า นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่? คนรุ่นหลังอย่างนิ่งซวน ทำไมถึงมีสิทธิ์์ได้รู้จักผู้สืบทอดท่านนั้น?”
“เรื่องนี้เล่าแล้วยาว” นิ่งจองเป่าเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ตามที่ผมรู้มา หลินอิ่งปรากฏตัวครั้งแรกที่เมืองตุงไห่ เป็นช่วงที่นิ่งซวนดูแลนิ่งซื่อกรุ๊ปของตุงไห่อยู่พอดี ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงรู้จักกัน”
“ฮึๆ เมืองตุงไห่?” นิ่งจองเสิ้งยิ้มเยาะ “นายรู้มาไม่น้อยเลยจริงๆ พอเกิดเรื่องแล้วถึงค่อยบอกฉัน?”
“ผมขอโทษ พี่หก นี่เป็นความสะเพร่าของผมเอง” นิ่งจองเป่ารีบก้มหน้าขอโทษ “คุณเองก็รู้เรื่องที่ตระกูลนิ่งของเราเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโส นายท่านเคยเตือนแล้ว ล้วนเป็นข้อห้ามมากมาย ผมรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่กล้าพูดเหลวไหล และไม่กล้าไปสืบมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งผู้นี้จะเป็นฝ่ายมาตี้จิงเอง
“เอาล่ะ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ฉันเองก็ขี้เกียจเถียงเรื่องพวกนี้กับนายแล้วเหมือนกัน” นิ่งจองเสิ้งกล่าว ทำท่าทางผ่อนคลายลง “ออกมาจากเมืองตุงไห่? อย่างนั้นบางทีอาจไม่มีความสามารถอะไร อย่างมากก็คงเรียนวรยุทธกับวิชาแพทย์จากท่านผู้นั้นมาบ้าง”
“ในเมื่อเขามาตี้จิงแล้ว ตระกูลนิ่งของพวกเรามอบเงินทองให้เขาสักกองหนึ่ง ก็ใช้ได้แล้ว” นิ่งจองเสิ้งกล่าวอย่างชะล่าใจ “แกก็ไม่ต้องไปกลัวไปเกรงอะไรแล้ว ไหนจะช่วยตระกูลลำดับที่สามออกหน้าอีก ช่างน่าขันซะไม่มี”
“เรื่องมันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นน่ะสิ พี่หก หลินอิ่งฝากคำพูดมาบอกแล้ว ต้องการให้ผมแจ้งกับเบื้องบนของตระกูลนิ่งทุกคนว่า อีกสามวันให้หลัง เขาจะมาที่ตระกูลนิ่งของพวกเรา ให้เบื้องบนทุกคนมาต้อนรับเขา โดยห้ามขาดใครไปแม้แต่คนเดียว” นิ่งจองเป่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไรนะ?” นิ่งจองเสิ้งทำท่าทางประหลาดใจ พลางยิ้มเยาะ “หนอยแน่ หลินอิ่งคนเดียว ช่างวางท่าใหญ่โตเสียเหลือเกิน ให้เบื้องบนของตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงทุกคนมาต้อนรับเขา? เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
“หากเป็นอาจารย์เขากลับมาตี้จิง ฉันจะไม่ปริปากสักคำ จะรีบจัดการให้อย่างยิ่งใหญ่เลย อาศัยแค่ลูกศิษย์อย่างเขาเนี่ยนะ?” นิ่งจองเสิ้งส่ายหน้า “คนที่มาจากแถบชนบทอย่างเมืองตุงไห่ จะมีความสามารถเท่าไหร่กันเชียว?”