ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 288 รู้ไหมว่าพูดกับใครอยู่
บทที่ 288 รู้ไหมว่าพูดกับใครอยู่
พูดจบ บอดี้การ์ดของนิ่งจองเสียนทั้งสองแถว ก็วิ่งเข้าไปเอาคน จะจับตัวหลินอิ่ง
“นิ่งจองเสียน แกกล้าลงมือก็ลองดู” ถูซานตะโกน
โรงแรมหลงเถิงยังไงก็เป็นเขตจงเทียน วันนี้ถ้านิ่งจองเสียนกล้าเอาตัวท่านอิ่งไป
เขาถูซาน อีกหน่อยก็ไม่ต้องอยู่แล้ว
“ทำไม? ถูซาน ให้ตายก็จะปกป้องหลินอิ่ง?” นิ่งจองเสียนตะโกนเย็นชา “แกต้องรู้ดี ถ้าแกมีเรื่องกับตระกูลนิ่งของเรา อีกหน่อยจะไม่มีจุดยืนที่ตี้จิง”
“แกอย่าคิดว่าที่นี่เป็นเขตจงเทียน ฉันจะทำอะไรแกไม่ได้” นิ่งจองเสียนพูด “คนที่ฉันพามา ล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว”
“อะไร?” ถูซานสีหน้าตกใจ “นิ่งจองเสียน แกจะเอาจริงใช่ไหม? กล้าลงมือในเขตจงเทียน?”
เขาคิดไม่ถึง ว่านิ่งจองเสียนอยู่ดีๆ ก็พาคนมาพร้อม จะเอาจริงให้ถึงตายใช่ไหม กล้าลงมือในเขตจงเทียน
“นิ่งจองเสียน แกต้องเข้าใจ ที่นี่เป็นเขตจงเทียน แกทำแบบนี้ เท่าไม่ไม่เห็นลูกพี่หยูอยู่ในสายตา” ถูซานพูดเสียบเย็นชา
ต้องรู้ว่า เขาเป็นคนของหยูจื๋อเฉิง ทำร้ายคนของลูกพี่หยูในเขตจงเทียน นั่นก็เท่ากับว่าหาเรื่องเจ้าถิ่น
“เหอะ ทางด้านหยูจื๋อเฉินฉันก็ต้องมีคำอธิบายอยู่แล้ว” นิ่งจองเสียนพูดเย็นชา “แต่ว่า ลูกสาวฉันเป็นหัวอกของฉัน แกกล้าหาเรื่องก่อน อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
กำลังพูดอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตู
ชายใส่แว่นดำเดินเข้ามา พูดกับนิ่งจองเสียนอย่างเคารพ “ท่านประธาน เคลียร์โรงแรมหลงเถิงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนเตรียมตัวรอแล้ว จะจัดการยังไงกับถูซานแล้วก็ไอ้หลินอิ่งนั่น ท่านสั่งได้เลยครับ”
พอเห็นชายแว่นดำเดินข้าวมา สีหน้าถูซานก็เปลี่ยนไป รู้สึกสถานการณ์ไม่ดีแล้ว
ชายแว่นดำคนนี้ถูซานรู้จัก สมญานามว่าเฮยเป้า เป็นคนมีอำนาจระดับต้นๆในโลกแห่งความมืดเขตเสิ่นหนงแห่งตี้จิง เตรียมมาขนาดนี้ นิ่งจองเสียนเอาจริงแล้ว
“ประธานหลิน สถานการณ์ไม่ดีแล้ว นิ่งจองเสียนเรียกคนในวงการมาแบบนี้ มันบ้าไปแล้ว เหมือนลูกสาวตัวเอง พูดอะไรก็ไม่ฟัง” ถูซานพูดเสียงต่ำข้างหลินอิ่ง “ไม่เรียกคนมา เกรงว่าจะจัดการลำบาก……”
หลินอิ่งยิ้มอย่างเย็นชา
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น มิน่านิ่งเสี่ยวชิงถึงได้อวดดีขนาดนี้ ที่แท้ก็มีพ่อเป็นแบบอย่างนี่เอง
อยู่ดีๆก็เรียกคนมาทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต
“ถูซาน ส่งตัวหลินอิ่งออกมา แล้วแกค่อยมาขอขมาลูกสาวฉันดีๆ เห็นแก่หน้าหยูจื๋อเฉิง วันนี้ฉันจะปล่อยแกไป” นิ่งจองเสียนพูด
“สำหรับหลินอิ่ง ไม่ว่าใครมาก็ปกป้องมันไม่ได้ กล้าทำร้ายลูกสาวฉัน รังแกลูกสาวฉัน แบบนี้ก็รอตายได้เลย” นิ่งจองเสียนพูด สายตาก็มองไปที่หลินอิ่ง
“นิ่งจองเสียน คนให้แกไม่ได้แน่ อีกอย่าง แกมันไม่แยกแยะถูกผิดก็มาทำตัวอวดดี แกนึกว่าฉันกลัวแกเหรอ?” ถูซานโมโหตะโกนด่าไปสองคำ เดินไปที่ประตู หยิบมือถือขึ้นมาโทร
นิ่งจองเสียนเรื่องเล็กแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่โต ทำเหมือนคนอื่นทำอะไรลูกสาวตัวเอง
ชิ้ว
ตอนที่ถูซานหยิบมือถือออกมา
เฮยเป้าพาบอดี้การ์ดสองคน พุ่งเข้าไปจับคน จับไว้คนละข้าง จับไหล่ของถูซานไว้สองข้าง
“ถูซาน แกยังอยากเรียกคน? คิดว่าฉันจะให้โอกาสแกเหรอ” นิ่งจองเสียนพูดเรียบเฉย
ถูซานสีหน้าโมโห โดนจับไว้แล้ว ยังไม่ได้โทรเรียกลูกน้องเลย
“นิ่งจองเสียน แกรนหาที่ตายใช่ไหม? ฉันขอบอกแก ประธานหลินไม่ใช่คนที่แกจะมีเรื่องด้วยได้” ถูซานพูดเสียงโมโห
“คนที่ฉันมีเรื่องด้วยไม่ได้? หรือว่าไอ้หลินอิ่งนี่มันเป็นญาติของหยูจื๋อเฉิง?” นิ่งจองเสียนยขมวดคิ้ว พูดอย่างเฉื่อยชา “นั่นก็ไม่มีประโยชน์ หยูจื๋อเฉิงมาด้วยตัวเองก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ต้องทำให้ลูกสาวฉันพอใจ”
เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว นิ่งเสี่ยวชิงก็ยิ้มอย่างพอใจ “หลินอิ่ง ถูซาน บอกแล้วว่าให้แกสองคนอย่าอวดดี พวกแกยังหาเรื่องถึงขั้นนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
“พ่อ พ่อสั่งคนไปทำให้หลินอิ่งมันคุกเข่าเลย จากนั้นก็ตบหน้ามัน ให้มันยอมรับผิด” นิ่งเสี่ยวชิงพูด
“วางใจได้ วันนี้หลินอิ่งมันหนีไม่รอดแน่” นิ่งจองเสียนพูดจริงจัง
พูดแล้ว นิ่งจองเสียนก็เดินเข้าไปหาหลินอิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “ฉันเห็นแก่ที่แกยังอายุน้อยไม่รู้เรื่อง และเห็นแก่หน้าหยูจื๋อเฉิง จะไว้ชีวิตแก ตอนนี้ ไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้”
“ถ้าไม่พอใจ ไม่ยอมคุกเข่า แกก็อย่าหวังที่จะได้เห็นตะวันพรุ่งนี้เลย” นิ่งจองเสียนพูดอย่างมีเหตุมีผล
หลินอิ่งเริ่มรู้สึกสนใจ ยกไวน์ขึ้นดื่ม แล้วยิ้มอย่างเย็นชา
“ภัยมาถึงหัวแล้ว แกยังยิ้มอีกเหรอ?” นิ่งเสี่ยวชิงมองหลินอิ่งอย่างดูถูก “ฉันไม่รู้จริงๆว่าแกเอาความมั่นใจมาจากไหน”
“นี่ เสี่ยวชิง เรื่องนี้มันจะใหญ่เกินไปไหม ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ต่างคนต่างถอยหนึ่งก้าว?” จางฉีโม่มองนิ่งเสี่ยวชิง พูดจริงจัง
“ฉีโม่? ถอยคนละก้าว? เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ?” นิ่งเสี่ยวชิงมองจางฉีโม่อย่างได้ใจ พูดอย่างเฉื่อยชา “เอาอย่างนี้ ฉีโม่ ฉันเห็นแก่ความเป็นเพื่อน เธอมาขอร้องฉัน แล้วก็ยอมรับว่าสามีเธอไร้น้ำยา ถ้าแบบนี้ ฉันก็จะปล่อยพวกเธอไป”
“ระวังนะ ความอดทนฉันมีขีดจำกัด อยากขอร้องฉันก็เร็วหน่อย ถ้าฉันเปลี่ยนใจ เธอขอร้องฉันก็ไม่มีประโยชน์” นิ่งเสี่ยวชิงพูดอย่างได้ใจ
“ฉีโม่ ไม่ต้องสนใจเขา” หลินอิ่งพูดเรียบเฉย
ฉีโม่พยักหน้า เธอรู้ว่าหลินอิ่งมีวิธีจัดการเรื่องนี้ได้ เพียงแค่ว่าเธอไม่อยากให้หลินอิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โต
“ไม่ต้องสนฉัน? ได้ หลินอิ่ง แกนี่มันปากแข็งนะ แกนึกว่าแกเป็นใคร? ก็แค่หมาจรจัดตัวเดียวเท่านั้น” นิ่งเสี่ยวชิงพูดอย่างโมโห
เธอเห็นท่าทางยโสไม่ยอมก้มหัวของหลินอิ่งแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ
“พ่อ ไม่มีอะไรต้องคุยกับพวกมันแล้ว ลงมือเลย จัดการให้ไอ้หลินอิ่งนี่คุกเข่าลง แล้วพากลับ” นิ่งเสี่ยวชิงพูดดุดัน
นิ่งจองเสียนมองไปที่หลินอิ่ง พูดว่า “ลูกสาวฉันเป็นคนมีเหตุมีผล พวกแกยังบีบให้เธอโมโหขนาดนี้ได้ ก็รู้ว่าพวกแกมันหน้าด้านขนาดไหน ให้โอกาสแกแล้ว ยังกล้ามาอวดดี สมควรตายจริงๆ”
“นิ่งจองเสียน แกรู้ไหมว่าแกพูดกับใครอยู่?”
ถูซานตะโกนพูด ถึงแม้เขาจะถูกบอดี้การ์ดสองคนจับตัวไว้ แต่ก็ยังไม่ได้มีความกลัวอะไร
“พูดกับใคร? เหอะเหอะ” นิ่งจองเสียนส่ายหน้า “ก็แค่ลูกน้องรับใช้ไร้น้ำยาคนเดียว? อย่างมาก ก็มีความสัมพันธ์กับหยูจื๋อเฉิงบ้าง?”
พูดจบ นิ่งจองเสียนโบกมือ “เฮยเป้า จัดการไอ้หลินอิ่งนั่น ให้มันคุกเข่าลง จัดการแขนข้างหนึ่งก่อน”
ชายแว่นดำที่ชื่อเฮยเป้า หมุนคอตัวเอง หยิบปืนออกจากเสื้อ เดินเข้าไปหาหลินอิ่ง
หลินอิ่งนั่งกับที่ไม่ขยับ ร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกจากข้างกายหลินอิ่ง
บอดี้การ์ดชุดดำที่ไม่ได้พูดอะไรเลย เข้าไปขวางหน้าเฮยเป้าไว้
หลินอิ่งพูดเสียงเย็นชา
“จัดการพวกมันพิการไปเลย”