ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 322 รอฉันไปเรียกคนที่ตระกูลกงซุน
“บ้าเอ้ย แกพูดอะไร? ตบปากพวกเราจนแตก?” ได้ยินคำพูดของหลินอิ่ง โจตงก็รีบด่าทันที “แกมันไอ้ไร้น้ำยา คิดว่าสถานที่นี้ ฉันจะทำอะไรแกไม่ได้ใช่ไหม?”
“ในใจไม่มีความเจียมตัวเลยใช่ไหม ยังกล้ามาอวดดีต่อหน้าฉัน แกกล้าพูดอีกครั้งก็ลองดู?” กงซุนจื่อจู๋สีหน้าโมโห ด่าอย่างเย็นชา
ไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้ไร้น้ำยาเกาะเมียกินอย่างหลินอิ่ง ทำไมถึงกล้าพูดขนาดนี้
ยังให้คนลากตัวพวกเขาออกไปตบจนปากแตก? คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
ไม่รู้จักดูตัวเองว่าฐานะอะไร ไอ้ไร้น้ำยาคนเดียว
หลินอิ่งไม่พูด สายตามองไปอย่างดูถูก
ส่วนอูหยางฟังจนขมวดคิ้วแน่น เริ่มรู้สึกโมโห
ไอ้พวกหน้าโง่ไม่รู้จักดูตัวเองกล้ามาด่าประธานหลิน ไม่รู้ว่างานเลี้ยงการขึ้นตำแหน่งวันนี้จัดขึ้นเพื่อใคร?
“คุณอูท่านนี้ คุณเป็นผู้จัดงานในครั้งนี้ใช่ไหม? สวัสดี ฉันขออธิบายสถานการณ์ให้คุณฟังหน่อย” โจตงพูดกับอูหยาง “คนนี้ชื่อหลินอิ่ง ก็คือไอ้ลูกเขยไร้น้ำยาชื่อดังในเมืองตงไห่ของเรา อีกอย่าง คนคนนี้มีพฤติกรรมย่ำแย่ ชอบเกาะคุณหนูลูกเศรษฐี ฉันสงสัยว่ามันแอบเข้ามาในงาน เพื่อทำอะไรไม่ดี แนะนำคุณให้ไล่คนแบบนี้ออกไป เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องในงาน”
“ไล่ออกไป?” อูหยางสีหน้าไม่ดีถึงสุดขีด
ประธานหลินเป็นผู้มีพระคุณของเขา ไม่มีประธานหลิน จะมีตำแหน่งของเขาอูหยางในวันนี้ได้ยังไง? คงยังต้องนั่งเฝ้าชีวิตที่ไม่มีจุดหมาย ไม่รู้จะโดนผู้นำตระกูลนิ่งขจัดวันไหน
“ใช่แล้ว ฉันบอกว่า ไล่ไอ้น้ำยาคนนี้ออกไป” โจตงพูดเสียงเย็นชา
เพียะ
อูหยางยกมือขึ้นตบหน้า ตบเข้าที่หน้าโจตงอย่างแรง ตบจนเขาทำอะไรไม่ถูก สีหน้ามึนงง
“แกเป็นตัวอะไร? กล้ามาออกคำสั่งต่อหน้าฉัน?” อูหยางจ้องหน้าโจตง ด่าว่าน้ำเสียงเย็นชา
โจตงสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่พอใจอย่างมาก
“แกมีสิทธิ์อะไรมาตบคน? คนรับผิดชอบจัดการเก่งกาจอะไร? แกรู้ไหมว่าใครเป็นคนพาพวกเราเข้ามา?” โจยู่ถานพูดอย่างโมโห ท่าทางยโส
“ก็แค่ให้แกจัดการกับไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่ง แกก็ลงมือกับน้องชายฉัน?” โจยู่ถานพูดจาต่อว่า
ก็แค่จัดการประธานหลิน?
อูหยางได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เต้นอย่างแรง ความโมโหในใจยิ่งรุนแรงขึ้น
“รีบจับสองคนนี้ไว้” อูหยางสั่งด้วยเสียงเย็นชา
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดฝีมือดีข้างกายเขาทั้งสองคน ก็ปัดขาทำให้ทั้งสองคนสะดุดล้มลงกับพื้น กดตัวทั้งสองไว้
“ใช้แรงตบปาก ตบมันสองคนจนปากแตก” อูหยางพูดเสียงเรียบ
บอดี้การ์ดทั้งสองคนสีหน้าเย็นชา ยกมือขึ้นตบปากของโจตงและโจยู่ถานทั้งสองคน ตบอย่างสุดแรง ไม่หยุดยั้ง จนเสียงดังเพียะเพียะ
ทันใดนั้น แขกที่มาร่วมงานเดินผ่าน ต่างก็พากันหยุดเดิน หันมาดูภาพที่เห็น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ประธานอู หรือว่ายังมีใครกล้ามาอวดดีที่อาคารนิ่งซื่อ?”
“นี่ก็ตบจนปากบวมแล้ว ดูท่าแล้วน่าจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูด สมน้ำหน้า ในงานใหญ่ของนิ่งซื่อยังกล้ามาอวดดี”
“ดูแล้วก็คนเป็นคนไม่มีฐานะจากต่างถิ่น ไม่รู้จักระเบียบ”
แขกที่มาร่วมงานต่างก็ใช้สายตาดูถูกมองโจตงทั้งสองคน ต่างก็พูดจาช่วยอูหยาง
และนี่ทำให้หน้าของโจตงและโจยู่ถานแดงถึงสุดขีด รู้สึกอับอายขายหน้า
พวกเขาอาศัยตระกูลกงซุนเพื่อมาตี้จิง มาร่วมงานของตระกูลนิ่งเพื่อจะใช้โอกาสได้รู้จักคนใหญ่คนโต แต่คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ ถูกตบเหมือนหมาต่อหน้าผู้คนมากมาย ถูกตบจนปากบวม ถูกหัวเราะเยาะ ชี้หน้าด่า
ไม่รู้ว่าไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนี่ ไปรู้จักกับผู้จัดงานอย่างอูหยางได้ยังไง ฉวยโอกาสกันชัดๆ
“พี่จื่อจู๋ ช่วยพวกเราพูดอะไรหน่อย” โจตงพูดอย่างน่าสงสาร
“พี่จู๋ พวกเราเป็นคนที่พี่พามานะ พวกเขาทำแบบนี้ ไม่ไว้หน้าพี่แม้แต่น้อย” โจยู่ถานปากบวมพูดไม่ชัด เหมือนลมออกจากปาก
กงซุนจื่อจู๋หน้าดำเคร่งเครียด พฤติกรรมของอูหยางแบบนี้ ไม่มีเขาอยู่ในสายตาจริงๆ
“ประธานอู ผมคือกงซุนจื่อจู๋แห่งตระกูลกงซุน ถึงแม้คุณจะไม่เห็นพวกเขาสองคนอยู่ในสายตา อย่างน้อย เห็นแก่หน้าผม ก็ควรจะเกรงใจกันบ้าง?” กงซุนจื่อจู๋พูดเสียงเรียบ สีหน้าโมโห
เขาเป็นตัวแทนของตระกูลกงซุนเพื่อมาร่วมงานของตระกูลนิ่ง ฐานะจะต่ำกว่าลูกเขยไร้น้ำยาจากต่างจังหวัดอย่างหลินอิ่งเหรอ แต่กลับช่วยหลินอิ่งมาจัดการคนที่เขาพามา ไม่รู้จริงๆว่าสมองอูหยางคิดอะไรอยู่
“เห็นแก่หน้าคุณเหรอ?” อูหยางมองหน้ากงซุนจื่อจู๋ หัวเราะเย็นชา
อะไรลูกหลานตระกูลกงซุน จะเทียบกับประธานหลินได้? คำพูดยังเทียบกันไม่ได้ ยังกล้ามาอวดดีตรงนี้
“ตีหมาต้องดูเจ้าของ ประธานอู คุณทำงานไม่มีเหตุผลแบบนี้ เดี๋ยวผมต้องหาตระกูลนิ่งเพื่อคุยเรื่องนี้หน่อย” กงซุนจื่อจู๋พูดเสียงเคร่งเครียด น้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“คุณอยากได้หน้า ถ้าอย่างนั้นผมก็ให้เต็มที่เลย” อูหยางพูดช้าๆ มองไปที่บอดี้การ์ดข้างกายทั้งสองคน “ลากตัวทั้งสามคนออกไป ตบจนปากแตก”
“อะไร? แก แกเป็นลูกน้องนิ่งซวน กล้าพูดจาแบบนี้กับฉัน?” ได้ยินคำพูดนี้ กงซุนจื่อจู๋โมโหทันที
เพียะ
อูหยางสะบัดมือตบไปที่หน้าเขา ตบไปที่หน้าของกงซุนจื่อจู๋ จากนั้น ก็ตบไปที่หน้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ตบจนกงซุนจื่อจู๋สีหน้ามึนงง แทบไม่อยากเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ซั๊ว บอดี้การ์ดฝีมือดีทั้งสองคนทั้งแตะทั้งต่อยจนกงซุนจื่อจู๋สามคนล้มอยู่กับพื้น ต่อยจนพวกเขาฟกช้ำดำเขียว ร้องโอดโอย
“ประธานหลิน รบกวนท่านแล้ว ผมจะจัดการสามคนนี้อย่างดี” อูหยางมองหลินอิ่ง พูดอย่างเคารพ
หลินอิ่งพยักหน้า มองไปที่พวกโจตง พูดเสียงเรียบ “ที่เมืองชิงหยูนผมโยนพวกคุณออกไปได้ ที่ตี้จิง ผมก็ทำได้เหมือนกัน”
จากนั้น หลินอิ่งหมุนตัว เดินขึ้นไปที่ห้องทำงานประธานที่ชั้นสาม
“แก ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาอวดดีที่นี่……”
พวกกงซุนจื่อจู๋มองหลังหลินอิ่งที่เดินจากไปอย่างสบายใจ ก็รู้สึกโมโห
เพียะ
พวกเขายังอยากด่าต่อ บอดี้การ์ดสองคนก็พุ่งไป ตบหน้าทั้งสองอย่างแรง
จากนั้น อูหยางพาบอดี้การ์ดทั้งสองลากตัวพวกกงซุนจื่อจู๋ออกจากงาน
ตลอดทางทั้งเตะทั้งถีบ ลงมืออย่างหนัก ทำเอากงซุนจื่อจู๋ทั้งสามคนร้องโอดโอยเจ็บปวด
เสียงดังปัง
กงซุนจื่อจู่ทั้งสามคนถูกโยนออกนอกอาคาร กลิ้งลงบันไดหัวทิ่ม
ทั้งสามคนหัวแตกเลือดอาบ ฝุ่นโคลนเต็มตัว บนหน้าก็มีรอยนิ้วมือแดงก่ำ ดูแล้วน่าสมเพช
“ไอ้แซ่อู แกกล้าโยนฉันออกจากงานเหรอ? คอยดู รอฉันกลับไปเรียกคนจากตระกูลกงซุน ถึงเวลาก็ดูว่าไอ้พ่อบ้านเล็กๆอย่างแก แล้วก็ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งคนนี้ จะรองรับความโมโหของฉันไหวไหม” กงซุนจื่อจู๋พูดอย่างไม่พอใจ
เขากงซุนจื่อจู๋ ถึงแม้จะไม่ใช่ทายาทของตระกูลกงซุน แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลกงซุน กลับถูกลูกเขยไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง ฉวยโอกาสคนเยอะดูถูกขนาดนี้