ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 327 กล้ามาท้าประลอง?
ยามค่ำคืน
หลินอิ่งกลับไปถึงอาคารซิงเฉิง นัดกับจางฉีโม่ไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหาร
อาคารซิงเฉิงชั้น12 ร้านอาหารที่ตกแต่งสวยหรูด้วยธีมสิบสองราศี นำเสนอให้ประธานหลินและคุณนายหลินโดยเฉพาะ
บนโต๊ะคริสทัลใบหนึ่ง เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายสีสัน ซุปแตงกวาทะเล ปลากะพงนึ่ง ขนมฟรานซิส เตกิล่า อาหารทั้งแบบจีนและตะวันตกครบถ้วน อย่างประณีต
หลินอิ่งนั่งอยู่ตรงข้ามจางฉีโม่ ทั้งสองคุยกันเรื่องทั่วไป
“ทางบริษัท จัดการเป็นยังไงบ้าง?” หลินอิ่งคีบเนื้อปลาหนึ่งชิ้นวางในถ้วยจางฉีโม่ เปิดปากถาม
จางฉีโม่ยิ้ม ท่าทางดีใจมาก กินข้าวไปเรื่อยๆ พูดว่า “ก็ดีค่ะ ทีมงานที่ถูซานพามามืออาชีพและเก่งมาก ไม่มีเรื่องอะไรต้องให้ฉันเป็นห่วง จัดการได้มีหลักการ”
“ก็เรื่องเกี่ยวกับรายละเอียด แนวทางของบริษัท ฉันกำลังศึกษาอยู่” จางฉีโม่พูดอย่างจริงจัง
“อย่างนั้นก็ดี ถ้าหากบริษัทมีปัญหาอะไรคุณไม่เข้าใจ ก็ให้ถูซานไปจัดการ” หลินอิ่งดื่มเหล้าไปคำหนึ่ง แล้วค่อยๆพูด
“อืม” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ก็คือปรับแก้จงเทียนซิงเฉิงทั้งหมด โครงการนี้ค่อนข้างใหญ่ ฉันว่าคงไม่เร็วขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน
“ไม่ต้องรีบ” หลินอิ่งยิ้มพูด นึกอะไรขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว ฉีโม่ หลังจากที่พวกเรามาที่ตี้จิงแล้ว คุณก็ยุ่งตลอด พอดีช่วงนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไร ถ้าอย่างนั้นก็หาโอกาสไปท่องเที่ยวที่สถานที่โด่งดังในตี้จิงกันไหม?”
ตั้งแต่มาถึงตี้จิงแล้ว เรื่องก็เยอะพอสมควร หลินอิ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับฉีโม่
“อืม……” จางฉีโม่คิดไปสักครู่ “ตี้จิงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ฉันก็อยากไปดูวิวสวยๆ แต่ช่วงนี้มีโครงการแบรนด์เครื่องประดับสำคัญชิ้นหนึ่ง เป็นงานเครื่องประดับสำหรับเปิดตัวบริษัท ฉันต้องไปควบคุมงานด้วยตัวเอง น่าจะยุ่งอีกหลายวัน รออีกสักพัก พวกเราค่อยไปด้วยกัน ฉันอยากไปเขตชมวิวภูเขาชุนเยว่”
“งั้นไปเขตชมวิวภูเขาชุนเยว่ ที่นั่นวิวสวยมาก” หลินอิ่งพยักหน้า เพราะว่าไปกับภรรยา ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจภรรยา
“ใช่แล้ว หลินอิ่ง วันนี้พ่อกับแม่โทรมา ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” จางฉีโม่นึกขึ้นได้ “ฉันมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเรียนมหาลัยในตี้จิง อยากย้ายโรงเรียน อยากย้ายไปโรงเรียนที่ดีหน่อย แต่ไม่มีหนทางอะไรในตี้จิง ก็เลยมาหาฉัน”
หลินอิ่งถาม “น้องสาว? คนไหน?”
ตั้งแต่เขาแต่งงานเข้าไปอยู่ตระกูลจาง ญาติฝั่งแม่ยายลู่หย่าฮุ่ย ไม่รู้จักใครเลย เพราะว่าลู่หย่าฮุ่ยไม่เคยเห็นเขาเป็นลูกเขยของตัวเองเลย ยังรู้สึกขายหน้า จะให้ตัวเองไปรู้จักญาติของเขาได้ยังไง
“ครั้งก่อนที่บ้านของลู่เวย ลูกสาวของอาหกฉัน เรียนมหาลัยอยู่ที่ตี้จิง ชื่อลู่จิ้ง” จางฉีโม่รีบพูดอธิบาย กลัวหลินอิ่งเข้าใจผิด
“น้องสาวคนนี้ของฉันดีกับฉันตลอด และเคารพฉันมาก” จางฉีโม่พูดอย่างเกรงใจ “วันนี้ฉันโทรหาพ่อแม่ฉัน บอกว่างานในตี้จิงยังยุ่งอยู่ จะอยู่ต่ออีกสักพัก ยังไม่กลับไป พวกเขาจึงบอกเรื่องนี้กับฉัน”
จางฉีโม่ในใจก็รู้สึกเอือมระอา ญาติฝ่ายพ่อแม่ รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเจริญก้าวหน้าแล้ว พ่อแม่ก็เป็นคนชอบโอ้อวด มีเรื่องอะไรนิดหน่อย ก็ชอบรับมาช่วย
สุดท้าย ตัวเองก็ต้องมาขอความช่วยเหลือหลินอิ่ง
ส่วนพ่อแม่ก็มีความเห็นต่อหลินอิ่งตลอด พูดยังไงก็ไม่เชื่อความสามารถของหลินอิ่ง ทำให้เธอรู้สึกทำตัวลำบาก
หลินอิ่งพยักหน้า พูด “เรื่องเล็กทั้งนั้น คุณให้ถูซานไปจัดการเลย”
ในตี้จิงใช้ความสัมพันธ์ย้ายโรงเรียนเรื่องเล็กแค่นี้ ถูซานจัดการได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้เขาจะไม่มีความสัมพันธ์ในระบบการศึกษาในตี้จิง ก็แค่เรื่องเงินเล็กๆน้อยๆ ขอแต่ฉีโม่ดีใจก็พอ
“หลินอิ่ง ขอบคุณมากที่คอยสนับสนุนฉันตลอด” จางฉีโม่พูดอย่างจริงจัง
หลินอิ่งยิ้ม พูดว่า “อย่าพูดแบบนี้กับผมอีก”
ติ๊ดติ๊ด
เวลาเดียวกัน มือถือหลินอิ่งก็ดังขึ้น
“ท่านอิ่ง ยุ่งอยู่ไหมครับ? ทางนี้มีเรื่องนิดหน่อยครับ โทรศัพท์ของหัวหน้าหยูโทรไม่ติด ต้องรบกวนท่านแล้ว” ในโทรศัพท์ เป็นเสียงของถังฮุยที่พูดอย่างระมัดระวัง
“เรื่องอะไร พูดเลย” หลินอิ่งพูด
หยูจื๋อเฉิงกำลังช่วยเขาจัดการเรื่องสำคัญอยู่ กำลังปิดโทรศัพท์อยู่ คาดว่าทางถังฮุยน่าจะมีเรื่องสำคัญต้องรายงาน
“ท่านอิ่ง วันนี้มีคนมาทุบโรงแรมจงเทียน สวีฉางเฟิงเป็นคนนำ กับเหยียนหลงของเขตเหยียนหวง พาคนมาด้วยตัวเอง”
ถังฮุยพูดอย่างจริงจัง “ผมรู้สึกว่า สวีฉางเฟิงอยากแก้แค้นให้ลูกชาย จ่อจงมาที่ท่านโดยเฉพาะ”
“โรงแรมจงเทียนถูกทุบแล้ว?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว
โรงแรมจงเทียนเป็นกิจการในนามของเขาเอง เป็นแหล่งบันเทิงที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล และยังเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเขตจงเทียน
การกระทำครั้งนี้ของสวีฉางเฟิง หมายถึงการเปิดสงคราม
เขาเอาความกล้ามาจากไหน? กล้าทำลายกิจการของตระกูลฉีอย่างเปิดเผยแบบนี้?
“ท่านอิ่ง ก่อนหน้านี้ผมทำธุระอยู่ข้างนอก ตอนที่มาถึง พวกเขาก็เอาคนไปแล้ว แต่ลูกน้องของผม ถูกพวกเขาทำร้ายจนตายไปหลายคน พวกเขาเอาทีมรถมาสามสิบกว่าคันบุกเข้ามา ลูกน้องผมที่อยู่ในโรงแรมพกปืนก็ขวางไม่ได้” ถังฮุยพูด “สวีฉางเฟิงตั้งใจมาหาเรื่อง ยังทิ้งคำพูดไว้ บอกให้ผมกับหัวหน้าหยูไปที่ตระกูลสวีเขตเหยียนหวงไปขอโทษเขา ไม่อย่างนั้น จะทุบกิจการของพวกเราไปทีละอย่าง”
“ผมรู้แล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย วางสาย
ดูแล้วสวีฉางเฟิงของตระกูลสวีคนนี้ จะช่วยลูกชายของเขาสวีชิงซงแก้แค้นให้ได้
แต่ก็น่าแปลกใจ ครั้งที่แล้วจัดการเหยียนหลงที่เขตเหยียนหวงเรียบร้อยแล้ว นายคนนี้ยังไม่เจียมตัวอีก? ยังกล้าพาคนมาทุบโรงแรมอีก หรือมีคนคอยหนุนหลังอยู่? หรือคิดว่ามีตระกูลสวีแห่งตี้จิงหนุนหลังก็กล้ามาท้าทาย?
“หลินอิ่ง คุณมีเรื่องด่วนไหม? งั้นรีบไปเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” จางฉีโม่พูดอย่างจริงจัง
“อืม” หลินอิ่งพยักหน้า “ฉีโม่ มีเรื่องอะไร โทรหาผม”
พูดกับฉีโม่แล้ว หลินอิ่งก็เดินออกจากร้านอาหาร สั่งให้ฮาเดสที่อยู่หน้าประตูไปเอารถ
ไม่นาน รถBentleyสีดำก็ขับออกจากจงเทียนซิงเฉิง ขับไปตามทางอันเจริญรุ่งเรือง