ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 336 ยั่วยุให้ลุกเป็นไฟ
หลินอิ่งเหลือบมองจ้าวหลินเอ๋อร์ตามปกติ และพูดอย่างใจเย็นว่า “สิ่งที่ควรพูด ผมพูดกับคุณไปหมดแล้ว ผมไม่ต้องการให้คุณเข้ามาพัวพันกับผมอีก”
“คุณไม่อยากรู้เลยเหรอ ฉันตามหาคุณเจอได้ยังไง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างสนุกสนาน
จ้าวหลินเอ๋อร์ส่งคนมาติดตามการเคลื่อนไหวของถูซานในเมืองจงเทียนซิงเฉิงอยู่ทุกเมื่อ ในคราวนี้ถูซานไปช่วยเด็กนักเรียนหญิงหาความสัมพันธ์ทางด้านระบบบการศึกษาของตี้จิง และยังช่วยทำเรื่องการย้ายโรงเรียนเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
สิ่งนี้ยังดึงดูดความสนใจของจ้าวหลินเอ๋อร์ ส่งคนไปตรวจสอบ และพบภูมิหลังทั้งหมดของลู่จิ้ง มาจากเมืองตุงไห่ ยืนยันว่าลู่จิ้งจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับฉีหยิ่นแน่นอน ต่อมาก็ส่งคนมาจับจ้องลู่จิ้งไว้ตลอดเวลา
เมื่อหลินอิ่งมาที่พับหงเหรินก่วนในคืนนี้ คนที่ติดตามลู่จิ้งก็ได้รายงานไปที่จ้าวหลินเอ๋อร์ทันที เธอก็รีบมาทันที และพบเจอหลินอิ่ง
“คุณหมายความว่าอย่างไร?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว จ้องเขม็งจ้าวหลินเอ๋อร์และถามว่า
จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉีหยิ่น หากคุณหลบเลี่ยงฉันอีกครั้ง ฉันจะไปหาผู้หญิงป่าเถื่อนที่คุณแต่งงานด้วยอยู่ข้างนอกโดยตรง ฉันจะคอยดูว่าคุณจะอธิบายได้อย่างไรเมื่อถึงเวลานั้น!”
“ฉันรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เป็นพี่สาวของแม่นางปากตลาดลู่จิ้งคนนี้ในวันนี้ ผู้หญิงคนที่ชื่อจางฉีโม่ใช่ไหม? ” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดด้วยท่าทางที่ควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ” เท่าที่ฉันรู้ จางฉีโม่ยังคงมีชื่อเสียงเล็กน้อยอยู่ในเมืองชิงหยูนของเมืองตุงไห่ เป็นประธานบริษํทเครื่องประดับขนาดเล็กแห่งหนึ่ง”
“ส่วนคุณ ฉีหยิ่นที่มีนามแฝงอยู่ในเมืองตุงไห่คือหลินอิ่ง? คุณยังเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองปีใช่หรือไม่? ” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างสนุกสนาน “ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่า คุณเล่นความลึกลับอะไรอยู่”
“ชีวิตของผม ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หลินอิ่งกล่าวอย่างใจเย็น
ด้วยพลังและความสามารถของจ้าวหลินเอ๋อร์ เมื่อรู้ว่าตัวเองคือฉีหยิ่น จึงไม่ยากเลย ที่จะค้นหาเรื่องราวในอดีตของเขาในเมืองตุงไห่
“จริงเหรอ? ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณคิดอะไรอยู่ในสมอง แม้แต่แม่นางปากตลาดอย่างลู่จิ้งก็ทนได้งั้นเหรอ? ” จ้าวหลิเอ๋อร์พูดอย่างไม่เข้าใจ “คนที่เหมือนกับลู่จิ้ง พี่สาวของเธอจะดีแค่ไหนกัน”
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมฉีหยิ่นถึงสามารถอาศัยอยู่กับคนระดับต่ำเหล่านี้เป็นเวลาหลายปีได้
“ฉีหยิ่น คุณไม่รู้หรือว่ามีอยู่คำพูดหนึ่ง? มังกรไม่อยู่กับงู” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เช่นเดียวกับลู่จิ้ง ญาติทางครอบครัวของจางฉีโม่ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนระดับต่ำ และพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะนับญาติกับคุณเลย พวกเขาไม่คู่ควร คุณเข้าใจหรือไม่?”
“คุณฉีหยิ่น เป็นลูกชายที่โดดเด่นของตระกูลฉีแห่งตี้จิง และเป็นมังกรของตระกูลฉี! หรือว่าคุณไม่รู้สึกมีความภาคภูมิใจในตัวเองบ้างเหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “มีเพียงฉันจ้าวหลินเอ๋อร์เท่านั้น ที่สามารถคู่ควรกับคุณได้”
“เรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเราก็เกิดมาเพื่อเป็นคู่กันอยู่แล้ว” จ้าวหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างตามที่ควรจะเป็น
ใช่ ในสายตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ ไม่สำคัญหรอกว่าหลินอิ่งและจางฉีโม่จะแต่งงานกันหรือไม่ เพราะในหัวใจของเธอ เธอถึงเป็นภรรยาที่มีชื่อจริงของหลินอิ่ง
มีสัญญาการแต่งงานระหว่างคุณท่านยักษ์ใหญ่ของประเทศหลุงสองคนของตระกูลฉีและตระกูลจ้าว ซึ่งใหญ่กว่าท้องฟ้าอีกด้วย!
สำหรับพวกจางฉีโม่ พวกเขาเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอก และไม่สามารถอยู่บนเวทีระดับสูงได้
หลินอิ่งดูเหมือนปกติ และพฤติกรรมของจ้าวหลินเอ๋อร์ทำให้เขานึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่ง คนที่อยู่ในเมืองตุงไห่หวางหงหลิง
หวางหงหลิงเป็นเช่นเดียวกับจ้าวหลินเอ๋อร์ ต่างก็เป็นลูกคุณหนูที่เกิดจากตระกูลที่ร่ำรวย ซึ่งนิสัยเสีย และครอบงำ
พวกเขาต่างก็มีความภูมิใจในตัวเอง
เพียงแต่ว่า มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองคน
หวางหงหลิงอย่างน้อยก็เป็นคนติดดินอยู่บ้าง รู้จักความสัมพันธ์ของมนุษย์ร้อนหนาวอยู่บ้าง เธอเพียงรู้สึกว่าเธอไม่ได้ต้อยไปกว่าจางฉีโม่เท่านั้น
และจ้าวหลินเอ๋อร์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นพระเจ้าที่ไม่สามารถเข้ากับคนโลกทั่วไปได้ วางตำแหน่งตัวเองสูงเกินไปในใจของเธอ
ในสายตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ ระดับของจางฉีโม่ และแม้แต่ผู้คนในเมืองตุงไห่ ล้วนมีตัวตนเหมือนมดตัวหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำ และไม่สามารถเปรียบเทียบกับเธอได้เลย
ดังนั้น เธอจึงไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดตัวเองจึงเลือกที่จะอยู่กับจางฉีโม่
“ฉีหยิ่น คิดดูเอาเอง” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา “ถ้าคุณปฏิเสธที่จะไปทำตามสัญญาแต่งงานที่ตระกูลจ้าว ฉันจะไปหาจางฉีโม่ ฉันจะบอกให้เธอรู้ แล้วเธอก็จะพบว่าเธอเป็นคนที่ไม่คู่ควรกับคุณ แล้วก็ปล่อยคุณไปอย่างมีสติ หรือว่า ฉันจะใช้พลังของตระกูลจ้าวจะดีกว่า!”
หลินอิ่งมองไปที่จ้าวหลินเอ๋อร์อย่างเย็นชา และพูดว่า “คุณกล้าแตะต้องเธอเหรอ?”
หัวใจของจ้าวหลินเอ๋อร์สั่น และรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก
เธอไม่กล้าที่จะแตะต้องจางฉีโม่จริงๆ เพราะถ้าฉีหยิ่นโกรธขึ้นมา ผลที่ตามมาจะใหญ่โตนัก
“ฉัน……….” น้ำเสียงของจ้าวหลินเอ๋อร์อ่อนลงเล็กน้อย และดวงตาของเธอเปียกชื้นกล่าวว่า “หรือว่าคุณไม่เห็นแก่ความรักในตอนนั้นแล้วหรือ? ฉันตามหาคุณมานานหลายปีแล้ว คุณก็ปฏิบัติต่อฉันแบบนี้เหรอ?”
“พูดตามตรง ถ้าคุณไม่ตามหาผม ผมคงลืมไปแล้วว่ามีคุณอยู่คนหนึ่ง” หลินอิ่งพูดอย่างช้าๆ “สัญญาแต่งงานในปีนั้น ผมหวังว่าตระกูลจ้าวของคุณจะถอนออกไปอย่างมีสติและเหมาะสม”
จ้าวหลินเอ๋อร์กแบะปาก ไม่พอใจมากนัก และกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ นี่คุณกำลังทำให้อับอายขายหน้า ฉันจ้าวหลินเอ๋อร์ ไม่มีวันถูกเทียบลงไปกับหญิงสาวบ้านนอกที่มาจากเมืองตุงไห่คนหนึ่ง!”
เธอเป็นลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลจ้าวในตี้จิง และมีสัญญาแต่งงานกับฉีหยิ่น หากถูกถอนออก เพราะหญิงสาวบ้านนอกเล็กๆ ในเมืองตุงไห่ มันเป็นความอัปยศที่ใหญ่เท่าฟ้าขนาดไหน? มันจะกลายเป็นตัวตลกไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว!
“ฉีหยิ่น ในช่วงนี้คุณเผชิญหน้ากับตระกูลสวีแล้วใช่หรือไม่? ฉันยินดีที่จะช่วยคุณ………” จ้าวหลินเอ๋อร์พยายามจะแสดงอะไรบางอย่าง
“คุณหุบปากไปได้แล้ว” หลินอิ่งกล่าวอย่างสงบ ขัดจังหวะคำพูดของจ้าวหลินเอ๋อร์
เขาหันหลังและเดินเข้าไปในรถ ฮาเดสสตาร์ทรถในตำแหน่งคนขับรถ และวิ่งตรงไปยังถนนที่พลุกพล่าน
สีหน้าของจ้าวหลินเอ๋อร์มืดมนลง และดวงตาของเธอมีความหนาวเย็น
เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่า เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทัศนคติของหลินอิ่งที่มีต่อเธอยังคงแข็งแกร่งเช่นนี้ และไม่ได้เห็นตัวเองที่เป็นคุณหนูของตระกูลจ้าวอยู่ในสายตาของเขาเลย
อย่างไรก็ตาม เธอเริ่มเชื่อมั่นในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ฉีหยิ่นคือคนที่เธอต้องการจะตามหา ชายผู้สามารถตกอยู่ในสายตาเฉียบแหลมของเธอได้
“กลับไปบ้านตระกูลจ้าวก่อน”
จ้าวหลินเอ๋อร์ออกคำสั่ง และบอดี้การ์ดหญิงที่อยู่ข้างๆ เธอเปิดประตูรถ และเธอก็ขึ้นรถและจากไป
หลังจากที่หลินอิ่งและทั้งสองคนต่างจากไป ลู่จิ้งก็เดินออกจากทางเข้าพับหงเหรินก่วนด้วยใบหน้าที่เสื่อมสภาพ จ้องไปที่ฉากนี้ ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“หลินอิ่งไอ้ขยะคนนี้ หลังมาถึงตี้จิง ยังกล้าที่จะพัวพันกับผู้หญิงอื่นอยู่ข้างหลังพี่สาวของฉัน” ลู่จิ้งกล่าวด้วยสายตาที่ชั่วร้าย เกลียดหลินอิ่งมากจนถึงที่สุด
ในความเห็นของเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นความผิดของหลินอิ่งไอ้ขยะคนนี้ทั้งหมด!
อีกอย่าง เขามีคุณสมบัติอะไร สำหรับไอ้ขยะเช่นนี้? มีสิทธิ์อะไรถึงแกล้งทำเป็นยิ่งใหญ่อยู่ต่อหน้านักเรียนชั้นนำจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของตี้จิงอันทรงเกียรติ?
ก็เป็นแค่ผู้ชายไร้ค่าที่เกาะกินพี่สาวของตัวเองเท่านั้นเอง!
ยิ่งลู่จิ้งคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น เธอโทรศัพท์ไปหาจางฉีโม่หนึ่งสาย
“ลู่จิ้ง ฉันให้พี่เขยของคุณไปแล้ว และพี่เขยของคุณบอกว่า ทางคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงห่วงใยของจางฉีโม่ ดังมาจากทางโทรศัพท์
“หื้อ พี่สาว หลินอิ่งไม่ได้มาช่วยฉันเลย แถมยังร่วมมือกับคนนอกมารังแกฉันอีกด้วย!” ลู่จิ้งแสร้งทำเป็นสำลักเสียง และพูดด้วยน้ำเสียงร้องไห้ “เขายังคงสนิทกับผู้หญิงคนอื่น และเล่นไปทั่วอยู่ข้างนอก ไม่ได้เห็นพี่สาวอยู่ในสายตาเลย