ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 382 หาเรื่องถึงที่?
บทที่ 382 หาเรื่องถึงที่?
หลินอิ่งกับคริสเดินออกจากห้องอาหาร “ดรีมคริสตัล”
แผนกต้อนรับร้านอาหารผองเฟย มีชายต่างชาติผมทองในชุดสูทสีแดงเข้มคนหนึ่ง ข้างกายยังมีชายต่างชาติร่างใหญ่ผิวดำอีกคน
“ออ? คุณคริส ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” ชายผมทองพูดด้วยสีหน้ายิ้ม “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ข่าเอ๋อร์ โม่เก๋อติงให้คุณมาพูดอะไรกับผม?” คริสพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้สนใจชายผมทองที่ทักทายอย่างเสแสร้ง
ข่าเอ๋อร์ยิ้ม พูดอย่างใจเย็น “คริส คุณไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้? ไม่ว่ายังไงก็เป็นเพื่อนเก่าแก่แล้ว คุณก็เป็นนายเก่าผมนะ?”
เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดว่า “คริส ผมเป็นตัวแทนของประธานโม่เก๋อติงมาคุยกับคุณ”
“ประธานโม่เก๋อติงมีคำพูดให้ผมมาบอกคุณ อย่าเสียเวลาคิดทำอะไร ในเมืองก่าง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประธานโม่ และอย่าคิดทำเรื่องอะไรไร้สาระ พูดอย่างไม่เกรงใจนะ คริส เรื่องที่คุณทำหลังจากมาถึงเมืองก่าง มันโง่เขลามาก” ข่าเอ๋อร์ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม มุมปากมีรอยเยาะเย้ย
คริสสีหน้าโมโห พูดเสียงเฉยชา “ฉันควรจัดการเรื่องยังไง ยังไม่ใช่สิทธิ์ที่คุณจะมาพูด กลับไปบอกโม่เก๋อติง กล้ายุ่งเรื่องฉันอีก ระวังฉันจะไม่เกรงใจ”
“ฮาฮา คริส อย่าโกรธขนาดนี้” ข่าเอ๋อร์สีหน้าได้ใจ “โกรธจะไปช่วยอะไรได้? คุณไม่เกรงใจแล้วจะทำอะไรได้?”
“พูดตามตรง ผมไม่เข้าใจ สมองคุณนี่คิดอะไรอยู่ ถึงได้มาเมืองก่างรับซื้อบริษัทผองเฟยที่ประธานโม่ถูกใจ ยังอยากแย่งลงมือก่อน รับซื้อบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจิน?”
ข่าเอ๋อร์พูดอย่างล้อเล่น “ผมไม่รู้ว่ามีใครสนับสนุนเงินทุนให้คุณอยู่เบื้องหลัง แต่ผมอยากบอกว่า นายทุนที่ลงทุนให้คุณ ช่างเป็นคนโง่จนหมดทางช่วยแล้ว”
ข่าเอ๋อร์เป็นรองประธานบริษัทลาตินกรุ๊ปแห่งเมืองก่าง เป็นลูกน้องคนเก่งอันดับหนึ่งรของโม่เก๋อติง รู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคริส อีกอย่าง สำหรับฝีมือการกระทำของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจิน เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง
เขารู้ดี ถึงแม้คริสจะเป็นตัวแทนบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ลำพังเขาคนเดียวไม่มีทรัพย์สินมากมายขนาดนี้ ที่สามารถรับซื้อบริษัทผองเฟยและบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจิน
ต้องรู้ว่า โม่เก๋อติงเป็นผู้คุมอำนาจที่แท้จริงของลาตินกรุ๊ปแห่งเมืองก่าง จากสถานการณ์การใช้เงินหมุนเวียนของลาตินกรุ๊ป ก็ต้องใช้เรี่ยวแรงไม่น้อย ใช้เวลาอยู่นานมากถึงบีบจนบริษัทผองเฟยจนถึงเหวได้
ส่วนคริส กลับซื้อบริษัทผองเฟยได้เพียงชั่วพริบตา นี่มันไม่คู่ควรกับฐานะของคริส
ดังนั้น โม่เก๋อติงก็เลยตัดสินเอง คริสต้องได้รับการสนับสนุนจากนายทุนลึกลับบางคนแน่นอน ดังนั้นจึงคิดอยากจะต่อต้านเขาโดยไม่ดูความสามารถตัวเอง
“เหอะ งั้นก็รอดูละกัน” คริสหัวเราะเย็นชา “โม่เก๋อติงนึกว่าอยากทำอะไรตามใจชอบที่เมืองก่างได้ แต่อย่าลืม ฉันต่างหากที่เป็นตัวแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของลาตินกรุ๊ป”
“ฮาฮา ตัวแทนลาตินกรุ๊ปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก? ท่านคริสของผม ท่านช่วยบอกผมหน่อย ในเมืองก่าง ท่านทำอะไรได้บ้าง?” ข่าเอ๋อร์สีหน้าล้อเล่น ถามอย่างเสียดสี “คุณไปรับซื้อบริษัทผองเฟยที่เกือบถูกประธานโม่เก๋อติงเล่นงานจนจะล้มแล้ว? หรือคุณคิดว่าตัวเองยังพลิกสถานการณ์ได้? จากนั้นละ อยากไปซื้อบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจิน ทำลายแผนการโครงการสถานบันเทิงของประธานโม่เก๋อติง?”
“แล้วไงละ? มีใครไว้หน้าคุณไหม? ในเมืองก่าง คุณก็เป็นแค่หมาไร้บ้านคนเดียวเท่านั้น”
ข่าเอ๋อร์พูดจาไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย โจมตีคริสอย่างบ้าคลั่ง เหมือนมีความเกลียดแค้นคริสอย่างมาก
“เหอะเหอะ” คริสหัวเราะอย่างเย็นชา “ข่าเอ๋อร์ นายไม่มีสิทธิ์มาอวดดีต่อหน้าฉัน ก็แค่ลูกน้องที่ล้มเหลวคนเดียวเท่านั้น ในอดีตนายอยู่สำนักงานใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ตอนนี้ก็ร่วมมือกับโม่เก๋อติง มาต่อต้านฉันแล้ว?”
ข่าเอ๋อร์หัวเราะ พูดว่า “คริส วันนี้ไม่เหมือนในอดีตแล้ว คุณต้องดูให้ชัดเจน ในเมืองก่างใครกันแน่ที่มีอำนาจที่แท้จริง”
“ใช่เหรอ? มีอำนาจที่แท้จริง?” คริสพูดเสียงเรียบ “นายมาหาถึงที่ ก็เพื่อมาอวดดีหาเรื่องฉัน? นายคิดว่าฉันทำอะไรนายได้เหรอ?”
ฮาเดสสายตามีแรงอาฆาต จ้องหน้าข่าเอ๋อร์
“ออ? ฮาเดส ลืมทักทายนายไปเลย” ข่าเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าได้ใจ “นี่นายกำลังตักเตือนข่มขู่ฉันเหรอ? ขอโทษด้วยนะ ข้างกายฉันก็มีคนฝีมือดีเหมือนกัน นายสองคน ทำอะไรฉันไม่ได้แม้แต่น้อย”
ชายร่างใหญ่ผิวดำข้างกายข่าเอ๋อร์ เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สวมใส่ชุดหนังกะทัดรัด กล้ามเนื้อบนร่างกายอันบึกบึน ดูแล้วน่าโหดเหี้ยม
“ควรพูดเรื่องงานแล้ว คริส คืนนี้ที่อาคารสุ่ยจิน มีงานเลี้ยงของแวดวงสังคมเมืองก่างที่ประธานโม่เก๋อติงจัดขึ้น ขอเชิญคุณไปร่วมงานด้วย คุณอยากแย่งชิงบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจินไม่ใช่เหรอ? ก็ดูว่าคุณจะกล้าไปไหม?” ข่าเอ๋อร์สีหน้าหยอกล้อ พูดอย่างมั่นใจ “ออ ใช่แล้ว ช่วยฉันไปบอกนายทุนเงินเยอะน่าโง่ที่อยู่เบื้องหลังนายคนนั้น เขาช่างโง่เหลือเกิน โง่เกินไร้ทางเยียวยาแล้ว”
“พอแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว คริส ช่วงนี้ผมฝึกคำพูดของประเทศหลุงคำหนึ่ง ผมขอมอบให้คุณ คุณควรรู้ดีในใจ”
เยอะเย้ยคริสจบแล้ว ข่าเอ๋อร์ก็ท่าทางพอใจอย่างมาก หมุนตัวไปช้าๆ อยากจากไป
“ผมให้คุณไปได้แล้วเหรอ?”
หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
มาหาเรื่องเยาะเย้ยถึงที่ ท่าทางหยิ่งยโสด่าทุกคนที่อยู่ในนี้หนึ่งรอบ อยากเดินออกไป?
คิดว่าที่นี่ไม่มีคนแล้วเหรอ?
“นายพูดอะไร? แก้นี่มันไอ้ลิงผิวเหลืองต่ำต้อย แน่จริงพูดอีกรอบ?” ข่าเอ๋อร์หันไปมองหน้าหลินอิ่งอย่างเย็นชา พูดอย่างโมโห
“คริส ไอ้ลิงผิวเหลืองนี่เป็นลูกน้องคุณเหรอ? ในมือคุณขาดคนมีฝีมือถึงขนาดนี้เลยเหรอ? แม้กระทั่งสัตว์หน้าโง่อย่างไอ้ลิงผิวเหลือง คุณยังรับสมัคร?” ข่าเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าดูถูก ท่าทางดูถูกประเทศหลุงอย่างชัดเจน
คริสสีหน้าเย็นชา ไม่กล้าพูดไปเรื่อย ไม่กล้าล้ำเส้นหลินอิ่ง
“ไอ้ลิงผิวเหลืองน่าโง่อย่างแกกล้าปะทะกับฉันเหรอ เฟยบี่ ไปต่อยมันจนให้มันคุกเข่าลง”
ข่าเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา “ฉันจะทำให้แกรู้ อะไรคือนายฝรั่งของแก แกมันไอ้ลิงผิวเหลืองหน้าโง่”
เขาเพิ่งพูดจบ ชายร่างใหญ่ผิวดำคนนั้นก็เดินเข้าไปด้วยสายตาดูถูก
“ไอ้ลิงผิวเหลืองผอมแห้ง ดูว่าฉันจะฆ่าแกยังไง”
ปัง
มีเสียงกระทบดังกลางอากาศ ร่างหลินอิ่งขยับอย่างสายฟ้าแลบ เร็วจนไม่มีใครมองมัน
เพียงแค่ยกเท้า ถีบเฟยบี่กระเด็น ถีบจนเขากระเด็นไปไกลสิบเมตร ร่างล้มลงที่ข้างกำแพงอย่างแรง จนเป็นหลุม ล้มลงบนพื้นจนกระอักเลือด ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“นี่”
ข่าเอ๋อร์ตกใจจนตาแทบกระเด็น
“คุกเข่า”
หลินอิ่งสายตาเย็นชา ตะโกนเสียงเข้ม
ตุ๊บตั๊บ
ข่าเอ๋อร์ถูกความเยือกเย็นของหลินอิ่งทำให้ตกใจจนเข่าอ่อน ฮวั๊กคุกเข่าลงบนพื้น ร่างสั่นไปทั้งตัว