ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 42 ไล่ออกนับจากนี้ไป
บทที่ 42 ไล่ออกนับจากนี้ไป
“ฟางผิง ช่างมันเถอะ ไว้หน้าเขาหน่อยสิ”หลี่หลานพูดขึ้นด้วยสีหน้าสะใจ หันไปมองจางฉีโม่“ฉีโม่ฉันรู้สึกว่าเธอจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแฟนใหม่แล้วล่ะ……”
“ผู้ชายแบบนี้มันก็แค่พวกน่าสมเพชไร้น้ำยาที่เกาะผู้หญิงกินเท่านั้นแหละ แถมยังชอบคุยโม้โอ้อวดไปทั่วอีก ไม่ช้าก็เร็วจะต้องอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครแน่นอน”หลี่หลานพูดขึ้น
“ใช่น่ะสิ ดูๆแล้ว นอกจากจะไปสร้างความอับอาย ก็ไม่มีอะไรดีแล้ว”หลี่เจิ้นพูดไม่ถนอมใจเลยแม้แต่น้อย สีหน้าท่าทางสะใจถึงที่สุด
คู่ของจางซิ่วเฟิง ยังอยากจะคุยโม้โอ้อวดความสามารถของจางฉีโม่ลูกสาวพวกเขา? แต่ด้านของลูกเขย กลับกดตระกูลของพวกเขาให้ตกต่ำลง!
คู่ของจางซิ่วเฟิงรู้สึกว่าไม่สามารถพูดหักล้างได้ เลยได้แต่จ้อง หลินอิ่งด้วยแววตาโกรธเกลียด
“บรื้น”
มีรถเมซาราตีดูแปลกตาคันหนึ่งขับเข้ามา กระจกรถเลื่อนลง ผู้ชายวัยกลางคนดูดีมีสไตล์ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมองมายังหลินอิ่ง จากนั้นใบหน้าก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม ก่อนจะลงมาจากรถ
หลินอิ่งรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ เจียงฉีที่เคยเจอกันเมื่อตอนเที่ยง
ฟางผิงพอมองเห็นเจียงฉีที่ลงมาจากรถเมซาราตี สีหน้าก็ตกใจ ยกมือขึ้นมาโบกๆทันที
“เป็นอะไร? ฟางผิงคนที่ขับรถคันนี้คือเพื่อนของนายเหรอ?”หลี่เจิ้นถามขึ้น
ฟางผิงพยักหน้าไม่หยุด แล้วก็เผยให้เห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์
“ซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ยเห็นแล้วยัง เพื่อนของลูกเขยตระกูลของผมขับรถเกรดนี้เชียวนะ”หลี่เจิ้นพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ“จากนี้ไปก็ไม่ต้องเอารถบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์5คนนั้นของลูกสาวพวกคุณมาพูดข่มแล้วนะ มันทำอะไรไม่ได้แล้ว”
ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดหวัง ครั้งนี้กะที่จะเอาลูกสาวของตัวเองเอาไปคุยอวดเปรียบเทียบกับตระกูลของหลี่เจิ้นสักหน่อย แต่ผลที่ได้ กลับแพ้ไม่เป็นท่า
ต้องโทษหลินอิ่งไอ้คนไร้อนาคต!
สองสามีภรรยามองหลินอิ่ง ด้วยสายตาหงุดหงิด
เจียงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสำรวจฟางผิงหนึ่งรอบ ก่อนจะถามขึ้น“คุณคือใคร?”
“ประธานเจียงท่านไม่รู้จักผมแล้วเหรอ? ตอนประชุมที่บริษัทหลักครั้งที่แล้ว ท่านยังชมผมอยู่เลย”ฟางผิงรีบพูดขึ้น“ผมเป็นผู้จัดการของบริษัทสาขาถนนไห่ปิน ฟางผิง เสี่ยวฟางไงครับ”
“สำนักงานถนนไห่ปิน? เสี่ยวฟาง?”เจียงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังครุ่นคิดอยู่
บริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ในเขตเหนือของเมืองก่อตั้งสำนักงานย่อยๆตั้งหลายสิบแห่ง ผู้จัดการสาขาย่อยก็หลายสิบคน จะไปจำเยอะแยะขนาดนั้นได้ยังไง
“อ๋อ? เสี่ยวฟางอย่างนั้นเหรอ?”เจียงฉียิ้มแห้งๆพร้อมกับพูดขึ้น
“ประธานเจียง ผมกับครอบครัวกำลังมาดูบ้านใหม่ที่นี่พอดีเลยครับ ถ้าไม่รังเกียจมารับประทานอาหารด้วยกันสิครับ”ฟางผิงพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ
“พอดีผมยังมีธุระต่อน่ะ”เจียงฉีตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“อ๋อครับ ถ้าอย่างนั้นท่านไปทำธุระเถอะครับ”ฟางผิงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เจียงฉีเดินไปยังหลินอิ่ง สีหน้าค่อยๆเผยให้เห็นรอยยิ้ม
“เอ้อ ผมจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักสักหน่อย นี่คือผู้จัดการใหญ่ของสำนักใหญ่บริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของพวกเราประธานเจียง”ฟางผิงพูดแนะนำขึ้นมาอย่างออกหน้าออกตา“ประธานเจียงผู้ที่ถือครองทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน!”
“สวัสดีครับประธานเจียง ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมานานแล้ว!รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้พบท่าน”หลี่เจิ้นพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ยื่นมือออกมากะที่จะจับมือกับเจียงฉี
เจียงฉีสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่เหลียวมองมือที่หลี่เจิ้นยื่นออกมาแม้แต่น้อย
ล้อเล่นอะไรกันอยู่ รู้จักก็ยังไม่รู้จัก จะมาจับไม้จับมืออะไร
หลี่เจิ้นยิ้มๆด้วยความรู้สึกอึดอัด แกล้งทำเป็นเอามือมาปาดเหงื่อ
ฟางผิงหันไปมองหลินอิ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ใช่แล้วประธานเจียง วันนี้มีคนบอกว่ารู้จักท่าน แถมยังแสร้งทำเป็นสนิทกับท่านต่อหน้าต่อตาผมด้วย ฟางผิงจ้องเขม็งหลินอิ่งด้วยสายเยือกเย็น พร้อมกับพูดขึ้น“หลินอิ่ง นี่คือประธานเจียงของบริษัทพวกเรา คนบ้านนอกแบบแกบอกว่าสนิทกับประธานเจียงไม่ใช่หรือไง? แถมยังคุยโม้โอ้อวดอีกว่าประธานเจียงจัดการธุระให้ตัวเอง? ไม่สำเหนียกตัวเองจริงๆว่าตัวเองเป็นใคร!”
“เศษสวะแบบแก คำพูดเหล่านั้นที่แกพูดออกมา เท่ากับว่ากำลังดูถูกประธานเจียงของพวกเราอยู่ แกรีบขอโทษประธานเจียงของพวกเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เจียงฉีสีหน้าบึ้งตึงไม่น้อย จู่ๆก็รู้สึกว่าไม่รู้จะกล่าวทักทายกับหลินอิ่งยังไงดี
ตอนแรกเขาเห็นหลินอิ่งลูกค้ารายใหญ่อยู่ที่นี่ ก็เลยลงรถจะมาทักทายสักหน่อย รู้จักกับเศรษฐีผู้มั่งคั่งท่านนี้แล้ว ก็อยากจะรู้ว่าพอจะเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่า
ใครจะไปรู้จู่ๆฟางผิงนี่โผล่มา เล่นซะจนเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวทักทายกับหลินอิ่งยังไงดี
ให้ตายเถอะ ประธานหลินเป็นเศษสวะ? ระดับคุณชายมหาเศรษฐีที่แค่เผลอทำบัตรธนาคารหายก็มีเงินในนั้นอยู่สองพันกว่าล้าน เรียกว่าเศษสวะ?
ฟางผิงพอเห็นสีหน้าที่บูดเบี้ยวของเจียงฉีก็พูดขึ้นอย่างสะใจทันที“หลินอิ่ง คนเกาะผู้หญิงกินแบบแกทำไมไม่พูดไม่จาเลยล่ะ? เห็นก่อนหน้านี้แกยังกล้าคุยโม้ถึงขั้นเอาประธานเจียงของพวกเรามาพูดถึงด้วยอยู่เลย ตอนนี้มาเจอตัวเป็นๆเลยกลัวสินะ ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ตอนนี้ประธานเจียงคงจะรู้สึก
เส้นเลือดที่หน้าผากของเจียงฉีปูดออกมา คิดจะมาก้าวก่ายหลินอิ่งมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งระดับนี้ก็ก้าวก่ายได้อย่างนั้นเหรอ? จะรับมือกับความโกรธเดือดดาลของคนระดับนี้ไหวเหรอ?
“หุบปากซะ!”เจียงฉีจ้องเขม็งฟางผิงด้วยแววตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้น
“ประธานเจียง นี่มัน?”ฟางผิงถูกด่าตอบกลับจนรู้สึกมึนงง เป็นสถานการณ์ที่สับสนไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถามประธานเจียง จึงได้แต่ปิดปากเงียบไปซะอย่างนั้น
“ประธานหลินสวัสดีครับ”เจียงฉีสีหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม พร้อมกับพูดทักทายหลินอิ่ง
“สวัสดีครับ”หลินอิ่งก้มหัวเล็กน้อย
ทำไมคนระดับประธานเจียงถึงเรียกไอ้เศษสวะแบบนี้ว่าประธานหลิน ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?
ในขณะนี้หลี่เจิ้นกับฟางผิงหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรู้จักกับเจียงฉีจริงๆ
“ประธานหลิน ฟางผิงคนนี้เป็นพนักงานของบริษัทย่อยของพวกเรา ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไร ท่านไม่ต้องคิดมากนะ ผมจะจัดการเอง” เจียงฉีพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“คนของบริษัทท่าน ช่างน่าเป็นห่วงเหมือนกันนะครับ”
เจียงฉีสีหน้าบึ้งตึง ในใจเริ่มตื่นตระหนก
ดูท่าประธานหลินเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว คนระดับที่ถือครองทรัพย์สินอย่างน้อยหลายพันล้าน!แม้ว่าตนเองจะถือครองกว่าร้อยล้าน ก็ยังไปก้าวก่ายไม่ได้เลย แค่ประธานหลินถือสาเอาความนิดหน่อย ตนเองก็คงจะแบกรับไม่ไหวแล้ว
ครั้งที่แล้วก็กังวลว่าจะเผลอไปรุกรานประธานหลิน เข้า กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง ก็เลยไปขอโทษด้วยตัวเอง
“ประธานหลินขออภัยด้วยครับ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ท่านได้โปรดอย่าอคติเลยนะครับ คนของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของพวกเรามีการศึกษาสูงกันทั้งนั้นครับ”เจียงฉีพูดขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเต็มหน้าผาก
“ประธานเจียง ทำไมท่านถึงต้องเกรงใจไอ้เศษสวะนี่ด้วย?”ฟางผิงถามขึ้น เขารู้สึกสับสน คนที่เกาะผู้หญิงกินแบบหลินอิ่ง มีคุณสมบัติอะไรถึงสามารถทำให้ประธานเจียงแสดงความขอโทษได้
“ฟางผิงจากนี้ไป คุณไม่ต้องมาเรียกผมว่าประธานเจียงอีกแล้ว”เจียงฉีมองฟางผิงด้วยสายตาเย็นชา“คุณไม่มีคุณสมบัติมากพอ คุณกำลังทำลายชื่อเสียงของบริษัท”
“ตอนนี้ผมขอแจ้งให้คุณทราบอย่างเป็นทางการว่า ผมขอไล่คุณออกนับจากตรงนี้ จากนี้ไป คุณไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทย่อยอีกแล้ว ผมจะโทรศัพท์ไปหาเลขาทันที ให้ลบรายชื่อของคุณออกจากทำเนียบรายชื่อพนักงานของบริษัท”เจียงฉีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เดี๋ยวสิ!ประธานเจียง? ผมทำอะไรผิด?”ฟางผิงพูดขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ เหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก
เจียงฉีมองฟางผิงด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“ไม่ต้องมาพูดพล่ามอะไรกับผม คุณถูกไล่ออกแล้ว คุณนเป็นผู้จัดการของบริษัทย่อย บริษัทหลักน่าจะให้รถอาวดี้A8กับคุณใช้ด้วยใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้ก็เอากุญแจรถออกมาซะ”
“ผมจำได้ว่าบริษัทจัดสรรบ้านของชุมชนสุ่ยหยวนให้คุณมีอำนาจใช้แต่เพียงผู้เดียวด้วย ตอนนี้ ก็ส่งกุญแจบ้านมาให้ผมด้วย