ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 420 ทำลายวิชาทั้งหมด
“นายน้อยจ้าว ผมจัดให้จอมพลสิบสามไปจัดการหลินอิ่ง เพื่อให้เขาถอนตัวออกไป” หรงหยังพูดอย่างจริงจัง
จ้าวเฉิงเฉียนลูบคลำแหวนหยก ถามว่า “จอมพลสิบสาม? ก็คือคนโหดทั้งสิบสามคนที่เคยร่วมมือกันฆ่าล้างยอดฝีมือท้ายๆรายการแห่งคน?”
“ครับ นั่นก็คือจอมพลสิบสาม” หรงหยังพยักหน้า
จ้าวเฉิงเฉียนหรี่ตา กำลังคิดอะไร
เขาเคยได้ยินจอมพลสิบสาม นี่เป็นนักสู้มือทองที่มีความสามารถที่สุดในกลุ่มย่อยสำนักในเมืองก่างของแก๊งหยางเหมิน เป็นสมาชิกที่ฝีมือดีที่สุดในมือหรงหยัง ทั้งสิบสามคนฝึกวิชาสายเดียวกัน ร่วมมือกันแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือรายการแห่งคนยังฆ่าได้
ต้องรู้ว่า กลุ่มย่อยสำนักแก๊งมังกรในเมืองก่าง เป็นหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ โครงสร้างและอำนาจใหญ่โต
เพราะว่า เมืองก่างตั้งอยู่จุดที่สำคัญ เป็นหน้าต่างที่สำคัญที่สุดของประเทศหลุงกับต่างประเทศ อำนาจทั้งในและต่างประเทศต่างอยากยุ่งเกี่ยว
หรงหยังสามารถมีอำนาจใหญ่โตในเมืองก่าง ท่ามกลางอำนาจและบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย สามารถดูแลได้ดีจนทำให้แก๊งมังกรชื่อเสียงโด่งดัง
นี่ก็รับรองได้ว่า ความสามารถของหรงหยังกับลูกน้องจอมพลสิบสามนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
“จากการคาดการณ์ของนาย จอมพลสิบสามสามารถจับตัวหลินอิ่งได้ไหม?” จ้าวเฉิงเฉียนถามอย่างเรียบเฉย
หรงหยังขมวดคิ้ว คิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “จอมพลสิบสามกับหลินอิ่งน่าจะเท่าๆกัน”
“ก่อนหน้านี้ผมรวบรวมข้อมูลของหลินอิ่ง คนคนนี้สามารถจัดการตระกูลเหวินทั้งตระกูล ยังบีบจนให้สวีไป๋เห้อของตระกูลสวีคุกเข่า”
หรงหยังพูดอย่างเชื่องช้า “ถึงแม้ตอนนั้นความสามารถของตระกูลเหวินจะไม่พอเพียง เป็นตระกูลผู้ดีใหม่ แต่เบื้องหลังมีอำนาจลึกลับคอยสนับสนุน ความสามารถพอเพียงที่จะฆ่าล้างตระกูลฉีที่ไม่มีฉีเวิ่นติ่ง”
“ผมคาดว่า ความสามารถของหลินอิ่ง น่าจะอยู่ในลำดับยอดฝีมือลำดับที่ประมาณเก้าสิบ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าหลินอิ่งมีคนคอยปกป้อง”
หรงหยังพูดความจริง
คุณชายอิ่งแห่งตระกูลฉีท่านนี้ ครั้งที่แล้วกลับคืนสู่ตี้จิงอย่างแข็งแกร่ง เป็นที่สนใจของอำนาจทั้งหมดในประเทศหลง สำหรับข้อมูลที่ได้ น่าเสียดายที่คนคนนี้ลึกลับเกินไป ข่าวที่ได้ค่อนข้างน้อย
“หัวหน้าสำนักเมืองก่างอย่างนายก็บริหารได้ไม่เลว กับข่าวกรองที่ฉันได้มาใกล้เคียงกันมาก” จ้าวเฉิงเฉียนพูด ยอมรับในสิ่งที่หรงหยังพูด
ผลงานของหลินอิ่ง ฟังแล้วค่อนข้างน่ากลัว
ฆ่าล้างตระกูลเหวินแห่งตี้จิง กดดันตระกูลสวี
แค่สองเรื่องนี้ ก็สามารถทำให้ผู้คนเลื่องลือดั่งเทพแล้ว
แต่สำหรับจ้าวเฉิงเฉียนแล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหวาดกลัว
เพราะว่า ศูนย์กลางอำนาจของห้าตระกูลใหญ่ในตี้จิงนั้น ล้วนอยู่ในมือของนายท่านผู้นำตระกูล
ตอนที่หลินอิ่งกดดันตระกูลสวี นายท่านตระกูลสวีไม่ได้ลงมือ
ส่วนหลินอิ่งฆ่าล้างตระกูลเหวิน ตระกูลเหวินเลือกที่จะหดหัวหนีเหมือนเต่า
ส่วนครั้งนั้นที่ตระกูลเหวินฆ่าล้างตระกูลฉี ก็ฉวยโอกาสตอนที่ฉีเวิ่นติ่งป่วยหนัก
ต้องรู้ว่า นายท่านตระกูลสวีไม่ลงมือ แล้วก็ฉีเวิ่นติ่งป่วยหนักหมดสติ นี่ก็หมายความว่า ทั้งสองตระกูลไม่ได้ใช้อำนาจลึกลับของ
ห้าวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งประเทศหลุงล้วนมีอำนาจลึกลับอันแข็งแกร่ง แต่ว่า ไม่ถึงเวลาความเป็นความตายของวงศ์ตระกูล จะไม่ใช้อย่างเด็ดขาด
ระหว่างโลกอันลึกลับและโลกทั่วไปนั้น มีข้อตกลงกัน……
“เพียงแค่ว่า เท่าที่ฉันดูแล้ว ห้าสิบห้าสิบมันสูงไป” จ้าวเฉิงเฉียนพูด “น่าจะยี่สิบแปดสิบ ลูกน้องนายจอมพลสิบสาม สู้กับหลินอิ่งโอกาสชนะน่าจะมีแค่ยี่สิบ”
“มีโอกาสชนะแค่ยี่สิบ?” หรงหยังขมวดคิ้วมองไปที่จ้าวเฉิงเฉียน คิดในใจ ดูเหมือนจ้าวเฉิงเฉียนก็ค่อนข้างเข้าใจในตัวหลินอิ่งพอสมควร แต่ไม่รู้ว่าจ้าวเฉิงเฉียนหาหลินอิ่งเพื่ออะไร
“นายน้อยจ้าว ขอโทษด้วย” หรงหยังถามอย่างจริง “ไม่ทราบว่า เจ้าสำนักมาหาหลินอิ่งที่เมืองก่าง เพราะเรื่องอะไร?”
จ้าวเฉิงเฉียนยิ้ม พูดว่า “หรงหยัง ฉันบอกนาย”
“หลินอิ่งถือว่าเป็นคนครึ่งหนึ่งของตระกูลจ้าว เรื่องของเขา นายไม่ต้องยุ่ง”
“ไม่ว่าจะบอกให้หลินอิ่งถอย หรือจะฆ่าหลินอิ่ง ต้องตระกูลจ้าวเป็นคนตัดสิน”
จากคำพวกที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หรงหยังหุบปากไม่พูด รู้สึกกดดันอย่างมหาศาล
เขาคิดในใจ จ้าวเฉิงเฉียนเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างมีอำนาจ รับมือทุกอย่างต่อ
เรื่องนี้ เขาหรงหยังก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรแล้ว
แต่ว่า กังวลข้อตกลงระหว่างเขากับจี้ฉงซาน และผลประโยชน์ส่วนตัว
เพราะว่า ถ้าหากเทพแห่งเงินทองอย่างจี้ฉงซานล้มไป สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องการเสียผลประโยชน์ที่รุนแรงมาก
“นายไม่ต้องคิดผลประโยชน์ของนายแล้ว” จ้าวเฉิงเฉียนพูดเชื่องช้า “ฉันรู้ว่าจี้ฉงซานเป็นเทพแห่งเงินทองของนายในเมืองก่าง”
“แต่ว่า เรื่องบางเรื่องที่ไปยุ่งเกี่ยวแล้ว ก็คือไม่ตายไม่จบสิ้น นายได้เงินทองมากมายก็ไม่มีชีวิตได้ใช้มัน”
พูดจบ จ้าวเฉิงเฉียนไม่พูดอะไรอีก ให้หรงหยังเอาไปคิดเอง
“แจ้ง”
เวลานี้ ชายชุดดำคนหนึ่งตีลังกาเข้ามาอยู่ตรงหน้าจ้าวเฉิงเฉียน ก้มหัวพูด
“นายน้อย การต่อสู้ข้างล่างสิ้นสุดลงแล้ว จอมพลสิบสามแก๊งหยางเหมิน เวลาไม่ถึงธูปหนึ่งดอก ก็พ่ายแพ้หมดแล้ว”
“จอมพลสิบสามถูกทำลายวิชาจนหมดสิ้น ผมดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ไม่เห็นสำนักวิชาที่หลินอิ่งใช้”
พูดจบ ทุกคนเงียบสงบ ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้ร่วง
หรงหยังสีหน้าตะลึง มองหน้าคนที่มารายงาน ใบหน้าแดงก่ำด้วยอาการอับอาย และโกรธแค้น
เขาคิดไม่ถึง ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าผลแพ้ชนะห้าสิบห้าสิบ ปรากฏว่าผลกลับเป็นแบบนี้
ลูกน้องในมือ จอมพลสิบสามร่วมมือกันสู้กับหลินอิ่ง กลับใช้เวลาไม่ถึงธูปหนึ่งดอก
ขายหน้าขายไปถึงบ้านยายแล้ว ความสามารถแค่นี้ ยังมาบอกให้คนอื่นเขาออกจากเมืองก่าง?
โดยเฉพาะ ยังต้องขายหน้าต่อหน้าจ้าวเฉิงเฉียนแบบนี้อีก
ดังนั้น จึงทำให้หรงหยังรู้สึกโมโหอย่างมาก
จอมพลสิบสามนั้นเป็นถึงมือซ้ายมือขวาของเขา ลูกน้องระดับยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง กลับถูกหลินอิ่งทำลายวิชาจนหมด กลายเป็นคนไร้น้ำยาหมดแล้ว?
ยอดฝีมือระดับนี้ ไม่ได้ฝึกฝนออกมาง่ายๆ
ความเสียหายระดับนี้ เงินทองมากแค่ไหนก็ทดแทนไม่ได้
“ออ? ทำลายวิชาจนหมด?” จ้าวเฉิงเฉียนรู้สึกสนใจ “น่าสนใจ หรงหยัง จอมพลสิบสามในมือนายถูกทำลายหมดแล้ว นายจะพูดยังไง?”
ผลลัพธ์แบบนี้ สำหรับจ้าวเฉิงเฉียนแล้วค่อนข้างแปลกใจ
หลินอิ่งทำลายวิชาจอมพลสิบสาม เท่ากับว่าช่วยเขาอย่างมาก ถอนฟันเสืออย่างหรงหยังไปแล้ว
อนาคต เขาต้องชำระสำนักในเมืองก่าง ควบคุมคนอย่างหรงหยัง ก็ง่ายขึ้นมาเยอะ
ดูแล้ว หลินอิ่งผู้ชายที่น้องสาวจ้าวหลินเอ๋อร์เลือก ก็พอมีอะไรอยู่บ้าง
“นายน้อยจ้าว” หรงหยังพูดเสียงเรียบ “หลินอิ่งยโสโอหังขนาดนี้ ผมไม่มีวันยอมแน่”
“จากแผนการของผม ผมต้องลงไป จัดการมันเอง”
จ้าวเฉิงเฉียนพูดเสียงเรียบ “หลินอิ่งทำลายวิชาคนของนาย นายจะไปเอาคืน เรื่องนี้ ฉันไม่ขัดขวางนาย นายไปจัดการเอง”
หรงหยังแววตาประกาย สีหน้าเคร่งเครียด หันหลังเดินลงไป
เขายังกังวลจ้าวเฉิงเฉียนจะยุ่ง ขัดขวางเขาไปหาเรื่องหลินอิ่ง
ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแตกแยกแล้ว
หนึ่งนาทีผ่านไป
อาคารสุ่ยจิน ในออฟฟิศประธาน
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ยืนมือไขว้หลัง
รอบตัวเขา ชายชุดดำหน้าโหดแต่ละคนนอนอยู่บนพื้น ทุกคนต่างมองหลินอิ่งด้วยสายตาหวาดกลัว เหมือนดั่งมองเทพ
หงต้าเลือดไหลจากมุมปาก คุกเข่าอยู่บนพื้น มีดที่ถือในมือก็หักออกเป็นสองท่อนแล้ว ปลายมีดยังมีเลือดของตัวเอง