ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 424 มีความสามารถที่จะเป็นน้องเขยฉันไหม?
“เรื่องบางอย่าง ไม่วัดด้วยเงินไม่ได้” หรงหยังพูดอย่างเรียบเฉย “ผมติดหนี้บุญคุณจี้ฉงซาน ได้คืนไปแล้ว ไม่ได้ติดอะไรกับเขา สำหรับเรื่องช่วยหลินอิ่งทำงาน นั่นเพื่อทำตามกติกา คนฝึกวิชาการต่อสู้อย่างพวกเรา สามารถเล่นกลไกได้ แต่เรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้นั้น คำพูดที่พูดออกไปก็ต้องรักษาสัญญา แพ้แล้วก็ก็ยอมรับ”
ขอให้คนที่ฝึกวิชาการต่อสู้จนถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องมีจิตวิญญาณในการเคารพวิชาการต่อสู้
“หัวหน้าแก๊ง พวกเราเข้าใจแล้ว”
พูดไป หรงหยังก็รีบตามหลินอิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าอาคารสุ่ยจิน
สามนาทีผ่านไป
หลินอิ่งปรากฏตัวอยู่บน เขาสวมใส่ชุดดำกะทัดรัด เสื้อถูกลมพัดไสว แปร่งประกายความเย็นชาทั้งร่าง
ส่วน หรงหยังสีหน้าเคร่งเครียดยืนอยู่ข้างหลินอิ่ง
“คุณก็คือจ้าวเฉิงเฉียน? บอกผมมา ว่าคุณมาหาผมที่เมืองก่าง เพราะเรื่องอะไร?”
หลินอิ่งมองไปที่ชายชุดสูทสีขาวที่นั่งบนเก้าอี้ พูดเสียงเรียบ
ท่ามกลางน้ำเสียงอันเรียบเฉยของหลินอิ่งนั้น แปร่งประกายความแข็งแกร่งที่ทำให้คนต้านทานไม่ได้
จากการมาถึงของเขา พวกจ้าวเฉิงเฉียน ต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจ ต่างก็พากันหันไปมอง
วินาทีที่สบตากัน นอกจากจ้าวเฉิงเฉียนแล้ว ทุกคนที่ติดตามอยู่ข้างกายเขา ต่างพากันถอยหลัง เหมือนกับเห็นอสูรร้ายตัวหนึ่ง
หลินอิ่งกวาดสายตามองมา ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวตัวสั่น เหมือนถูกมังกรร้ายตัวหนึ่งจ้องมองอยู่
ความกดดันท่ามกลางความเรียบเฉยนั้น ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
ความรู้สึกแรกที่มีต่อหลินอิ่ง
ให้จ้าวเฉิงเฉียนความรู้สึกถึงความลึกซึ้งจนยากที่จะคาดเดา
“ใช่แล้ว ผมก็คือจ้าวเฉินเฉียน” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเชื่องช้า “ผมมาหาคุณที่เมืองก่าง เพื่อจะมาทดสอบดูว่าหลินอิ่งนาย มีความสามารถพอที่จะเป็นน้องเขยฉันไหม”
“ได้ยินมาว่า คุณยโสอวดดี? ที่ตี้จิง ปฏิเสธน้องสาวผมครั้งแล้วครั้งเล่า? ยังอวดดีไร้มารยาท?”
“ผมจะดูว่า นายหลินอิ่งเอาความมั่นใจมาจากไหน กล้าไม่มีน้องสาวผมในสายตา”
จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเชื่อมั่น พูดเหมือนกับน้องสาวตัวเองชอบใคร คนนั้นก็ต้องมาชอบน้องสาวของเขา เหมือนดั่งตัวเองสูงส่ง
หลินอิ่งส่ายหัว
“เรื่องของน้องสาวคุณ ไม่เกี่ยวกับผม”
“อะไร? ไม่เกี่ยวกับคุณ?” จ้าวเฉิงเฉียนฟังแล้ว โมโหเหมือนดั่งจะระเบิด ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชี้หน้าหลินอิ่ง “นายกับน้องสาวฉันมีสัญญาหมั้นหมายกับแต่เด็ก จนถึงวันนี้แล้วนางเด็กคนนี้ยังหลงนายอยู่ นายกล้าพูดว่าไม่เกี่ยวกับนาย?”
หลินอิ่งไม่อยากอธิบาย
“ช่างเถอะ” จ้าวเฉิงเฉียนยิ่งดูท่าทางยโสของหลินอิ่ง ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
คิดถึงน้องสาวของเขาจ้าวหลินเอ๋อร์ คุณหนูที่ถูกดูแลมาอย่างดี หลังจากได้เจอกับหลินอิ่งแล้ว ก็หลงจนไม่รู้จะพูดยังไง ความโมโหมันก็ขึ้นมาทันที
ในตี้จิงมีคุณชายมากหน้าหลายตาเข้าแถวมาตามจีบน้องสาวของเขา ปรากฏว่า น้องสาวของตัวเองกลับถูกไอ้หนุ่มหลินอิ่งนี่ทำให้เสียเวลา แต่ละวันก็เหมือนคนทุกข์เพราะความรัก
“วันนี้ฉันจะสั่งสอนนายเอง” จ้าวเฉิงเฉียนพูดเสียงเย็นชา “คิดว่าตัวเองเป็นคุณชายอันดับหนึ่งแห่งตี้จิงไปแล้วเหรอ? ไม่มีใครเป็นคู่แห่งนายแล้ว?”
หลินอิ่งรู้สึกตลก อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก
จ้าวเฉิงเฉียนกับน้องสาวของเขาจ้าวหลินเอ๋อร์ ไม่เสียดายที่เป็นพี่น้องกัน
ไร้เหตุผลเหมือนกัน ท่าทางเหมือนโลกทั้งใบต้องหมุนรอบพวกเขา
“จ้าวเฉิงเฉียน เป้าหมายที่มาเมืองก่างคืออะไร ผมไม่อยากสนใจ” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “แต่ว่า อย่าขัดขวางเรื่องที่ผมจะทำ”
“ไม่อย่างนั้น อย่าโทษผมว่าไม่ไว้หน้านายท่านตระกูลจ้าวของพวกคุณ”
“ออ?” จ้าวเฉิงเฉียนมองหลินอิ่งอย่างน่าสนใจ “นี่กำลังเตือนฉันเหรอ?”
พูดไป จ้าวเฉิงเฉียนแววตากะพริบ มองไปที่หรงหยังที่อยู่ข้างหลินอิ่ง ด้วยสายตาแปลกใจ
เขาดูออกว่า หรงหยังถูกหลินอิ่งสู้จนยอมแพ้แล้ว
“หรงหยัง? นายแพ้ให้เขาแล้ว?” จ้าวเฉิงเฉียนถามด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องของฉัน นายเป็นคนบอกเขา?”
หรงหยังสายตาลำบากใจ พูดว่า “นายน้อยจ้าว ผมวิชาสู้เขาไม่ได้ แพ้แล้ว”
“ผมตอบตกลงแล้ว จะช่วยอาจารย์หลินจัดการธุระเรื่องหนึ่งในเมืองก่าง ดังนั้นเรื่องจะส่งมอบกลุ่มย่อยสาขาเมืองก่างให้ท่าน ต้องรอสักพัก”
หรงหยังจะช่วยหลินอิ่งหาจี้ฉงซาน แน่นอนว่าต้องใช้คนในสำนักเมืองก่าง
ถ้าเช่นนี้แล้ว ก็มีเวลาชะลอออกไปสำหรับการเผชิญความกดดันต่อหน้าจ้าวเฉิงเฉียน
หากมองในมุมอื่น หรงหยังนี่ก็เหมือนในลาภจากความโชคร้าย
ถึงแม้ว่าจะช่วยหลินอิ่งไปหาจี้ฉงซาน สูญเสียเทพแห่งเงินทองอย่างจี้ฉงซานไป แต่ว่า กลับได้เทพอย่างหลินอิ่งมา สามารถขวางแรงกดดันจากจ้าวเฉิงเฉียนได้ ไม่ต้องถูกจ้าวเฉิงเฉียนปลดจากตำแหน่งหัวหน้าสำนักในเมืองก่างทันที
สำหรับหรงหยังแล้ว กิจการอำนาจในเมืองก่าง นั้นเป็นรากฐานทั้งหมดของเขา
“หรงหยัง? นายพูดอะไร?” จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเปลี่ยน จ้องหน้าหรงหยังสีหน้าโมโห
“นายจะหักหลังฉันเหรอ? หักหลังแก๊งหยางเหมิน?” จ้าวเฉิงเฉียนถามน้ำเสียงเย็นชา ส่อแววแห่งความน่ากลัว
ทำไมเขาจะฟังความหมายในคำพูดหรงหยังไม่ออก จะหันไปอยู่ฝ่ายหลินอิ่ง จะเอาหลินอิ่งมาต่อต้านเขา
นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมได้
ไม่รู้ว่าหรงหยังลงไปไม่กี่นาที จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น?
หลินอิ่งนี่มีความสามารถอะไรกัน? ทำให้ยอดฝีมือยโสคนหนึ่งอย่างหรงหยัง ยอมแพ้เขาด้วยความเต็มใจ?
“นายน้อยจ้าว ไม่ถึงขั้นหักหลัง ผมแพ้ให้อาจารย์หลิน ก็ต้องทำเรื่องนี้ให้” หรงหยังพูดอย่างจริงจัง
“เหอะเหอะเหอะ……กล้าดีจริงๆ” จ้าวเฉิงเฉียนโมโหมากจนหัวเราะ “หรงหยัง นายคงหรือว่า ได้พึ่งหลินอิ่ง? ฉันจะทำอะไรนายไม่ได้? จะมาหักหลังฉัน?”
เหตุการณ์พลิกผัน จนเกินที่จ้าวเฉิงเฉียนจะคาดการณ์ได้
ตอนแรกอยากใช้หรงหยังเพื่อไปทดสอบบรรทัดฐานของหลินอิ่ง จากนั้นก็ถือโอกาสเอาคืนหลินอิ่ง
แต่คิดไม่ถึงเลย สถานการณ์เปลี่ยนไปจนแย่ขนาดนี้ หรงหยังกลับแปลพรรค? ยังถูกหลินอิ่งปราบจนอยู่มือ?
สถานการณ์ตอนนี้ ตอนแรกหลินอิ่งสำหรับเขาแล้วก็เป็นเหมือนเหงื่อที่ถูกตามล่า
พอมาแล้วถึงรู้ว่า หลินอิ่งไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆอย่างลูกหมาลูกแมว แต่เป็นมังกรข้ามแม่น้ำอันดุร้าย
“หลินอิ่ง ก่อนหน้านี้ฉันดูถูกนายไป” จ้าวเฉิงเฉียนมองไปที่หลินอิ่งตาเป็นประกาย ค่อยๆพูดขึ้น “คิดไม่ถึงจริงๆ ในระยะเวลาสั้นๆ นายก็ปราบหรงหยังได้แล้ว?”
“แต่ว่า นายก็ยังไม่รู้ ว่าฉันจ้าวเฉิงเฉียน เป็นคนระดับไหน” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างยโส โบกมือไปมา “เผยหวูหมิง นายไปลองมือกับเขาหน่อย”
พูดไป ชายหนุ่มชุดสีเท่าข้างกายจ้าวเฉิงเฉียน ยืนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา จ้องหน้าหลินอิ่งเฉยชา
เผยหวูหมิงร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าเด็ดเดี่ยว แววตามั่นคง คนทั้งคนมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง
“ผม เผยหวูหมิงแห่งจี้โจว ท่านสามารถเอาชนะหรงหยังได้ ก็คงจะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน”
“ผมขอประลองฝีมือกับท่านหน่อย”
เผยหวูหมิงยกกำปั้นทำท่าเคารพ จากนั้น แววตาก็มีประกายแห่งความเยือกเย็น ท่าทางพร้อมสู้
หลินอิ่งขมวดคิ้ว สำรวจดูเผยหวูหมิง จากแววตาอันแรงกล้าของเขานั้นดูออกว่า นี่คือคนที่บ้าคลั่งในวิชาการต่อสู้ ดูเหมือนยอดฝีมือที่ชอบในการท้าทาย
เผยหวูหมิงแห่งจี้โจว? มณฑลจี้โจว ห่างจากตี้จิงไม่ไกลนัก เป็นเมืองที่ซ่อนยอดฝีมือไว้ไม่น้อย
หลินอิ่งจำได้ ที่มณฑลจี้โจวมีตระกูลเผยอยู่ เป็นตระกูลแห่งวิชาการต่อสู้ในวงการลึกลับ ชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย
ตอนที่อายุสิบหก เขาเคยท่องเที่ยวไปที่มณฑลจี้โจว เคยรู้จักกับตระกูลเผย
“คุณเป็นคนของตระกูลเผยแห่งจี้โจว?” หลินอิ่งถามเสียงเรียบเฉย
เผยหวูหมิงพูดสีหน้าจริงจัง “ครับ”
“คุณถอยไปเถอะ” หลินอิ่งพูดด้วยเสียงเรียบ “คุณท่านตระกูลเผยของพวกคุณต่อหน้า ยังไม่กล้าพูดขนาดนี้”