ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 426 ลงมือดั่งสายฟ้าแลบ
วันที่สอง
เกาะวงดาว คฤหาสน์เชียงปิง
แม่น้ำเชียงปิง สายน้ำไหลแรงเชี่ยว บนแม่น้ำ มีเสียงดังโครงโครงโครง
เห็นเพียง เฮลิคอปเตอร์สีดำเป็นคันๆ บินไปสู่คฤหาสน์เชียงปิง
“นี่เป็นเฮลิคอปเตอร์มาจากไหน? ทำไมดูแล้วเหมือนเป็นของกองพิเศษหวู่อัน?”
“สถานการณ์อะไร? หรือจะมีคนกล้าสร้างความวุ่นวายที่คฤหาสน์เชียงปิง?”
ภายในคฤหาสน์เชียงปิง บอดี้การ์ดลาดตระเวนแต่ละชุด มองดูเครื่องบินแต่ละลำที่บินอยู่เหนือฟ้า สีหน้าเปลี่ยน
มองเห็นจากที่ไกล เฮลิคอปเตอร์ทุกลำมีคนในชุดเกาะพร้อมอาวุธปืน
ท่าทางนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าจะทำการใหญ่
“รีบไปรายงานท่านหลิวสฺยงว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ทีมบอดี้การ์ดลาดตระเวนในคฤหาสน์เชียงปิง รีบกระจายตัววิ่งไปทั่วทุกทิศ
ฮวั๊ก
เชือกสลิงเป็นเส้นๆหย่อนลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ชายหน้าโหดในชุดปฏิบัติการสีดำแต่ละนาย ถืออาวุธปืนลงมาจากเครื่องบินอย่างเป็นระเบียบ วิ่งเข้าไปในสนามกอล์ฟอย่างรวดเร็ว ล้อมสถานที่นี้ไว้
ต่อมา เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็จอดลงในคฤหาสน์เชียงปิง
ท่ามกลางชายชุดสูทหลายนาย หลินอิ่งค่อยๆลงจากเฮลิคอปเตอร์
ข้างกายเขา คือหรงหยังที่สีหน้าเคารพ
“อาจารย์หลิน จากตำแหน่งที่ผมคุยโทรศัพท์กับจี้ฉงซานครั้งก่อน ที่นี่ก็คือสถานที่พักของจี้ฉงซาน” หรงหยังพูดอย่างจริงจัง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ยืนไขว้มือ เดินเข้าไปในสนามกอล์ฟ
เมื่อคืนหลังจากปราบหรงหยังแล้ว เขาออกคำสั่งเด็ดขาดให้หรงหยังทำงานข้ามคืนให้หาตำแหน่งของจี้ฉงซานให้ได้ รีบหาคนมาจัดการเรื่อง
หรงหยังเป็นหัวหน้าแก๊งของกลุ่มย่อยเมืองก่างแก๊งหยางเหมิน อำนาจทรัพยากรที่สามารถใช้ในเมืองก่าง ไม่ธรรมดา
วันนี้ ก็เรียกเฮลิคอปเตอร์และลูกน้องในกลุ่มย่อยแก๊งหยางเหมินมาล้อมที่พักของจี้ฉงซานไว้
มาถึงสนามกอล์ฟ มีโต๊ะอย่างประณีตตัวหนึ่ง มีเก้าอี้สองใบ
บนโต๊ะมีน้ำชาสองแก้ว มีควันร้อนปลิวขึ้น
เสมือนคนสองคนที่ดื่มน้ำชา เพิ่งจากไปไม่นาน…….
หลินอิ่งถือน้ำชาแก้วหนึ่ง แววตาเริ่มคมลึกขึ้น
“หัวหน้าแก๊งหรง คฤหาสน์เชียงปิงถูกควบคุมไว้หมดแล้ว ฟังลูกน้องจี้ฉงซาน หลิวสฺยงบอกว่าจี้ฉงซานเพิ่งไปไม่นาน หนีไปอย่างรีบร้อน”
หรงหยังสีหน้าเปลี่ยน มองไปที่หลินอิ่ง ในแววตามีความตื่นตระหนก
“อาจารย์หลิน……นี่ นี่ผมไม่รู้ว่ามันสถานการณ์อะไร……ผมมั่นใจว่า ก่อนหน้านี้จี้ฉงซานพักอยู่ที่นี่จริง” หรงหยังพูดด้วยเหงื่อท่วมหัว
เขากลัวว่าหลินอิ่งจะโมโหมาในตัวเขาเพราะว่าหาจี้ฉงซานไม่เจอ
“คฤหาสน์เชียงปิง มันสถานการณ์อะไรกันแน่?” หลินอิ่งถาม
ชายชุดดำคนหนึ่งพูด “อาจารย์หลิน เมื่อกี้ผมได้ยินมาจากปากของบอดี้การ์ดในคฤหาสน์ ครึ่งชั่วโมงที่แล้วจี้ฉงซาน ยังดื่มชากับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง จากนั้นเหมือนได้รับโทรศัพท์ ก็รีบออกจากคฤหาสน์พร้อมกับผู้หญิงคนนั้นด้วยเฮลิคอปเตอร์ ออกไปตั้งแต่ห้านาทีก่อน”
“ได้ยินว่า จี้ฉงซานไปอย่างเร่งรีบ ไม่ได้สั่งอะไรไว้กับลูกน้องเลย”
“ไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว? พร้อมหญิงวัยกลางคน?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว พูดว่า “เอาตัวหลิวสฺยงมาถาม”
“ครับ”
ไม่นาน ชายหนุ่มชุดดำก็คลุมตัวชายวัยกลางคนชุดสูทสีดำมา
ชายวัยกลางคนมองหลินอิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม
เขาก็คือพ่อบ้านใหญ่ของจี้ฉงซาน หลิวสฺยง และยังเป็นรองประธานของบริษัทวั่นซาน
“จี้ฉงซาน ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ผู้หญิงที่ดื่มชากับเขาคือใคร?” หลินอิ่งมองหลิวสฺยง ถามด้วยเสียงเย็นชา
วินาทีที่สบตากับหลินอิ่ง แววตาหลิวสฺยงหวาดกลัว ตัวสั่นกระตุก
เขารับรู้ถึงแรงสังหารอันรุนแรงในตัวหลินอิ่ง เหมือนสามารถฉีกเขาเป็นชิ้นๆได้ตลอดเวลา
“ผม ผมไม่รู้ หลิน คุณหลิน……” หลิวสฺยงพูดด้วยเสียงสั่น “ก่อนที่นายท่านจี้จะไป ไม่ได้บอกผมเลย ผมก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์อะไร”
“หญิงวัยกลางคนคนนั้น ก็ค่อนข้างลึกลับ เมื่อก่อนผมไม่เคยเห็นเขาที่เมืองก่างเลย” หลิวสฺยงพูดไปด้วยเหงื่อท่วมหน้าผาก “ตอนที่นายท่านจี้คุยกับผู้หญิงคนนั้น ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไป……ดังนั้น ไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเธอเลย”
ในใจหลิวสฺยงรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
เขารู้เรื่องหลินอิ่ง ยังเคยติดตามจี้ฉงซานไปที่ตี้จิง จับตัวหยูจื๋อเฉิงลูกน้องของหลินอิ่งมาที่เมืองก่าง ขังไว้ในคฤหาสน์เชียงปิง
ดังนั้น เขารู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้า เป็นศัตรูที่นายท่านจี้จะจัดการตลอดเวลา และเป็นคนโหดคนหนึ่ง
หลิวสฺยงไม่รู้ว่าสถานการณ์อะไร นายท่านจี้ออกจากคฤหาสน์เชียงปิงไปกะทันหัน อย่างรีบร้อน ไม่ได้ทักทายสั่งเสียอะไรกับเขาเลย
ต้องรู้ว่า เมื่อวาน เขายังช่วยนายท่านจี้จัดการเรื่องธุรการเกี่ยวกับธุรกิจ จะทำการเอาคืนหลินซื่อกรุ๊ปของหลินอิ่ง
ทำไม วันนี้เพิ่งตื่นมา ก็ถูกหลินอิ่งมาหาถึงบ้าน?
แม้แต่เถ้าแก่จี้ฉงซานก็หนีไปแล้ว?
หลินอิ่งค่อยๆหลับตา
ดูแล้ว ข่าวกรองของจี้ฉงซาน เก่งกว่าที่เขาคาดไว้เยอะ
ครั้งนี้ ปฏิบัติการของเขาถือว่ารวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบแล้ว
เมื่อคืนเพิ่งปราบหรงหยังคนที่จี้ฉงซานส่งมา ตอนเช้าก็พาคนมาหาจี้ฉงซาน ปรากฏว่ายังให้เขาหนีไปได้อีก?
แม้แต่เสียงลมนิดเดียวก็ปิดสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ไม่ได้
หญิงวัยกลางคนลึกลับคนนั้นที่คุยกับจี้ฉงซาน?
ดูแล้ว เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นเหวินเทียนเฟิ่งแห่งตระกูลเหวิน……
“หยูจื๋อเฉิงอยู่ไหน?” หลินอิ่งถามเสียงเรียบ
หลิวสฺยงรีบพูด “คุณหลิน หยูจื๋อเฉิงยังขังอยู่ในคฤหาสน์เชียงปิง ผมรู้ว่าอยู่ไหน ปกติผมเป็นคนเฝ้าเขาเอง”
“คุณหลิน ผม ผมหวังว่าคุณจะไว้ชีวิตผม ผมแค่เป็นคนจัดการธุรกิจแทนนายท่านจี้เท่านั้น” หลิวสฺยงพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ
เผชิญหน้ากับคนระดับหลินอิ่ง ในใจเขารู้สึกกลัวมาก
“อย่างนั้น ก็ต้องดูว่าคุณมีค่าแค่ไหน” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “พาผมไปหาเขา ถ้าหยูจื๋อเฉิงไม่เป็นไร คุณ อาจจะมีชีวิตต่อได้”
“วางใจครับ คุณหลิน ถึงแม้หยูจื๋อเฉิงจะถูกขัง แต่ไม่ได้ฆ่าเขา เขายังมีชีวิตอยู่” หลิวสฺยงรีบพูด
ไม่นาน หลินอิ่งพาคนมาถึงบ้านหรูหลังหนึ่งในคฤหาสน์เชียงปิง
หน้าประตูทางเข้า มีชายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายคน ถูกลูกน้องหรงหยังควบคุมไว้
ปัง
หลินอิ่งเดินไป ถีบประตูเหล็กกระเด็น
ภายในคฤหาสน์แสงไฟสว่างไสว มีชายวัยกลางคนหน้าตาเคร่งขรึมคนหนึ่งถูกล่ามโซ่ไว้
บาดแผลเต็มร่างกาย รอยเลือดเต็มไปหมดบนกล้ามเนื้ออันบึกบึน มีร่องรอยจากการถูกเฆี่ยน
ส่วนบนพื้น ยังมีรอยเลือดเป็นจุดๆ
สภาพดูแล้วช่างโหดเหี้ยมนัก
ชายวัยกลางคนท่าถูกมัดไว้นั้นก็คือ หยูจื๋อเฉิง
ความโมโหในใจหลินอิ่งปะทุขึ้นมา แววตาเริ่มเย็นชาขึ้น
หรงหยังเดินเข้าไปอย่างรู้หน้าที่ ใช้มือเปล่าหักโซ่ ปล่อยตัวหยูจื๋อเฉิงลง และใช้มือตรวจชีพจรเพื่อเช็กร่างกา