ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 429 ไอ้แซ่หลิน นายมีความสามารถในการเป็นนักแสดงตลก
หลินอิ่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด เดินเข้าห้องประชุมสีหน้าเรียบเฉย
“นายเป็นใคร? บุกเข้ามาทำไม?”
“ทำอะไรกัน? ไม่รู้ว่าที่นี่กำลังประชุมกันหรือไง? ทำไมถึงให้คนเข้ามา?”
จากที่หลินอิ่งเดินเข้ามา บนใบหน้าของสมาชิกสมาคมทั้งหลาย ต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ
“ประธานหลิน ท่านมาแล้ว…….”
พอหยินต้าชิวเห็นหลินอิ่ง ก็รีบเข้าไปต้อนรับ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ
“ประธานหลิน ขอโทษด้วย ตอนแรกผมจะไปรับท่านที่ชั้นล่าง แต่ถูกคนพวกนี้กักตัวไว้ ออกไปไม่ได้” หยินต้าชิวรับพูดขอโทษ สีหน้าเกรงกลัว กลัวว่าหลินอิ่งจะโทษเขา
หลินอิ่งสีหน้าปกติ กวาดสายตามองทุกคนที่นั่งในนี้
คนที่นั่งในนี้ประมาณยี่สิบคน ใบหน้าของแต่ละคน ต่างก็ปรากฏตัวในหนังสือพิมพ์ธุรกิจเมืองก่าง
สามารถเข้าร่วมประชุมสมาคมธุรกิจเมืองก่าง อย่างน้อยก็ต้องมีทรัพย์สินพันล้าน
คนพวกนี้ อย่างน้อยก็มีที่มาไม่ธรรมดา
“ประธานหลิน? รองหัวหน้าสมาคมหยิน นี่คุณหมายความว่ายังไง?” หญิงวัยกลางคนมองหลินอิ่งด้วยสายตาสงสัย “เถ้าแก่ที่คุณพูดถึงเมื่อครู่คงไม่ใช่เด็กหนุ่มนี่หรอกนะ? นี่ก็คือเถ้าแก่เบื้องหลังคุณ? ท่าทางจนขนาดนี้ ยังจะมาสั่งการพวกเรา ให้ไปสนับสนุนข้อเสนอบ้าบอที่คุณเสนอนั่น?”
“รองหัวหน้าสมาคมหยิน อย่าบอกว่าคุณจะบอกกับพวกเราว่าไอ้เด็กหนุ่มหน้าโง่นี่? จะสนับสนุนคุณขึ้นตำแหน่งหัวหน้าสมาคมธุรกิจหรอกนะ? ยังจะให้ผลประโยชน์กับพวกเราเพื่อไปสนับสนุนคุณอีก?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดด้วยเสียงหัวเราะ มองหลินอิ่งเป็นตัวตลก
“ยังบอกว่าจะไปต่อต้านนายท่านจี้อีก? ฉันยังนึกว่าคนใหญ่โตที่ไหนมาสำนักงานใหญ่สมาคมของเราอีก ที่แท้เป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” ชายสูงอายุใส่แว่นคนหนึ่งพูดขึ้น ส่ายหัวไม่หยุด สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
เท่าที่พวกเขาดูแล้ว ท่าทางของหลินอิ่ง บุกเข้าห้องประชุมบอกจะต่อต้านนายท่านจี้ ตลกสิ้นดี
เด็กหนุ่มอายุแค่นี้ คาดว่าคงยังไม่เคยผ่านความรู้ทางสังคมอะไรมาเลย
ท่าทางยากจน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
ไม่รู้ว่าคุณท่านจี้นั้นเป็นคนระดับไหนในเมืองก่าง บุกเข้ามาก็ตะโกนพูดจาเรียกร้องความสนใจ
“ประธานหลิน…….นี่…….” หยินต้าชิวมองหน้าหลินอิ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“รองหัวหน้าและสมาชิกสมาคม ล้วนไม่สนับสนุนข้อเสนอที่ผมเสนอไป พูดตามตรง ผมควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่” หยินต้าชิวยืนพูดเสียงเบาอยู่ข้างหลินอิ่ง พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “ท่านว่า ควรจัดการยังไง”
“มีใครบ้างที่ไม่พอใจ?” หลินอิ่งถามเสียงเรียบ
“ผมขอแนะนำหน่อย นอกจากผม สมาคมเมืองก่างยังมีรองหัวหน้าสมาคมอีกสามคน ล้วนเป็นคนสนิทสนมของจี้ฉงซาน”
“คนที่ใส่กระโปรงสีแดงคือรองหัวหน้าหนี บริหารกิจการกลุ่มบันเทิงภาพยนตร์และโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ในบริษัทมีนักแสดงชื่อดังหลายคน มีอำนาจใหญ่มากในวงการบันเทิงเมืองก่าง”
“คนที่ใส่แว่นสายตายาวคนนั้น เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์อินเทอร์เน็ต รองหัวหน้าสมาคมโจ๋”
“ชายวัยกลางคนเสื้อหนังสีดำคนนั้น รองหัวหน้าหลี่ เป็นยักษ์ใหญ่ด้านตลาดหลักทรัพย์เมืองก่าง เงินทุนแน่นหนามาก และเป็นเทรดเดอร์รายใหญ่ในตลาดหุ้นของจี้ฉงซาน”
หยินต้าชิวแนะนำ เหงื่อท่วมหัว แบกรับความกดดันในสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหว
ต้องรู้ว่า เขาอยู่ในเขตเชียงเจียงทำธุรกิจทั้งขาวทั้งมืด อยู่มาครึ่งค่อนชีวิต ยังไม่เคยเจอสถานการณ์ใหญ่โตอย่างวันนี้
ทุกคนในนี้ เลือกมาคนหนึ่ง วางไว้ข้างนอกแค่กระทืบเท้าเมืองก่างก็ต้องสะเทือน
อำนาจของคนพวกนี้ในเมืองก่าง ใหญ่จนไม่อาจคิดได้ วงการกฎหมาย ตำรวจ ธุรกิจ การเงิน ทุกด้านล้วนมีความสัมพันธ์ครบถ้วน
พูดง่ายๆ อำนาจเงินทองครึ่งหนึ่งของเมืองก่าง ล้วนอยู่ในกำมือของคนกลุ่มนี้ รวมตัวกันในสมาคมธุรกิจเมืองก่าง
หลินอิ่งพยักหน้า กวาดตามองไป มองไปที่ชายวัยกลางคนสามคนข้างหน้า มุมปากยิ้มขึ้น
“พวกคุณ คัดค้านเรื่องที่ผมให้หยินต้าชิวเสนอ?”
หลินอิ่งพูดด้วยเสียงเรียบ ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออก นั่งลงไปอย่างมั่นใจ สีหน้าเรียบเฉยต่อหน้ามหาเศรษฐีตรงหน้า
“ผมชื่อหลินอิ่ง หลินซื่อกรุ๊ปเมืองก่างเป็นของผม”
“หลินอิ่ง? อะไรหลินซื่อกรุ๊ป? ทำไมฉันอยู่ในเมืองก่างไม่เคยได้ยินเลย?”
“หลินซื่อกรุ๊ปขี้หมาอะไร ฉันอยู่เมืองก่างมานานขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินว่าเมืองก่างมีตระกูลหลิน นายมาจากไหน? มาทำตัวอวดดีที่นี่? ตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคมธุรกิจเมืองก่าง นายมีสิทธิ์นั่งเหรอ?”
หลังจากที่หลินอิ่งแนะนำตัวเองแล้ว ก็มีคนโดดออกมาคัดค้าน ต่อต้านหลินอิ่ง
“ตลกสิ้นดี ไอ้แซ่หลิน นายมีความสามารถในการเป็นนักแสดงตลก เอาอย่างนี้ บริษัทโทรทัศน์ของฉันกำลังจะถ่ายละครตลก นายเหมาะสมดี เดี๋ยวฉันจัดการให้นายไปแสดงตัวที่ตลกที่สุด” รองหัวหน้าสมาคมหนีหัวเราะพูด สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
“ฮาฮา พี่หนี พี่พูดถูกมาก ไม่รู้เถ้าแก่จากบริษัทเล็กๆที่ไหน ยังมาแสดงที่นี่กับพวกเราอีก? หลินซื่อกรุ๊ป? บริษัทกระจอกที่ไหน”
พอรองหัวหน้าหนีเริ่มพูด ก็มีคนพูดเหยียดหยามตาม มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
หลินซื่อกรุ๊ป?
พวกเขาเหล่านี้ต่างก็อยู่ในเมืองก่างมานานแล้ว ไม่เคยได้ยิน
หลินอิ่ง? แล้วนี่มันตัวอะไร? ในแวดวงสังคมเมืองก่างคนมีหน้ามีตา ไม่มีคนชื่อนี้
“ฉันว่า รองหัวหน้าสมาคมหยิน คุณลดระดับของสมาคมเราลงไปต่ำเกินไปแล้วนะ เรียกขยะอะไรที่ไหนมา รองหัวหน้าทั้งหลาย ฉันว่า เรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาเดี๋ยวนี้เลย ลากหัวไอ้หน้าโง่หลินอิ่งนี้ออกไป”
“ถูกต้อง ฉันก็คิดแบบนี้ ลากหัวไอแซ่หลินนี้ออกไป แล้วโทรศัพท์ให้เลขาจี้ฉงซาน จับตัวหยินต้าชิวแล้วส่งตัวไป หยินต้าชิวนี่บ้าไปแล้วจริงๆ ขยะที่ไหนก็เอามาแสดงที่นี่”
นักธุรกิจใหญ่แห่งเมืองก่างทั้งหลายในนี้ ต่างก็หมดความอดทน ไม่พอใจกับการมาของหลินอิ่งมาก ต่างก็พากันออกความคิดเห็น
“พอแล้ว ฉันโทรศัพท์ให้คนข้างนอกเข้ามา” รองหัวหน้าหนีพูดอย่างเฉยชา หยิบโทรศัพท์กำลังจะโทร
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด
โทรศัพท์โทรไม่ออกสักสาย ไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อย
“นี่…..นี่ทำไมถึงไม่มีสัญญาณแม้แต่นิดเดียว…..” รองหัวหน้าหนีสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ปกติ
“ประธานหลิน อุปกรณ์เตรียมเรียบร้อยแล้ว รับรองว่าวันนี้ในอาคารนี้ ไม่มีใครสามารถโทรศัพท์ออกไปได้”
เวลานี้ ฮาเดสเดินเข้ามาจากข้างนอก สีหน้าเย็นชา รายงานอย่างเคารพ
ตามจากที่ฮาเดสเดินเข้ามา บอดี้การ์ดชุดสูทเรียกแถวกันเข้ามา แบ่งเป็นซ้ายขาวฝั่งละแถว ล้อมโต๊ะประชุมไว้
“นี่ นี่มันหมายความว่ายังไง”
หลังจากที่บอดี้การ์ดหน้าโหดทั้งกลุ่มเข้ามาแล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้ก็ชะงัก จากก็พากันตกใจ มองหน้าหลินอิ่งด้วยความตะลึง