ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 43 บ้านใหม่
บทที่ 43 บ้านใหม่
พอได้ยินว่าเจียงฉีจะให้ส่งกุญแจรถคืน ฟางผิงก็หน้าซีดขึ้นมาทันที
“อะไรกัน!ประธานเจียงนี่มัน?”
เขาไม่รู้ว่าทำไมประธานเจียงจู่ๆถึงโกรธเดือดดาลใส่ตนเองขึ้นมาขนาดนี้ ถึงขั้นไล่ตนเองออก?
นี่ต้องสูญเสียงานที่ดีมากๆไปอย่างไม่ทราบสาเหตุอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?
หรือเป็นเพราะหลินอิ่งไอ้เศษสวะนี่?
เขามีอิทธิพลมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมประธานเจียงถึงต้องเกรงกลัวเขาด้วย?
ในหัวของฟางผิงสับสนวุ่นวายไปหมด รู้สึกไม่เข้าใจ
“คุณกำลังมีข้อกังขากับการตัดสินใจของผมเหรอ?”เจียงฉีเงยหน้าขึ้นมาพูด“แค่ผู้จัดการบริษัทย่อยตัวน้อยๆแบบคุณ ผมบอกไล่ออกก็คือไล่ออก!”
“ทำไม? ยังไม่อยากคืนกุญแจบ้านกุญแจรถเหรอ? มันเป็นของของคุณหรือไง?”เจียงฉีพูดขึ้นด้วยความโกรธ
ฟางผิงรู้สึกขายขี้หน้าไม่น้อย ล้วงกุญแจบ้านกุญแจรถจากในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วส่งไปในมือของเจียงฉีอย่างโดยดี
“เอ้า? หลี่เจิ้น ที่แท้รถกับบ้านของลูกเขยคุณมันไม่ใช่ของเขาเองนี่นา”ลู่หย่าฮุ่ยยิ้มออกมา สีหน้าดูสะใจไม่น้อย
หลี่เจิ้นหน้าเริ่มแดง ไม่คาดคิดว่าฟางผิงจะมาเจอกับหัวหน้างานของบริษัทตนเอง แล้วจู่ๆก็โดนไล่ออกอย่างกะทันหัน
แถมยังถูกคืนกุญแจบ้านกุญแจรถต่อหน้าตระกูลของจางซิ่วเฟิงอีก……
ตอนนี้ สีหน้าของคนในตระกูลหลี่เจิ้นแดงเหมือนตับหมูกันทุกคน แทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี!
เจียงฉีไม่ได้สนใจคนไร้ค่าอย่างฟางผิง หันกลับไปพูดกับหลินอิ่งด้วยสีหน้าเข้มงวด“ประธานหลินเหตุการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นครั้งนี้ บริษัทของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยคนที่ทำลายชื่อเสียงของส่วนรวมแบบนี้ไปแน่นอนครับ ท่านมีเวลาว่างเมื่อไร ผมขอเชิญท่านมาดื่มน้ำชากันสักแก้ว”
หลินอิ่งสีหน้าหน้าปกติ พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น“ไม่เป็นไร”
เจียงฉีแอบถอนหายใจ ยังดี ที่คนระดับนี้ไม่ได้คิดที่จะถือสาเอาความอะไร
“ตอนนี้ผมยังมีธุระต่อ ถ้าครั้งหน้ามีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมจะติดต่อไปนะ”หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
เจียงฉีเป็นคนที่รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควร ตัวเองกำลังเตรียมตัวไปดูบ้านวิลล่าสุดหรูสองหลัง แต่ก็มาหาเขาก่อน
“ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รบกวนท่านแล้วล่ะครับ”เจียงฉีพูดขึ้นอย่างเกรงใจ แล้วหันกลับขึ้นรถไป
“พวกเราก็ไปกันเถอะ”หลินอิ่งหันไปพูดกับจางฉีโม่
“คุณเตรียมจะไปที่ไหน?”จางฉีโม่ถามขึ้น
หลินอิ่งพูด“แน่นอนว่าก็ต้องไปดูบ้านใหม่ของพวกเราน่ะสิ”
พูดพลาง ตระกูลของหลินอิ่งก็พากันเดินไปยังอีกตึกหนึ่งของชุมชนสุ่ยหยวน
ตระกูลของหลี่เจิ้นยังคงยืนอึ้งตะลึงอยู่ที่เดิม สีหน้าทั้งโกรธทั้งขายขี้หน้าถึงสุดขีด ในตอนนี้ พวกเขาไม่สงสัยอีกแล้วว่าหลินอิ่งซื้อบ้านใหม่แล้วจริงหรือไม่……
ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี ตอนแรกกะจะทำตัวร่าเริงสดใสต่อหน้าตระกูลของจางซิ่วเฟิง
ผลที่ได้คือ บ้านกับรถของตระกูลตัวเองดันหายไปต่อหน้าต่อตา แถมยังต้องมาอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าจางซิ่วเฟิง แล้วก็ไอ้เศษสวะสกุลหลินอีก……
“สามีของจางฉีโม่ เป็นแค่ไอ้เศษสวะไร้ค่าจริงๆเหรอ?”หลี่หลานสีหน้าบูดเบี้ยวผิดไปจากปกติ ถามขึ้น
หลี่เจิ้นและฟางผิงไม่รู้ว่าควรจะตอบไปยังไงดี
……
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ครอบครัวของหลินอิ่งเดินมาถึงตึกที่แปดของชุมชนสุ่ยหยวนแล้ว
“ฮ่าๆๆ!ขำจะตายอยู่แล้ว ซิ่วเฟิง ตะกี้ได้เห็นสีหน้าของพวกตระกูลหลี่เจิ้นไหม แดงอย่างกับตับหมู!”ลู่หย่าฮุ่ยหัวเราะดีใจสุดๆ
“ต้องคืนทั้งบ้านกับรถหรูของลูกเขยให้กับผู้จัดการใหญ่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นของที่บริษัทให้มาทั้งนั้น แถมตอนนี้งานก็ไม่มีแล้วด้วย ฮ่าๆๆ ดูซิว่าหลังจากนี้เขาจะแสร้งมาทำเก่งต่อหน้าตระกูลของพวกเราอีกไหม!”
จางซิ่วเฟิงก็สบถออกมา ก่อนจะพูดขึ้นเช่นกัน“ฉันยังนึกว่าลูกเขยของเขาเก่งสุดยอดมากๆอยู่เลย ก็ไม่ได้ต่างอะไรมากมายกับฉีโม่ของตระกูลพวกเรา แต่ต่างกันตรงที่ฉีโม่ของพวกเราซื้อรถด้วยตัวเองนี่น่ะสิ”
“พ่อ แม่ วันนี้หลินอิ่งช่วยกู้หน้าให้พวกท่านแล้วใช่ไหมล่ะ?”จางฉีโม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“จากนี้ไปเวลาอยู่ข้างนอกถ้ายังเรียกหลินอิ่งว่าเศษสวะอยู่ หนูรู้สึกว่ามันฟังแล้วไม่ค่อยเพราะเท่าไรเลย ช่วยไว้หน้ากันสักหน่อยสิคะ”
“อะไรกัน? พูดถึงเขานิดหน่อยก็ไม่พอใจเหรอ?”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ยัยลูกซื่อบื้อ มาบอกว่าหลินอิ่งกูหน้ากู้ตากลับมาให้อะไรกันล่ะ นี่เป็นเพราะว่าลูกมีหน้ามีตาต่างหากล่ะ!หลินอิ่งจะไปรู้จักประธานเจียงได้ยังไงกัน ไม่ใช่ว่าเป็นใบรายชื่อที่ไปยืมมาจากเลขาของผู้อำนวยการบริษัทมาหรอกเหรอ? ลูกเข้าใจไหม ว่านี่เป็นการหยิบยืมชื่อเสียงของลูกนะ! ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาอะไรไปผูกมิตรกับคนเหล่านั้นล่ะ?”
“ถ้าไม่บอกฉันก็ลืมเรื่องนี้นี่ไปแล้วนะ”ลู่หย่าฮุ่ยหันไปหาหลินอิ่งก่อนจะถามขึ้น“หลินอิ่งแกรู้จักประธานเจียงของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ได้ยังไง?”
“รู้จักตอนซื้อบ้านครับ”หลินอิ่งตอบไปตามความจริง
“รู้จักกันตอนซื้อบ้าน?”ลู่หย่าฮุ่ยมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าสงสัย“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันเห็นความสัมพันธ์ของแกกับเขาก็ไม่เลวเลยนี่ เขาดูไว้หน้าแกมากเลยนะ แถมยังไล่ฟางผิงออกตรงนั้นอีก”
หลินอิ่งพูดยิ้มๆ“นั่นคงเป็นเพราะว่ากฎระเบียบภายในของบริษัทพวกเขาเข้มงวดมาก คุณสมบัติของฟางผิงก็เลยมีไม่ถึง”
“หึ แกพูดคำพูดพวกนี้ก็เพื่อหลอกลวงฉีโม่ แล้วยังคิดจะมาปิดบังฉันอีกเหรอ?”ลู่หย่าฮุ่ยสบถหึออกมาอย่างเย็นชา แล้วก็พูดต่อ“ฉันดูๆแกแล้วนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน ตั้งแต่แกได้มาเป็นผู้ช่วยของผู้อำนวยการฉีโม่ ไม่มียืมบารมีของฉีโม่บ้างเลยงั้นเหรอ?”
“แกจะต้องมีหยิบยืมชื่อเสียงที่โด่งดังของฉีโม่แน่นอน อยู่ข้างนอกสร้างมิตรทำความรู้จักคน อยู่ในบริษัทก็กอบโกยเงิน แอบหาเส้นสายให้ตัวเองอย่างลับๆใช่ไหมล่ะ?”ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างมั่นใจ“ฉันจะบอกแกให้นะ แกต้องสำเหนียกนะว่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉีโม่ให้แกมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการล่ะก็ แกจะสามารถหาเงินมากมายขนาดนี้เพื่อมาซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวนได้งั้นเหรอ?”
พูดจบ ลู่หย่าฮุ่ยก็สีหน้าพออกพอใจ“ไปกันเถอะ ขึ้นไปดูบ้านของพวกเรากันเถอะ”
พูดพลาง ทุกคนก็เดินขึ้นไป จนถึงชั้นสิบสอง
บ้านใหม่ที่หลินอิ่งซื้อ ตกแต่งสไตล์วินเทจด้วยไม้มะฮอกกานี ยังไม่ละทิ้งความทันสมัยไปซะทีเดียว ห้าห้องนอนสองห้องรับแขก เนื้อที่กว้างขวางมาก
พอเดินเข้ามา จางฉีโม่ก็ถูกความกว้างขวางของห้องรับแขกดึงดูดสายตาเข้าให้ สีหน้าเผยให้เห็นถึงความปลื้มปริ่มหัวใจไม่น้อย
คู่ของลู่หย่าฮุ่ยก็นั่งลงบนโซฟาด้วยความปลื้มใจเช่นกัน มองซ้ายทีขวาที ด้วยความดีอกดีใจ
เมื่อก่อน บ้านที่อยู่อาศัยในชุมชนเจียงฉือก็เก่ามากแล้ว การที่จู่ๆได้มาอยู่ในบ้านที่แสนหรูหราขนาดนี้ ความรู้สึกที่มันช่างแตกต่างกันขนาดนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกสบายอกสบายใจอย่างมาก
ทุกคนเดินสำรวจไปรอบๆบ้าน จากนั้นก็กลับมานั่งลงบนโซฟา
“บ้านหลังนี้ไม่เลวเลยนะหลินอิ่ง แกซื้อมาเท่าไรเหรอ?” จางซิ่วเฟิงถามขึ้นด้วยสีหน้าพออกพอใจ
หลินอิ่งพูดขึ้น“สองล้าน”
“อะไร? สองล้าน? คุณเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”จางฉีโม่ถามขึ้นด้วยความตกใจ
ครั้งก่อนหลินอิ่งก็เป็นคนจ่ายเงินซื้อรถ จ่ายเงินทำเรื่องต่างๆ แล้วตอนนี้มาจ่ายเงินซื้อบ้านอีก เงินเก็บในมือของเขา มันเกินกว่าที่เธอจะคาดคิดไปมาก
“ลูก นี่มันต้องถามอีกเหรอ?”ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างมั่นใจ “ก่อนที่หลินอิ่งจะมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ แม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ยังไม่มีปัญญาซื้อเลย หลังจากที่มาเป็นผู้ช่วยของลูกแล้ว ขนาดบ้านก็ยังซื้อได้ ลูกว่าเขาเอาเงินพวกนี้มาจากไหนล่ะ? ถ้าไม่ใช่ด้วยบุญบารมีของลูก ใช้ชื่อเสียงในการเป็นผู้ช่วยของลูกเพื่อกอบโกยเงิน”
“เดี๋ยวผมไปติดต่อบริษัทรับขนของย้ายบ้านก่อนนะ จะได้เตรียมย้ายบ้านกัน”หลินอิ่งพูดขึ้น จากนั้นก็ออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
เขาก็ขี้เกียจฟังแม่ของจางฉีโม่พูดพล่ามไปเรื่อย ทุกคนในครอบครัวก็ตัดสินใจย้ายบ้านใหม่กัน
“ฉีโม่ พอกลับไปแล้วอย่าลืมให้หลินอิ่งเอาโฉนดบ้านให้กับลูกด้วยนะ จะต้องเป็นชื่อของลูก”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
จางฉีโม่สีหน้าหมดความอดทน ทิ้งโฉนดบ้านลงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้น“แม่ หลินอิ่งเพิ่งจะซื้อบ้านมา ก็จะให้เป็นชื่อของหนูได้ไง แม่ไม่ต้องกีดกันเขาขนาดนี้ก็ได้ ถึงยังไงนี่มันเป็นบ้านที่เขาใช้เงินตัวเองซื้อมานะ”