ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 448 ผมมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณ
สำหรับท่านมังกรดำที่แอบจับตาเขาอยู่ในที่ลับนั้น
หลินอิ่งมีวิธีจัดการเอง
คนคนนี้ ไม่จำเป็นต้องไปตามสืบ สักวันก็ต้องทนไม่ไหว หางจิ้งจอกก็จะแสดงออกเอง
“ท่านประมุข ถึงแม้ผมจะสืบได้แล้วว่าผู้ควบคุมองครักษ์มังกรดำคือใคร แต่ว่า ไม่สามารถรู้ตำแหน่งองครักษ์มังกรดำในเมืองก่างได้” เย่เฮยพูดอย่างเคร่งขรึม
หลินอิ่งพยักหน้า พูดว่า “จากนี้ไป ไม่ต้องไปสืบเรื่ององครักษ์มังกรดำแล้ว”
เย่เฮยซ่อนตัวในเมืองก่างนานหลายปี ข่าวกรองที่ได้มีจำกัด ในมือก็มีเพียงพี่น้ององครักษ์มังกรดำที่ถูกแยกย้ายกันอยู่เพียงไม่กี่คนที่หลงเหลืออยู่ ยากที่จะรวมตัวกันเพื่อต่อต้าน องครักษ์มังกรดำชุดใหม่ที่อยู่ทั่วเมืองก่าง
ถ้าให้เย่เฮยสืบต่อไป ก็จะเสียเรี่ยวแรงเปล่าๆ
“ถ้าเช่นนั้น ท่านประมุข มีการเตรียมการอะไรหรือไม่?” เย่เฮยถามอย่างจริงจัง
“ต่อไป นายไปจับตาดูกลุ่มสาขาย่ิอยเมืองก่างของแก๊งหยางเหมิน จับตาดูจ้าวเฉิงเฉียนกับหรงหยังมองคนนี้ไว้” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“หรงหยัง? จ้าวเฉิงเฉียน?” เย่เฮยแววตาประกาย พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ท่านประมุข ผมจะจับตาดูสองคนนี้ไว้อย่างดี จะไม่ให้มีอะไรผิดพลาดเลย”
เย่เฮยเข้าใจความหมายของหลินอิ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยทำความรู้จักสองคนนี้แล้ว
ท่านมังกรดำผู้ลึกลับ เขาอาจจะหาไม่เจอ
แต่ถ้าให้จับตาดูจ้าวเฉิงเฉียนกับหรงหยัง เขามีความมั่นใจ
หลินอิ่งลูบคลำมือตัวเอง แววตาก็เริ่มคมขึ้น
เมืองแห่งตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศอย่างเมืองก่าง สถานการณ์วุ่นวายมาก อำนาจแต่ละด้านผสมผสานวุ่นวาย เหมือนดั่งการรวมตัวของฝูงปีศาจ
หรงหยังแสดงตัวยอมแพ้ต่อเขา ก่อนจัดการจี้ฉงซาน เขายอมทำตามทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้
แต่ว่า คนคนนี้ไม่ใช่ลูกน้องที่เชื่อถือได้ของเขา ยังคงเป็นคนของแก๊งหยางเหมิน เขาสูญเสียอำนาจในแก๊งหยางเหมินแล้ว ถูกจ้าวเฉิงเฉียนกีดกัน ถึงเปลี่ยนมาพึ่งพาเขา
ส่วนจ้าวเฉิงเฉียน นายน้อยแก๊งหยางเหมินคนนี้ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว
สองคนนี้ ไม่ใช่คนอยู่เฉยๆแน่
ความสามารถในวิชาการต่อสู้ของเย่เฮย ในแก๊งหยางเหมินอยู่เหนือเผยหวูหมิง เพียงพอสำหรับควบคุมแก๊งหยางเหมินเมืองก่างได้
เพราะฉะนั้น ให้เย่เฮยจับตาดูเขาสองคนไว้เหมาะสมที่สุดแล้ว ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
ก๊อกก๊อก
เวลานี้ มีคนเคาะประตูออฟฟิศ
หลินอิ่งตากะพริบ พูดว่า “ออกไปก่อน”
“ครับ”
เย่เฮยพยักหน้าอย่างเคารพ ร่างกายเหมือนมีเงาดำเคลื่อนไหวผ่าน หายไปจากออฟฟิศในชั่วพริบตา
“เข้ามา”
หลินอิ่งหมุนตัวกลับไปนั่งบนเก้าอี้ เติมน้ำชา ดื่มไปคำหนึ่ง
ไม่นาน หญิงผมทองเดินเข้ามาจากข้างนอก ข้างกายมีบอดี้การ์ดหญิงคนหนึ่งสีหน้าโหดเหี้ยมติดตามอยู่
“แอนนา?”
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นคุณหนูแห่งตระกูลโครเมียร์ท่านนี้
วันนี้แอนนาใส่ชุดกระโปรงลูกไม้เข้ารูป มัดผมหางม้า แปร่งประกายแฟชั่นที่อ่อนเยาว์และสวยงาม บวกกับใบหน้าที่สวยงาม เหมือนดั่งหญิงสาวที่เดินออกมาจากเทพนิยาย ดูแล้วสวยงามน่าทึ่ง
“คุณหลิน สวัสดีตอนเที่ยง” แอนนาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางมีมารยาท
หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “คุณแอนนา มาหาผมมีเรื่องอะไร?”
ครั้งที่แล้วเขาเคยเตือนแอนนาแล้ว ไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้มาหาถึงที่ต้องการอะไร
ใช้เหตุผล รู้ถึงความแตกต่างของความสามารถแล้ว เธอก็ยังโง่ถึงขั้นที่จะต่อต้านเขาต่อในเมืองก่าง
แอนนายิ้ม เดินไปหน้าโต๊ะทำงาน กะพริบตาของเธอ ดวงตาอันสวยงามมีเสน่ห์ ยิ้มให้หลินอิ่งอย่างเย้ายวน
“คุณทายซิ?”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้เปิดปากพูด
“หญิงสาวคนหนึ่ง มาหาชายหนุ่มคนหนึ่ง คุณคิดว่าจะเป็นเรื่องอะไร?”
แอนนามองหลินอิ่งแววตาหยอกล้อ พูดจาหยอกเขา
“แน่นอนว่ามาจีบกับคุณไง”
“ขอโทษ ผมเป็นคนมีครอบครัวแล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“ฮา คุณหลิน คุณนี่ไม่มีอารมณ์ขันเลยนะ” แอนนาหัวเราะ “แต่ฉันก็คิดไม่ถึง คุณหลินอายุน้อยขนาดนี้ก็มีครอบครัวแล้ว ช่างน่าตะลึงจริงๆ”
“ผู้ชายประเทศหลุงของพวกคุณเจ้าชู้ชอบเที่ยวไม่ใช่เหรอ? จากอายุของคุณแล้ว มีอำนาจเงินทอง ทำไมถึงมีครอบครัวเร็วขนาดนี้?” มุมปากแอนนายิ้มขึ้น พูดอย่างใจเย็น พูดซุบซิบขึ้นมา “ภรรยาของคุณหลิน คงต้องสวยมากแน่นอน?”
“ผมไม่มีเวลามาคุยเล่นกับคุณ” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “พูดเรื่องสำคัญ”
ต้องบอกว่า สาวผมทองสายงามอย่างแอนนา เป็นสาวงามคนหนึ่ง มีแรงดึงดูดต่อผู้ชาย
แต่ว่า หลินอิ่งรู้ดี ผู้หญิงต่างชาติพูดจาก็ประมาณนี้
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเกิดความสับสนเพราะหน้าตาหรือคำพูดของผู้หญิง
ต้องรู้ว่าแอนนาเกิดในตระกูลโครเมียร์ ปู่ของเขาเป็นท่านเอิร์ลที่ควบคุมคณะกรรมการเถ่เสว่ในโลกมืดแห่งตะวันตก
แอนนาดูเหมือนหญิงสาวที่ร่างเริงไร้เดียงสา
“คุณหลิน คุณก็ยังคงจริงจังอย่างเหลือเชื่อ” แอนนามองหลินอิ่งตาเป็นประกาย “ฉันมา เพื่อจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับคุณ”
แอนนารู้สึกตกใจสำหรับความเฉยชาที่หลินอิ่งแสดงออกมา
เธอมีความมั่นใจมากสำหรับความสวยของตัวเอง
แต่ว่า เธอมองไม่เห็นความหวั่นไหวแม้แต่น้อยในสายตาหลินอิ่ง แม้แต่มองเธอเยอะนิดหนึ่งก็ไม่มี
และนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เวลาเดียวกัน ก็เพิ่มความสนใจในตัวหลินอิ่งมากขึ้น
“มีอะไรก็พูดตามตรง” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
แอนนายิ้มอย่างลึกลับ พูดว่า “คุณหลิน ฉันมีข่าวสำคัญจะบอกคุณ คุณถูกคณะกรรมการเถ่เสว่ของตระกูลพอร์ตเล็ตโลกมืดเวสต์แลนส์จับตาอยู่แล้ว”
“คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต ออกคำสั่งปฏิบัติการล่าหัวคุณแล้ว”
“ส่วนฉัน รู้ว่าพวกคณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็กเมืองก่างกลุ่มนี้ ซ่อนตัวที่ไหน คุณอยากรู้ไหม?”
พูดไป มุมปากแอนนาก็ยิ้มขึ้น มองหลินอิ่งด้วยสีหน้คิดสนุก
“คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว
ที่โลกมืดเวสต์แลนส์ มันเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง บริษัทระดับประเทศ ชื่อเสียงคณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต ผู้คนต่างรู้จัก
องค์กรนี้ประวัติยาวนาน เหตุการณ์ใหญ่โตในประวัติศาสตร์โลก ล้วนมีบทบาทที่สำคัญ ลึกลับและแข็งแกร่งมาก
“คุณกำลังสืบเรื่องผม?” หลินอิ่งมองแอนนาด้วยสายตาเย็นชา “คุณรู้อะไรบ้าง?”
แอนนาพูด “คุณหลิน นี่คุณกำลังถามฉันเหรอ? แต่ว่า ทัศนคติคุณไม่ค่อยดีนะ”
“เหอะ” หลินอิ่งส่ายหน้า ยิ้มอย่างเย็นชา “ฮาเดส ส่งแขก”
“เดี๋ยวก่อน”
ตอนที่ฮาเดสเดินเข้ามาจากข้างนอก แอนนารีบพูดห้ามไว้
“คุณหลิน ฉันขอพูดตามตรงกับคุณละกัน” แอนนาพูด “ฉันรู้ประวัติความเป็นมาของคุณแล้ว ฉันก็รู้แล้วด้วยว่าเป้าหมายที่คุณมาเมืองก่างคืออะไร”
“คณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต ถูกมหาเศรษฐีเมืองก่างจี้ฉงซานเชิญมา ตั้งใจจะจัดการคุณในครั้งเดียว” แอนนาพูดจริงจัง
“เครือข่ายข่าวกรองในเมืองก่างของตระกูลโครเมียร์ เก่งมากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ การปฏิบัติการของคณะกรรมการเถ่เสว่ตระกูลพอร์ตเล็ต ล้วนอยู่ในการจับตาของฉัน”
“ฉันมาวันนี้ เพื่ออยากจะร่วมมือกบคุณ”
แอนนาพูดจบในครั้งเดียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เป้าหมายที่เธอมาครั้งนี้ ก็เพื่ออยากคุยกับหลินอิ่งให้สำเร็จ
แต่ว่า อยากใช้วิธีการพูดในแบบของตัวเอง
ปรากฏว่า หลินอิ่งไม่ยอมรับมือ ไม่สนใจเธอ
ขืนยังไม่พูดให้ชัดเจน เกรงว่าจะถูกเชิญออกไปแล้ว
หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
“คุณอยากร่วมงานยังไงกับผม? แล้วคุณมีสิทธิ์อะไร?”
“เพียงแค่ข่าวเรื่องเดียวที่มีหรือไม่มีก็ได้?