ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 45 แผนการของแม่ฉีโม่
บทที่ 45 แผนการของแม่ฉีโม่
“เห้อ ยัยลูกโง่เอ๋ย ลูกพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าหลินอิ่งได้ยังไง”ลู่หย่าฮุ่ยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ลูกบอกเรื่องพวกนี้กับเขาทำไม? เขาจะต้องสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับลูกแน่ๆ”
“ในใจของหลินอิ่งจะต้องคิดที่จะเกาะลูกกินไปตลอดชีวิตแน่นอน!ลูกรู้บ้างไหม!”
“มาก่อเรื่องวุ่นวายอะไรกันล่ะคะ แม่ แบบนี้มันไม่ดีเลย แม่เข้าใจใช่ไหม?”จางฉีโม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าหมดความอดทน
“ไม่ดียังไง?”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“หรือว่าลูกคิดอยากจะเอาหลินอิ่งมาเป็นสามีจริงๆ? เขามันไร้ประโยชน์ เป็นแค่เรื่องตลกขำขัน พวกลูกสองคนไม่ได้รักกัน แล้วก็ยังไม่เคยนอนด้วยกันด้วย อีกอย่าง เรื่องนี้ แวดวงตระกูลชั้นสูงของเมืองชิงหยูนไม่มีใครที่ไม่รู้ ว่าหลินอิ่งเป็นไอ้เศษสวะที่เข้ามาเกาะเรากิน ลูกยังเป็นหญิงสาวที่ยังคงบริสุทธิ์อยู่!”
“มีน้ารองและน้าเขยของลูกคอยเป็นคนกลางให้อยู่ แถมบวกกับชื่อเสียงที่โด่งดังในวงการจิวเวลรี่ของลูก ยังมีใครกล้าพูดกล่าวหานินทาลูกลอยๆอีกอย่างนั้นเหรอ?”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เห้อ……”จางฉีโม่ถอนหายใจเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“ฉีโม่ เรื่องนี้ลูกต้องเชื่อฟังแม่และพ่อของลูกนะ อยู่กับน้ารอง เธอจะช่วยลูกจัดการวางแผนให้ลูกทุกอย่างเอง”
“น้ารองของลูกตั้งใจช่วยฉุดดึงตระกูลของพวกเราแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ลูกจะต้องคว้ามันไว้ให้ได้”ลู่หย่าฮุ่ยพูดเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี“ฉีโม่ลูกหันมาดูตระกูลตระกูลจางของพวกเราสิ นอกจากพ่อของลูกแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถใช้ชีวิตอย่างเชิดหน้าชูตาในเมืองชิงหยูนได้เลย มันไม่ง่ายเลยที่ลูกจะได้หลุดพ้นออกมาเหมือนกับตอนนี้ น้ารองของลูกตั้งใจจะช่วยเป็นทางเชื่อมให้แล้ว สนับสนุนอีกครั้งเดียว ตระกูลพวกเราไปไหนมาไหนก็จะได้คู่ควรกับชื่อเมืองชิงหยูนตระกูลจางสักที”
“ลูกก็คิดให้ดีๆฉีโม่ ลูกจะได้รับหน้าที่สำคัญในบริษัท คณะกรรมการผู้ถือหุ้นต่างๆจะได้เห็นลูกอยู่ในสายตา สินค้าที่ออกแบบเมื่อครั้งที่แล้วทุบทำลายสถิติ ขายออกในราคาสูงถึงร้อยล้าน กลายเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการจิวเวลรี่แห่งเมืองชิงหยูน”ลู่หย่าฮุ่ยค่อยๆพูดขึ้น“แล้วสภาพของหลินอิ่งในตอนนี้? ยังจะคู่ควรกับลูกอยู่อีกเหรอ?”
จางฉีโม่นิ่งขรึมไม่ได้พูดอะไร
ลู่หย่าฮุ่ยก็หันไปมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“หลินอิ่ง ฉันก็จะขอพูดกับแกแบบตรงๆให้เข้าใจเลยแล้วกัน น้ารองของฉีโม่คอยเป็นคนกลางให้ คนที่เธอแนะนำก็ล้วนมีความสามารถ มีเงิน มีอำนาจ มีภูมิหลังตระกูลที่เหมาะสมกันทั้งนั้น ต่อให้สุ่มหยิบขึ้นมาหนึ่งคน ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนดีกว่าแกทุกคน”
“เป็นคนก็ต้องรู้จักสำเหนียกตัวเอง แกก็อย่ามาบอกว่าฉันกลั่นแกล้งก็แล้วกัน แค่พอถึงตอนนั้นฉีโม่สนใจใครขึ้นมาแล้วล่ะก็ แกก็ต้องทำให้มันถูกต้องและเหมาะสม โดยการหย่าซะ”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“หลินอิ่งเอ๋ย แกก็ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณนะ!ฉีโม่อุส่าให้แกมาเป็นผู้ช่วย จากคนที่ขายของรถเข็นข้างถนน ตอนนี้มาสวมสูทรองเท้าหนัง มีชีวิตที่ดีอยู่ในจางซื่อกรุ๊ปของตระกูลจาง กอบโกยเงินได้ไม่น้อย แถมยังได้รู้จักคนมากมาย พวกมีบุญคุณกับแกขนาดไหน หวังว่าคงจะรู้สำนึกในบุญคุณนะ”
“ถ้าแกมีจิตใจที่ดีพอ ก็จะไม่ไปกีดขวางเส้นทางของฉีโม่เพื่อความสุขของตัวเอง!พวกแกสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง”
“แน่นอนว่า ถ้าแกเชื่อฟังแต่โดยดี หลังจากที่แต่งงานแล้ว ฉันจะยอมให้ฉีโม่เอาแกอยู่ในจางซื่อกรุ๊ปต่อได้ ยกตำแหน่งที่ดีๆให้กับแก แล้วแกก็จะสามารถหาเงินได้อีกเป็นกอบเป็นกำ แบบนี้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ? วิธีการนี้ของฉัน คงจะไม่ทำให้แกรู้สึกผิดหวังแล้วใช่ไหม?”ลู่หย่าฮุ่ยค่อยๆพูดขึ้น แสดงสีหน้าท่าทางอย่างสมเหตุสมผล
หลินอิ่งส่ายหัวปฏิเสธอยู่ภายในใจ แต่ทำได้แค่ยิ้มไม่พูดอะไร
รู้จักกับแม่ของฉีโม่มาสองปี เขารู้จักเธอดี
เห็นแก่เงิน ไม่สนใคร เทิดทูลเงินทองมากกว่าสิ่งใด แถมยังโหยหาอำนาจอิทธิพล ต่อสู้เอาชนะเพื่อหน้าตา ขอแค่มองเห็นโอกาสในการปีนขึ้นไปสูงๆได้ ไม่มีทางยอมปล่อยโอกาสนั้นไปแน่นอน
ชัดเจนว่า การแสดงเจตนาที่ดีของน้ารองที่มีต่อตระกูลฉีโม่ในครั้งนี้ นั้นมันเท่ากับโอกาสในการเข้าไปในวงการชนชั้นสูงของเมืองชิงหยูน ลู่หย่าฮุ่ยก็ต้องรีบปีนขึ้นไปทันที คิดอยากที่จะกอดรัดโอกาสนี้ไว้ให้แน่น เพื่อให้ตระกูลของพวกเขาเดินตามสายทางนี้ในการไปสู่วงการชนชั้นสูงให้ได้
จริงๆแล้ว ชื่อเสียงของฉีโม่ในตอนนี้มันต่างกัน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นหุ้นที่มีศักยภาพ แล้วทำไม น้ารองของฉีโม่ถึงไม่รีบแสดงเจตนาที่ดีออกมาก่อนหน้านี้ล่ะ แต่ดันเพิ่งมาแสดงออกเอาตอนนี้?
“แม่ นี่แม่กำลังพูดอะไรอยู่? เรื่องของหนู หนูรู้ดี แม่กำลังทำเหมือนกับอยู่ในยุคศักดินาสมัยก่อนอย่างนั้นแหละ”จางฉีโม่พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
ลู่หย่าฮุ่ยพูดตอบ“แม่ก็ไม่ได้บอกว่าจะจัดการเรื่องแต่งงานให้ลูกสักหน่อย ลูกแค่ไปนัดดูตัวก็ได้แล้ว ไปเข้าร่วมงานสัมมนาของวงการนักสะสมกับน้ารองของลูกในครั้งนี้ จริงๆแล้วมันก็คืองานเลี้ยงของวงการชนชั้นสูง ลูกเลือกใคร ก็ให้น้ารองเป็นคนกลางให้”
พูดถึงตรงนี้ ลู่หย่าฮุ่ยก็หันไปมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้น“นี่ฉันก็พูดดักให้แกก่อน ถ้าแกยืนยันที่จะร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้กับฉีโม่ก็ได้นะ ไปเปิดหูเปิดตาดูสักหน่อย ในขณะเดียวกัน ตัวเองก็มองดูเหล่าบรรดาคุณชายชั้นสูงดูบ้างนะ จะทำให้แกได้รู้ว่า ตัวเองกับคนเขามันต่างกันมากขนาดไหน!”
หลินอิ่งไม่ไดพูดอะไร กลับไปนั่งสมาธิที่ห้องอย่างเงียบๆ
“หึ!ยังกล้ามาทำหน้าไม่พอใจใส่ฉัน”ลู่หย่าฮุ่ยสบถเหอะออกมาอย่างเย็นชา มองประตูห้องของหลินอิ่ง“ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงก็จะต้องถีบแกออกไปจากบ้านนี้ให้ได้!”
“แม่ หยุดว่าเขาสักที หลินอิ่งก็ทำอะไรให้ตระกูลเราไม่น้อยเลยนะ”จางฉีโม่พูดขึ้นอย่างครุ่นคิด“ครั้งที่แล้วหลินอิ่งก็ให้คนมาทำเรื่องช่วยจ่ายเงินให้ แถมออกเงินซื้อรถอีก พอครั้งนี้ตอนซื้อบ้านก็ออกเงินเองอีก หนูรู้สึกว่า ไม่ควรจะเอาของใครมาเปล่าๆ แม่ก็ควรจะให้อะไรเพื่อเป็นหารแสดงความขอบคุณตอบกลับไปบ้าง”
“เงินที่บ้านลุงสามให้มาหนึ่งล้านเพื่อมายุติเรื่องราวนั่นในครั้งที่แล้ว หนูว่า เอาออกมาให้กับหลินอิ่งสักห้าแสนแล้วกัน”
จางฉีโม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“หนูจะเตรียมเงินอีกสักนิด เอาเงินที่เขาซื้อรถแล้วก็ค่าทำเรื่องธุรการ ทำการคืนเขาไปให้หมด ส่วนบ้าน หนูค่อยไปปรึกษากับเขาอีกที”
“นี่ลูกโง่หรือยังไง?”พอพูดถึงเรื่องเงิน สีหน้าของลู่หย่าฮุ่ยก็บึ้งตึงขึ้นทันที“นั่นเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำอยู่แล้ว? ลูกคิดว่าเขามีจิตใจดีหรือไง? เคยบอกลูกก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าของพวกนี้ก็ได้มาจากบารมีของลูกทั้งนั้น มันเป็นสัจธรรมอยู่แล้ว กับการที่เขาต้องแสดงความกตัญญูต่อตระกูลของพวกเรา!”
“แถม เงินหนึ่งล้านนี่ มันก็เป็นเงินเลี้ยงดูตอนแก่ของแม่และพ่อ ต้องเก็บไว้”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ใครก็อย่าคิดจะเอาไปได้ ส่วนตัวลูกก็อย่าโง่ เอาเงินไปให้เขาอีก เขาเกาะกินไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว!”
จางฉีโม่ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็กลับไปยังห้องเช่นเดียวกัน ดูแล้วตนเองคงจะต้องคิดหาวิธีเอาเงินนั้นให้กับหลินอิ่งเองซะแล้ว
……
เช้าวันต่อมา จางฉีโม่ก็ออกไปข้างนอกกับหลินอิ่ง
อู่เจิ้งได้ขับรถมาจอดอยู่ตรงประตูของชุมชนสุ่ยหยวนเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองขึ้นรถไป อู่เจิ้งขับรถมุ่งหน้าไปยังเขตตัวเมือง
ที่นั่งข้างหลัง หลินอิ่งหลับตาทำสมาธิ ส่วนจางฉีโม่สีหน้าไม่ค่อยดี
“หลินอิ่งแม่ของฉันก็นิสัยแบบนี้แหละ คำพูดที่เธอพูด คุณอย่าเก็บไปคิดเลยนะ”จางฉีโม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครั้งนี้คุณอุส่าช่วยซื้อบ้าน แต่แม่ของฉันก็เอาแต่ตำหนิคุณอยู่แบบนี้ คุณคงจะต้องรู้สึกไม่พอใจแน่ๆเลยใช่ไหม?”จางฉีโม่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกเกรงใจ
“ไม่หรอก”หลินอิ่งค่อยๆลืมตาขึ้น พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ เขาไม่ขนาดที่จะไปถือสาอะไรมากมายขนาดนั้นกับแม่ของฉีโม่
จางฉีโม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“เงินที่คุณให้คนมาช่วยจัดการทำเรื่องธุรการให้ครั้งที่แล้ว แล้วก็เงินซื้อรถด้วย ฉันจะโอนให้คุณตอนนี้เลย แต่ว่าเงินสองล้านที่คุณจ่ายซื้อบ้านในครั้งนี้ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น ฉันว่า คุณเอาโฉนดบ้านไปเก็บไว้ที่ตัวคุณเองจะดีกว่านะ