ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 454 ดูถูกคุณแล้วยังไง?
อาคารไวโอเลต
อยู่ที่ศูนย์กลางเขตเซียงหลันเมืองก่างที่เจริญรุ่งเรือง รอบด้านเต็มไปด้วยอาคารตึกสูง
อาคารพาณิชย์นี้ เดิมก็มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองก่างอยู่แล้ว ถือเป็นอาคารสัญลักษณ์แห่งเขตเซียงหลัน
ครั้งนี้ ถูกบริษัทข้ามชาติลาตินกรุ๊ปรับซื้อ ใช้เป็นอาคารสำนักงานสาขาเมืองก่าง ยิ่งทำให้มีชื่อเสียงกว่าเดิม
เรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องราวที่พูดคุยกันอย่างร้อนแรงในวงการธุรกิจเมืองก่าง บวกกับการโฆษณาของลาตินกรุ๊ปแล้ว ปล่อยแผนการลงทุนโครงการใหญ่ในเมืองก่างมากมาย เป็นผู้นำแนวทางธุรกิจใหม่
โดยเฉพาะ ในเวลาแบบนี้
ระบบการเงินในปั่นป่วนในเมืองก่าง การสู้รบกันในวงการธุรกิจระหว่างจี้ฉงซานกับบุคคลลึกลับ การใช้อำนาจผูกขาดในธุรกิจได้รับผลกระทบ
การก่อตั้งบริษัทสาขาของลาตินกรุ๊ป ถูกคนในแวดวงธุรกิจมองว่า เป็นจุดเปลี่ยนและแนวทางใหม่ของแนวทางธุรกิจในเมืองก่าง
เพราะว่า ลาตินกรุ๊ปเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีเงินทุนแน่นหนา สามารถเปลี่ยนสภาพแววล้อมทางการเงินของเมืองหนึ่งได้
บวกกับคนที่ควบคุมงานใหญ่ในอาคารไวโอเลตในครั้งนี้ คือโครเมียร์ แอนนา
คนที่ข่าวสารกว้างขวางล้วนได้ยินกันว่า โครเมียร์ แอนนา เป็นคุณหนูจากวงศ์ตระกูลที่มีทรัพย์สินแน่นหนาในฝั่งตะวันตก
ถึงแม้จะมีคนไม่รู้ว่าตระกูลโครเมียร์เป็นตระกูลระดับไหน เป็นแนวความคิดแบบไหน
แต่ว่า ก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านเอิร์ลแน่นอน
คำว่าท่านเอิร์ล ในเมืองก่างนั้นชื่อเสียงโด่งดัง
ขอแค่คนที่ทำธุรกิจกับต่างประเทศ ติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านเอิร์ลแน่นอน เพราะว่าผู้อาวุโสที่ลึกลับแห่งโลกตะวันตกท่านนี้ แข็งแกร่งและร่ำรวยมหาศาลมาก
หลานสาวสุดที่รักของท่านเอิร์ลมาเปิดสาขาย่อยที่เมืองก่าง ข่าวนี้ เป็นที่พูดคุยกันอย่างร้อนแรงในแวดวงสังคมเมืองกาง
รถของหลินอิ่งจอดที่หน้าอาคารไวโอเลต
หลินอิ่งพาฮาเดสเดินเข้าไปในอาคาร
คริสถูกหลินอิ่งส่งไปจัดการเรื่องภายในบริษัท
เวลานี้ รอบด้านอาคารไวโอเลต มีรถหรูจอดอยู่มากมาย มีคนที่แต่งกายสวยหรูทั้งในและต่างประเทศเข้าๆออกๆ สถานการณ์ครึกครื้น
ลานกว้างในชั้นแปด ได้ปูพรมแดงไว้แล้ว จัดโต๊ะคริสทัล มีพนักงานสาวผมทองในชุดทำงานแต่ละคน ทำหน้าที่ต้อนรับแขก บอดี้การ์ดต่างชาติแต่ละนายสีหน้าเย็นชา เดินดูแลความปลอดภัย
ห้องจัดงานอันกว้างขวาง บรรจุคนได้ถึงพันที่นั่ง เลิศหรูอลังการมาก
“คุณหลิน สวัสดีค่ะ ฉันคือเลขาของคุณแอนนา”
หลินอิ่งเพิ่งเดินเข้างาน ก็มีผู้หญิงต่างชาติผิวขาวใส่แว่น บุคลิกสง่าหน้าตาสวยงามคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ
“สวัสดี” หลินอิ่งพยักหน้าตอบอย่างมีมารยาท
“คุณหลิน คุณแอนนาจัดที่ไว้ให้ท่านแล้ว อยู่ในที่นั่งแขกวีไอพีการเปิดงานเลี้ยง” หญิงต่างชาติพูดอย่างจริงจัง “เชิญคุณตามฉันมา”
พูดไป เธอพาหลินอิ่งไปในกลางงานเลี้ยง ข้างโต๊ะคริสทัลที่โดดเด่น
หลินอิ่งนั่งลงไปบนที่นั่งอย่างสง่า เลขาสาวยื่นน้ำชาดำไปให้อย่างเคารพ
“คุณหลิน เชิญตามสบาย เมื่องานเปิดบริษัทเริ่มขึ้น คุณแอนนาจะมาด้วยตัวเอง” เลขาสาวบอก
“อีกอย่าง คุณแอนนาสั่งไว้ว่า ถ้าท่านมีความต้องการอะไรก็บอกกับพนักงานของเราได้เลย”
หลินอิ่งดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง แล้วพยักหน้า
เมื่อเลขาสาวจากไปแล้ว หลินอิ่งก็มองไปรอบด้าน
รอบด้าน บนโต๊ะแขก นั่งเต็มไปด้วยชายหญิงในชุดราตรีนั่งเต็มไปหมด
คนที่นั่งอยู่นั้นหน้าตาโดดเด่น ดูออกได้ง่ายว่าเป็นคนประเทศไหน
คนประเทศM ประเทศบริเตนใหญ่ ประเทศหลุง คนเอเชีย คนแอฟริกา คนเกาหลี คนต้าเหอ
นักธุรกิจของแต่ละประเทศ ล้วนมาร่วมงานเปิดบริษัทของโครเมียร์กรุ๊ป
เห็นได้ชัดว่า ตระกูลโครเมียร์มีผลกระทบมากแค่ไหนในต่างประเทศ
ไม่ว่านักธุรกิจที่อยู่ในเมืองก่าง หรือต่างประเทศได้ยินชื่อนี้แล้ว ต่างพากันมาตามชื่อเสียง
ดื่มชาไปหนึ่งแก้ว หลินอิ่งถือแก้วน้ำชา กำลังคิดอะไรบางอย่าง
โครเมียร์ แอนนา ผู้หญิงคนนี้ ดูเหมือนจะมีความทะเยอทะยานไม่น้อย
งานเลี้ยงเปิดบริษัทจัดได้ใหญ่โตขนาดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงพิธีก่อตั้งบริษัทเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนเป็นการแสดงถึงการมาของตระกูลโครเมียร์
แบบนี้ก็เหมือนการแสดงตัวเป็นผู้นำ เหมือนดั่ง “การประชุมศิลปะการต่อสู้” ในวงการธุรกิจ
ต้องรู้ว่า ผู้คนที่นั่งในนี้ ล้วนเป็นคนใหญ่โตมีหน้ามีตาในเมืองก่าง
แต่ว่า หลินอิ่งไม่ค่อยเข้าใจ แอนนาเชิญเขาให้มาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องการทำอะไร?
เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เชิญเพราะมารยาท แต่มีเป้าหมายอย่างอื่น
ไม่ว่ายังไง หลินอิ่งก็ถือให้หน้า มาร่วมงานของเพื่อนเท่านั้น
“พวกเธอดูชายหนุ่มประเทศหลุงคนนั้น? พวกเธอรู้จักไหม? ทำไมเขาถึงได้นั่งในที่นั่งแขกวีไอพีของตระกูลโครเมียร์ได้?”
“โอ้? ไม่รู้จัก ฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย หรือว่าเป็นเพื่อนใหม่ที่คุณแอนนาเพิ่งรู้จัก?”
“ไม่ใช่มั้ง ถ้าเป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จัก ทำไมถึงให้เขานั่งที่นั่งแขกวีไอพี? ดูเหมือนเขาสูงส่งกว่าทุกคนหนึ่งระดับ?”
“เพราะอะไร? ไอ้เด็กหนุ่มดูโง่เขลาคนหนึ่ง จะมีตำแหน่งฐานะสูงกว่าเรา?”
คนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะหลินอิ่ง ซุบซิบคุยกัน ถกเถียงกันด้วยสีหน้าไม่พอใจ
หลินอิ่งขมวดคิ้ว มองไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนประเทศMพวกนี้ อายุประมาณสามสิบ พูดภาษาต่างประเทศ
“โอ้ คนประเทศหลุงนั่นมองมาแล้ว หรือว่าเขาฟังภาษาของเราเข้าใจ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างตกใจ
“เขาจะไปฟังเข้าใจได้ยังไง? ถึงเขาจะเคยฝึกภาษาประเทศMก็ฟังไม่รู้เรื่อง พวกเราพูดภาษาประเทศM ในเมืองของพวกเรา ไม่ใช่ภาษากลางของประเทศM” คุณนายสาวต่างชาติคนหนึ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านประธานทุกท่าน พวกท่านไม่ต้องกังวล ถึงไอ้น่าโง่นี่จะได้ยินแล้วยังไง? หรือมันจะกล้าหาเรื่องกับพวกท่าน?” ชายหนุ่มประเทศหลุงคนหนึ่ง มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าดูถูก ในปากพูดภาษาประเทศM “เท่าที่ผมดูแล้ว ไอ้หน้าโง่นี่ก็แค่คนไม่เคยออกสังคม หาที่นั่งตัวเองไม่เจอ ไปนั่งที่แขกวีไอพีเพราะไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวถ้าพนักงานเห็น ก็คงไล่ไปเอง”
“อืม มีเหตุผล เสี่ยวเผ่ย นายพูดถูก” ชายแก่ต่างชาติใส่แว่นคนหนึ่ง พยักหน้า ท่าทางเห็นด้วย “แม้แต่พวกเรายังไม่ได้นั่งที่นั่งวีไอพีของตระกูลโครเมียร์เลย ดูท่าทางมันไอ้เด็กหน้าโง่ขนาดนั้น มีสิทธิ์อะไรไปนั่ง?”
คนที่นั่งแต่ละคน ล้วนเป็นคนต่างชาติที่ฐานะไม่ธรรมดา นักทุนนิยมฐานะไม่ธรรมดา ครั้งนี้ที่มาร่วมงานเลี้ยงพิธีเปิดงานของโครเมียร์กรุ๊ป ก็เพื่ออยากแสดงตัวประจบตระกูลโครเมียร์
มองดูแวดวงมหาเศรษฐีในเมืองก่างนี้ มีเด็กหนุ่มที่ไร้ชื่อเสียง นั่งอยู่บนที่นั่งตำแหน่งพิเศษของแขกวีไอพี อยู่เหนือพวกเขาระดับหนึ่ง ใครจะไปพอใจ?
“คุณกำลังพูดอะไร?”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มองไปที่ผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวเผ่ยคนนั้น
“นาย?”
เสี่ยวเผ่ยแววตาตะลึง มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าแปลกใจ
เขาคิดไม่ถึง ว่าหลินอิ่งจะฟังคำพูดเสียดสีของเขาเข้าใจ
“ถ้าคุณไม่พอใจอะไรในตัวผม ก็พูดตามตรงต่อหน้าผม ผมจะถือว่าคุณเป็นลูกผู้ชาย” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “ภาษาประเทศM คุณคิดว่ามีแค่คุณพูดเป็นคนเดียวเหรอ?”
ต่อหน้าเขา ใช้ภาษาต่างประเทศพูดจาเสียดสีด้วยสีหน้าดูถูก
นี่ไม่เห็นคนเป็นคนหรือไง?
“ฉัน ฉัน…..” เสี่ยวเผ่ยหน้าแดง ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรตอบสนองยังไง
“เสี่ยวเผ่ย นายอธิบายอะไรกับไอ้หนุ่มโง่นั่น จำเป็นต้องอธิบายกับมันด้วยเหรอ?”
คราวนี้ น้ำเสียงที่อวดดีก็ดังขึ้นมา
ชายต่างชาติผมหยิกผูกไทในชุดสีขาวคนหนึ่ง กอดสาวสวยหน้าตาดีคนหนึ่ง สีหน้ายโสโอหัง
“ถึงเสี่ยวเผ่ยจะด่านาย แล้วยังไง? ดูถูกนายแล้วยังไง? ไอ้หนุ่มยากจนอย่างนาย ฉันไม่เคยเห็นในเมืองก่าง มีสิทธิ์อะไรไปนั่งที่นั่งวีไอพี?” ชายผมหยิกถามเสียงเย็นชา พูดภาษาประเทศหลุงด้วยสำเนียงแปลกๆ น้ำเสียงอวดดีอย่างมาก
ข้างหลังเขา มีบอดี้การ์ดใส่แว่นดำสองนาย จ้องหลินอิ่งอย่างโหดเหี้ยม