ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 470 การเปลี่ยนแปลงที่เมืองชิงหยูน
“หมายความว่าอะไร?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าแม่ยายลู่หย่าฮุ่ย บ้าคลั่งเรื่องอะไรอีก
“บริษัทของฉีโม่ใกล้ล้มละลายแล้ว? หมายความว่ายังไง?” หลินอิ่งถามต่อ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคนใจไม้ไส้ระกำอย่างแก แกไม่มีสิทธิ์รู้” ในโทรศัพท์ เป็นเสียงที่ไม่พอใจของลู่หย่าฮุ่ย “แกไม่ใช่คนของตระกูลจางตั้งนานแล้ว ตอนนี้ แกรีบกลับจากเมืองก่าง มาจัดการเรื่องหย่ากับฉีโม่ จากนั้นก็ไสหัวไป อย่าโผล่หน้ามาให้บ้านเราเห็นอีก”
“บอกผมหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้น?” หลินอิ่งถามอย่างเคร่งขรึม รู้สึกถึงความผิดปกติ
“บอกแกอะไร? ถึงจะบอกไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกไปจะมีประโยชน์อะไร?” ลู่หย่าฮุ่ยตะโกนอย่างโมโห “แกนอกจากเกาะลูกสาวบ้านฉันกินแล้ว ยังมีความสามารถอะไรอีก? แกช่วยได้เหรอ?”
“เรื่องนี้ เกิดขึ้นก็เพราะแกเป็นต้นเหตุ เพราะว่าแกหลินอิ่ง แกคงรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ ไม่สนใจ?”
น้ำเสียงของลู่หย่าฮุ่ยไม่พอใจมาก ต่อว่าหลินอิ่งอย่างบ้าคลั่ง
“คุณชายตระกูลโจจะช่วยครอบครัวเราให้ผ่านวิกฤติเอง เขาจริงใจกับฉีโม่ แกมันนี่ไร้น้ำยา ตัวปัญหา รีบออกไปจากครอบครัวเรา”
“คำพูด ฉันก็พูดไว้ตรงนี้แล้ว ถ้าแกไม่ยอมมาจัดการเรื่องหย่า ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าพวกเราประกาศต่อภายนอกแล้ว แกหลินอิ่งได้ไสหัวออกจากตระกูลเราแล้ว รอแค่เวลาฉีโม่แต่งงาน”
พูดจบ ลู่หย่าฮุ่ยก็วางสาย
“ประธานหลิน ท่านมีธุระอะไรต้องยุ่งไหมครับ?” ฉู่สงซานสังเกตเห็น จึงพูดอย่างจริงจัง
“ถ้ามีธุระประธานหลินไปยุ่งก่อนเลยครับ มีเรื่องอะไร ก็โทรสั่งผมได้ทางโทรศัพท์”
หลินอิ่งพยักหน้า “ประธานฉู่ ผมไม่อยู่ต่อแล้ว ยังมีเรื่องต้องทำ”
พูดไป หลินอิ่งก็ลุกขึ้น ฉู่สงซานก็ลุกขึ้นส่งหลินอิ่งไปถึงนอกอาคาร
ฮาเดสรีบไปเอารถมา แล้วลงมาเปิดประตู
หลินอิ่งขึ้นไปนั่งบนรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาเย็นชา เขายิ่งฟังยิ่งรู้สึกมีปัญหา
คำพูดของลู่หย่าฮุ่ย มีข้อมูลมากมาย
เรื่องวุ่นวายมากมาย อะไรฉีโม่จะแต่งงานแล้ว?
บริษัทล้มละลาย?
ให้เขากลับไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย?
นี่มันอะไรกับอะไรเนี่ย?
คิดไปแล้วหลินอิ่งก็หยิบมือถือออกมาโทรหาจางฉีโม่
หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
เบอร์ฉีโม่โทรไม่ติด?
นี่คือ ตั้งค่าไว้?
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย
แล้วเขาก็โทรหาเจียงฉีกับเสิ่นซานที่เมืองชิงหยูน
โทรศัพท์ของเจียงฉีกับเสิ่นซานก็โทรไม่ติด
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว
“เมืองชิงหยูน เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกันเนี่ย?” หลินอิ่งบ่นพึมพำเอง แววตายิ่งอยู่ยิ่งคม มีแววความเย็นชาที่น่ากลัว
ลู่หย่าฮุ่ยโทรมาพูดอะไรที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง
เบอร์โทรฉีโม่โทรไม่ติด
เสิ่นซานกับเจียงฉีสองคนนี้ ก็ขาดกันติดต่อไปพร้อมกัน?
นี่มันเจาะจงเขาโดยเฉพาะ
ช่วงก่อน เขาเพิ่งคุยโทรศัพท์กับฉีโม่ ทำไมถึงได้ติดต่อไม่ได้กะทันหัน?
ช่วงที่เขาทำธุระอยู่เมืองก่าง เมืองชิงหยูนเกิดอะไรขึ้น?
หลินอิ่งสีหน้าเคร่งขรึม โทรศัพท์ให้คริส
“คริส จองตั๋วเครื่องบินให้ผมคืนนี้ ผมจะกลับตุงไห่คืนนี้”
“ประธานหลิน ท่านจะกลับตุงไห่?” น้ำเสียงของคริสตะลึงเล็กน้อย “ครับ ผมจะรีบไปจัดการ”
“แล้วคุณอยู่เมืองก่างต่อ จัดการเรื่องทั้งหมดของหลินซื่อในเมืองก่างให้เรียบร้อย”
“ถ้าบริษัทมีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้ โทรหาผม”
“ครับ ผมจะบริหารกิจการในเมืองก่างให้เรียบร้อยครับ” คริสพูดอย่างเคารพ
…….
เวลาเดียวกัน
วิลล่าหิมะมังกร ภายในคฤหาสน์หรู
จางฉีโม่นั่งอยู่ในห้องนอนตัวเอง ก้มหน้าแววตาหมองหม่น จับมือถือไว้ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
บนหน้าจอมือถือ แสดงเบอร์ที่ไม่ได้รับสายของหลินอิ่ง
“หลินอิ่ง ทำไมเพิ่งโทรหาฉันตอนนี้? เว้นระยะเวลานานขนาดนี้ เขาไปทำอะไรที่เมืองก่าง?” จางฉีโม่กัดริมฝีปากบ่นพึมพำเอง สายตาไม่พอใจ
เธอดูแล้วเหมือนเหนื่อยมาก บนใบหน้าที่สวยงาม ดวงตาอันสดใสนั้นเพิ่มเติมคือความอ่อนล้า
ช่วงนี้จางฉีโม่รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี
ครั้งที่แล้ว จ้าวหลินเอ๋อร์มาหาถึงบ้าน เขาโทรหาหลินอิ่งหลายครั้ง ปรากฏว่าทางหลินอิ่งกลับโทรไม่ติดเลย
เธอรู้สึกโกรธ ก็เลยไม่อยากหาหลินอิ่งอีก
เวลานี้ ไม่รู้หลินอิ่งโทรมาทำไม
“จ้าวหลินเอ๋อร์ให้คนส่งรูปถ่ายมาให้ฉัน มันคือความจริงไหม หลินอิ่ง คุณ คุณเป็นคนเจ้าชู้ชอบเที่ยวแบบนี้เหรอ?” จางฉีโม่กัดริมฝีปาก สีหน้าไม่พอใจ
เขาหยิบรูปถ่ายออกมาหนึ่งใบจากลิ้นชัก ภายในห้องจัดเลี้ยงที่หรูหรา หญิงสาวผมทองหน้าตาดีคนหนึ่ง นั่งอยู่ในอ้อมกอดของหลินอิ่ง กอดคอเขาไว้
ยังมีรูปถ่ายอีกใบ ก็คือรูปที่หลินอิ่งกับสาวผมทองคนนั้น เดินเข้าห้องสูทหรูด้วยกันสองคน
ความสัมพันธ์ของรูปถ่ายสองใบรวมกัน ทำให้จางฉีโม่บ้าคลั่ง โมโหอย่างมาก
ถึงแม้จะไม่เห็นสีหน้าของหลินอิ่ง แต่ว่า ท่าทางให้ความร่วมมือของเขาขนาดนี้ ต้องนอกใจแล้วจริงๆ
จางฉีโม่ยิ่งคิดยิ่งโมโห รู้สึกมึนไปหมด
อีกอย่าง รูปถ่ายใบนี้ จ้าวหลินเอ๋อร์ผู้หญิงบ้าคนนั้นส่งมาให้ด้วยตัวเอง เรื่องนี้สำหรับเธอแล้ว เป็นการเหยียดหยามอย่างมหาศาล
เรื่องของจ้าวหลินเอ๋อร์ จางฉีโม่เลือกที่จะเชื่อหลินอิ่ง
แต่สาวผมทองคนนี้ หลักฐานมัดตัว
ในใจจางฉีโม่ รู้สึกว่ายากที่จะเชื่อใจหลินอิ่งอีกแล้ว
ในใจของเธอทั้งเจ็บทั้งอึดอัด
“หลินอิ่ง คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่? ฉันเชื่อใจคุณมาตลอด หรือว่าสิ่งที่คุณทำต่อหน้าฉัน ล้วนเป็นการแสดงทั้งนั้น?” จางฉีโม่พูดพึมพำเอง “หรือว่า หลังจากที่คุณกลับไปตี้จิงแล้ว หาฐานะของคุณกลับมา เพราะฉะนั้น คุณเปลี่ยนไปแล้ว?”
จางฉีโม่คิดฟุ้งซ่านเอง คาดเดาสิ่งที่เป็นไปได้
“ลูก กินข้าวแล้ว อย่าอยู่แต่ในห้อง อย่าไปเสียใจเพราะไอ้คนไม่มีจิตใจ ไอ้ไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่งอีกเลย มันไม่คุ้มค่า”
“ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนั่น มันไม่คู่ควรที่จะทำให้ลูกไปโกรธ โยนมันทิ้งไปเลย”
นอกห้องเป็นเสียงของลู่หย่าฮุ่ย
จางฉีโม่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง พูดว่า “หนูรู้แล้วค่ะ เดี๋ยวหนูออกไปกินข้าว”