ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 479 ยังมีหน้ามาถาม?
“น้องพี่ วันนี้ไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากพี่กับหลินอิ่งได้ทดสอบฝีมือกันแล้ว ก็รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา” จ้าวเฉิงเฉียนอธิบายอย่างใจเย็น “พวกเราทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้ อะไรที่ได้มาด้วยความฝืนมันไม่หอมหวานหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะชอบหลินอิ่งจริง อีกหน่อยจะทำอะไรกับหลินอิ่ง ก็ระวังหน่อย อย่าโผงผางเหมือนเมื่อก่อน จนทำให้หลินอิ่งโมโห”
“ไม่ใช่? พี่ นี่มันอะไรกันเนี่ย? ทำไมหลังกลับจากเมืองก่าง พี่ก็เปลี่ยนไปเลย?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดไปแล้วมองหน้าจ้าวเฉิงเฉียนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
จ้าวหลินเอ๋อร์สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า ได้ยินคำพูดพวกนี้มาจากปากของพี่ชายอันเก่งกาจของเธอ พูดคำพูดที่ขี้ขลาดขนาดนี้ ยังบอกกับเธอว่าทำตัวอะไรกับหลินอิ่งเบาๆด้วย?
ไปเมืองก่างแค่รอบเดียว ความกล้าของพี่ชายจ้าวเฉิงเฉียนคนนี้ก็ไม่เหลือแล้ว?
ทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติที่มีต่อหลินอิ่งได้มากขนาดนี้?
จ้าวเฉิงเฉียนก็รู้สึกขายหน้า พยายามทำหน้านิ่ง พูดว่า “น้องพี่ พี่ก็หวังดีกับเธอ เธอต้องเห็นแก่สถานการณ์โดยรวมด้วย”
“รายละเอียดเรื่องทั้งหมดที่เกิดในเมืองก่าง พี่ก็ไม่สะดวกจะเล่าให้เธอฟังโดยตรง” จ้าวเฉิงเฉียนพูด “สรุปก็คือ พฤติกรรมที่ทำต่อหลินอิ่ง เธอต้องระวังด้วย ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่คนที่เธอจะควบคุมได้”
เรื่องของเมืองก่างมันเกี่ยวพันกับแก๊งหยางเหมินด้วย
จ้าวเฉิงเฉียนก็อธิบายให้จ้าวหลินเอ๋อร์ฟังไม่ได้
น้องสาวจ้าวหลินเอ๋อร์คนนี้ สำหรับจ้าวเฉิงเฉียนแล้วสำคัญมาก
ตอนแรกคิดว่า หลินอิ่งก็แค่ชายหนุ่มนิสัยอวดดี ถ้าอย่างนั้น ขอแค่เขาจ้าวเฉิงเฉียนไปสั่งสอนหน่อย ก็คงจะเชื่อฟังอย่างดีต่อหน้าน้องสาวเธอ
แต่หลังจากทดสอบฝีมือกับหลินอิ่งแล้ว พบว่า นี่มันไม่ใช่แค่ชายหนุ่มนิสัยอวดดีเท่านั้น มันคือเทพที่ไม่มีอะไรในสายตาเลย
ความสามารถ เงินทอง อำนาจ ทุกๆอย่างของหลินอิ่ง มันถึงขั้นที่ไม่อาจคาดคิดได้
คนระดับนี้ ไม่ใช่คนที่จ้าวเฉิงเฉียนจะสั่งสอนหรือกดดันได้ แม้แต่ทั้งตระกูลจ้าว ก็ทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้
ส่วนน้องสาวจ้าวหลินเอ๋อร์คนนี้ ก็ทำท่าทางเหมือนนอกจากหลินอิ่งแล้วใครก็ไม่เอา น่าปวดหัวจริงๆ
แค่น้องสาวตัวเอง จะไปคุมหลินอิ่งอยู่ได้ยังไง? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สักวันต้องเสียเปรียบแน่
“เพราะอะไร?” จ้าวหลินเอ๋อร์คัดค้าน พูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมหนูต้องทำตัวถ่อมตนต่อหน้าหลินอิ่ง? เขายังไม่มีหนูอยู่ในสายตาเลย ไปมั่วอยู่กับสาวฝรั่ง ยังไม่มาสนใจหนู หนูยังต้องไปเกรงใจเขาอีก?”
“พี่ลืมแล้วเหรอ? หลินอิ่งเขามีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลจ้าวเรา หนูมีสิทธิ์ทุกอย่าง หรือว่าเขาทำตัวเหลวไหลอยู่ข้างนอก แล้วหนูยังต้องยอมเขาอีก?” จ้าวหลินเอ๋อร์ถาม
จ้าวเฉิงเฉียนนวดขมับ รู้สึกปวดหัว
“น้อง เรื่องนี้ฟังพี่เถอะนะ อย่าเอาแต่ใจอีกเลย” จ้าวเฉิงเฉียนขมวดคิ้ว “เฮ้อ ครั้งที่แล้วพี่พลาดเอง ยังไม่มั่นใจก็ส่งรูปมาให้เธอ ตอนนี้รูปถ่ายถูกส่งออกไปแล้ว ทำให้หลินอิ่งต้องวุ่นวาย หลินอิ่งต้องคิดได้แน่ว่าพี่เป็นคนทำ ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่”
คนระดับหลินอิ่ง ไม่ว่ายังไงจ้าวเฉิงเฉียนก็ไม่อยากเป็นคู่ต่อสู้กัน
“พี่ ทำไมพี่ถึงกลัวโน้นกังวลนี่? เป็นอะไรไปเนี่ย? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ถึงแม้ว่าหลินอิ่งจะรู้ว่ารูปถ่ายนั้นพี่เป็นคนส่งออกไป แล้วยังไง? เขาจะกล้าหาเรื่องพี่เหรอ?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างใส่ใจ
“อีกอย่าง พี่ใหญ่ เรื่องนี้ตระกูลจ้าวของเราสมเหตุสมผล หลินอิ่งเป็นผู้ชายที่มีสัญญาหมั้นหมายกับหนู ไปนอกใจอยู่ข้างนอก ไปมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับสาวฝรั่ง นี่จะทำให้ตระกูลจ้าวเราเอาหน้าไปไว้ไหน?” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา ในแววตามีความอิจฉาเล็กน้อย
แค่พูดถึงเรื่องนี้ ในใจจ้าวหลินเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความอิจฉา
หลินอิ่งอยู่ต่อหน้าเธอแล้วเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง ไม่เคยมองหน้าดีๆด้วยซ้ำ ปรากฏว่าหันไปเมืองก่าง กลับไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือไม่ชัดเจน ทั้งคุยทั้งยิ้มแย้มต่อหน้าสาวฝรั่ง
นี่มัน ดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีจ้าวหลินเอ๋อร์เกินไป
“น้องเก้า เธอจะคิดแบบนี้ไม่ได้ สรุปคำเดียวก็คือ ไม่ว่าหลินอิ่งจะทำอะไร นั่นมันก็เรื่องของเขา เขามีความสามารถที่จะทำ เธออย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง
“เห้อ” จ้าวหลินเอ๋อร์ทำเสียงเย็นชา “หนูรู้ว่าหลินอิ่งมีความสามารถ แล้วยังไง? เขาเป็นผู้ชายของหนู สัญญาหมั้นหมายจากวงศ์ตระกูล หนูไม่เชื่อ ว่าต่อไปเขาใช้ชีวิตในวงการตี้จิงยังไง หน้าตาตระกูลฉียังจะเอาอยู่ไหม”
จ้าวเหลินเอ๋อร์ยึดถือหลักการเดียว
หลินอิ่งเป็นผู้ชายของเธอ นี่เป็นสัญญาหมั้นหมายระหว่างนายท่านของตระกูลฉีและตระกูลจ้าว
ใครก็หวั่นไหวใจของเธอที่จะไล่ตามหลินอิ่งไม่ได้ เธอถึงจะเป็นผู้หญิงตัวจริงของหลินอิ่ง
“เฮ้อ” จ้าวเฉิงเฉียนตบหัวตัวเอง ไม่รู้จะพูดยังไงกับน้องสาวที่หลงใหลหลินอิ่งขนาดนี้ยังไงแล้ว
“พอแล้วพี่ พี่ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้กับหนูแล้ว หนูไม่อยากฟังแล้ว ตอนนี้พี่ถูกหลินอิ่งทำให้กลัวไปหมดแล้ว” จ้าวหลินเอ๋อร์พูดสีหน้าไม่พอใจ “หนูจะไปเจอหลินอิ่งตอนนี้ หนูจะดูว่าเขามีความสามารถแค่ไหนกัน กล้าดียังไงถึงทำเรื่องแบบนี้ได้?”
จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเคร่งเครียด พูดว่า “ก็ได้ น้องพี่ เรื่องของเธอกับหลินอิ่งก็คิดเอาเองละกันนะ แต่ว่า พี่ขอเตือนแค่คำเดียว อย่าไปทำให้หลินอิ่งหมดความอดทน ไม่อย่างนั้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ”
กำลังพูดอยู่ จ้าวหลินเอ๋อร์ก็นั่งเข้าไปในรถ บอดี้การ์ดหญิงขับรถเข้าไปในฝั่งเมืองเหนือของเมืองชิงหยูน
จ้าวเฉิงเฉียนจับแหวนหยกบนนิ้ว คิดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เหล่าหม่า หลินเอ๋อร์ทำบริษัทของภรรยาหลินอิ่งล้มละลาย คุณว่าหลินอิ่งจะบ้าคลั่งไหม” จ้าวเฉิงเฉียนถามอย่างเคร่งเครียด
“พูดยาก นิสัยของหลินอิ่งคนนี้ก็เข้าใจยาก” หัวหน้าหม่าพูดอย่างจริงจัง “แต่ว่า เพื่อป้องกันไว้ก่อน ผมว่าเจ้าสำนักควรเรียกคนมาจากแก๊งหยางเหมิน เพื่อเตรียมตัวไว้ตลอดเวลา”
“เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่ หากหลินอิ่งโมโหขึ้นมาก สิ่งที่พวกเราทำได้ ก็คือปกป้องชีวิตคุณหนูใหญ่ไว้” หัวหน้าหม่าพูดเสียงเรียบ
“เฮ้อ” จ้าวเฉิงเฉียนถอนหายใจ จากนั้นก็ถามต่อ “เบื้องหลังในแวดวงผู้ลึกลับของหลินอิ่ง สืบได้ยังไงบ้าง?”
“ไม่ได้อะไรเลยครับ” หัวหน้าหม่าพูดอย่างจริงจัง “เบื้องหลังหลินอิ่งในแวดวงผู้ลึกลับ ไม่มีใครรู้เลย”
จ้าวเฉิงเฉียนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรอีก
น้องสาวของตัวเองจ้าวหลินเอ๋อร์หลงรักคนอย่างหลินอิ่ง ไม่รู้ว่ามันเป็นบุญ หรือกรรมของตระกูลจ้าว……
ยี่สิบนาทีผ่านไป
จ้าวหลินเอ๋อร์พาบอดี้การ์ดหญิงสองคน เดินเข้าไปในฉินหยุนโล๋อย่างสง่า
ภายในฉินหยุนโล๋ บอดี้การ์ดชุดสูทยืนกันเป็นแถวต้อนรับอย่างเคารพ
ไม่นาน จ้าวหลินเอ๋อร์ก็ไปถึงห้องรับรองที่หลินอิ่งอยู่
มองดูจ้าวซานนอนอยู่บนพื้นอย่างกับหมา จ้าวหลินเอ๋อร์ก็มองไปอย่างขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลินอิ่งใส่เสื้อเชิ้ตอย่างเรียบง่าย ยืนอยู่ริมหน้าต่าง
“ท่านหลิน คุณหนูจ้าวมาแล้ว” ฉินฝู้กุ้ยรายงานเสียงเบาอยู่ข้างๆ
หลินอิ่งค่อยๆหันไป พูดอย่างเย็นชา “จ้าวหลินเอ๋อร์ เธอทำเรื่องวุ่นวายในเมืองชิงหยูน ยังทำอะไร?”
จ้าวหลินเอ๋อร์หัวเราะเย็นชา พูดว่า “หลินอิ่ง ผู้ชายสารเลว ยังมีหน้ามาถามฉันอีก?”