ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 482 คางคกขึ้นวอ
“พี่ นี่?” จ้าวหลินเอ๋อร์ไม่ยอม มองดูจ้าวเฉิงเฉียนด้วยท่าทางน่าสงสาร
“ไม่ต้องพูดแล้ว คุณปู่เรียกตัวแล้ว ให้พี่ต้องพาเธอกลับตระกูลจ้าวให้ได้” จ้าวเฉิงเฉียนพูดเคร่งขรึม
จ้าวเฉิงเฉียนรู้ตัวว่าควบคุมน้องสาวที่ถูกความรักทำให้เลอะเลือนคนนี้ เอือมระอาจนต้องรายงานกับนายท่านของตระกูล
เพราะเหตุนี้ จ้าวเฉิงเฉียนยังเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาพบเจอในเมืองก่างให้นายท่านจ้าวฟัง
พูดอย่างละเอียดถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของหลินอิ่งคนนี้
นายท่านจ้าวฟังจบแล้ว ออกคำสั่งเด็ดขาด ต้องพาจ้าวหลินเอ๋อร์กลับตี้จิงให้ได้ ให้เธอไปสร้างความวุ่นวายอีกไม่ได้ ยั่วโมโหหลินอิ่ง
แม้แต่นายท่านจ้าว ยังมีความเกรงกลัวต่อหลินอิ่ง
“เฮ้อ” จ้าวหลินอ๋อร์ทำเสียงไม่พอใจ ขึงตาใส่หลินอิ่ง “หลินอิ่ง ถ้าคุณไม่ไปหาฉันที่ตระกูลจ้าว ฉันจะกลับไปฟ้องนายท่านฉีที่ตี้จิง”
จ้าวเฉิงเฉียนเหงื่อแตก รีบดึงตัวจ้าวหลินเอ๋อร์ไป
“หลินอิ่ง นายท่านจ้าวก็มีคำพูดให้คุณ รอคุณกลับตี้จิงเมื่อไหร่ หวังว่าคุณจะไปที่ตระกูลจ้าวสักครั้ง นายท่านรอคุณอยู่”
จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง
จากนั้น จ้าวเฉิงเฉียนก็รีบพาคนออกไป
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย สายตาค่อยๆเฉียบคมขึ้น
“ฉินฝู้กุ้ย ไปพาเสิ่นซานกับเจียงฉีมา”
“ครับ” ฉินฝู้กุ้ยพยักหน้า พาลูกน้องเดินออกจากออฟฟิศ
ยี่สิบนาทีผ่านไป
เจียงฉีกับเสิ่นซานมาถึงออฟฟิศ ทั้งสองมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าคลุมเครือ
“ท่านหลิน กลับมาแล้วเหรอครับ”
“ประธานหลิน ผม…..”
เจียงฉีสองคนยืนอย่างกระสับกระส่าย อยู่หน้าโต๊ะทำงาน มีความรู้สึกไม่กล้าเผชิญหน้า
พวกเขาสองคน ถูกจ้าวหลินเอ๋อร์จับตัวโดยไม่นองเลือด
ระหว่างทางมาฟังฉินฝู้กุ้ยพูด จ้าวหลินเอ๋อร์ฉวยโอกาสที่หลินอิ่งไม่อยู่ สร้างความวุ่นวายในเมืองชิงหยูน ใช้กิจการที่พวกเขาสองคนช่วยประธานหลินดูแล ไปกีดกันคุณนายหลิน?
ตอนนี้ ไม่รู้ว่าประธานหลินจะโมโหร้ายหรือไม่
“พอแล้ว คุณสองคนไม่เป็นไรก็พอ” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “เรื่องนี้ผมไม่โทษคุณสองคน คนระดับจ้าวเฉิงเฉียน พวกคุณสู้ไม่ได้อยู่แล้ว”
หลินอิ่งรู้ดี จากความสามารถของเสิ่นซานและเจียงฉี ยังสู้กับคนโหดระดับจ้าวเฉิงเฉียนที่มาจากแวดวงลึกลับไม่ได้
“ผมเรียกพวกคุณมา ก็เพื่อดูว่าพวกคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “อีกอย่าง ผมมีเรื่องจะสั่งให้พวกคุณไปจัดการ”
“ไห่หยางกรุ๊ป แล้วก็ลาตินกรุ๊ปเมืองชิงหยูน พวกคุณรีบไปจัดการให้เรียบร้อย ทำให้กิจการทุกอย่างกลับมาดำเนินการปกติ”
“แล้วก็ ทำให้กิจการทุกอย่างของบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อกลับมาปกติทุกอย่าง”
เจียงฉีกับเสิ่นซานฟังคำสั่งอย่างตั้งใจ พูดอย่างจริงจัง “รับทราบคำสั่งประธานหลินครับ พวกเรากลับไปแล้วจะรีบจัดการให้เรียบร้อย”
หลินอิ่งพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
……..
วัยที่สอง
บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ อาคารฉีซื่อ
รถเบนท์ลี่ย์สีดำขับมาจอดหน้าอาคาร หลิวจุนเปิดประตูรถอย่างถนัด
หลินอิ่งใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างกระฉับกระเฉง ลงจากรถ เดินเข้าอาคารด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ที่นี่อาคารสำนักงานของบริษัท หลังจากที่ฉีโม่ขยายบริษัทเติบโตขึ้น
ฉีโม่ไม่ยอมพบเขา
เขา ก็ต้องมาดูที่บริษัทก่อน ว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง
ก่อนหน้านี้ก็รู้แล้วว่า จ้าวหลินเอ๋อร์สร้างความโกลาหลที่เมืองชิงหยูน
แต่ว่า ไม่รู้ว่าผู้หญิงบ้าคนนี้ทิ้งแผนการอะไรไว้หรือไม่
เพราะว่า จากผลกระทบของจ้าวหลินเอ๋อร์ แค่คำสั่งเดียว ก็ทำให้เมืองชิงหยูนสะเทือนได้ทั้งเมือง
จ้าวหลินเอ๋อร์ออกหน้าเอง ใช้อำนาจจ่อจงบริษัทของฉีโม่
พวกฝูงนกฝูงกาทั้งหลาย ไม่รู้ว่าจะผีซ้ำด้ำพลอยหรือเปล่า โดยเฉพาะคนตระกูลจาง ยิ่งหวังร้ายกับฉีโม่อยู่
หลินอิ่งเดินเข้าไปในลิฟต์ของอาคารฉีซื่อ มาถึงห้องทำงานผู้บริหารระดับสูง
ภายในห้องทำงาน มีกลุ่มคนในชุดสูทอยู่กลุ่มใหญ่ กำลังจัดการเอกสารอยู่
เห็นหลินอิ่งเดินเข้ามา คนในเหตุการณ์ต่างก็หันมามองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ทุกคน ผมขอถามหน่อย ประธานจาง วันนี้เข้ามาบริษัทไหม” หลินอิ่งมองไปที่ทุกคน ถามด้วยเสียงเรียบ
“คุณหาประธานจางคนไหน?” ชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งถามอย่างสงสัย “แล้วคุณเป็นใคร?”
“หาประธานจางคนไหน?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว “หรือว่า ในบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อมีประธานจางหลายคน?”
“แน่นอน มีประธานจางสองคน รองประธานบริหารจางหงจูนคนหนึ่ง รองประธานจางหงซวนอีกคน” ชายหนุ่มชุดสูทพูด “คุณจะหาคนไหน? นัดล่วงหน้าหรือเปล่า?”
ได้ยินแล้ว สีหน้าหลินอิ่งก็เคร่งขรึมลง
บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อที่ตัวเองสร้างขึ้นเพื่อให้ฉีโม่
ตอนนี้ คนในบริษัท กลับรู้จักแค่จางหงซวนกับจางหงจูน ไม่รู้จักฉีโม่แล้ว?
“ออ ฉันจำได้แล้ว คนนี้มันหลินอิ่งลูกเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลจางผู้มีชื่อเสียงไม่ใช่เหรอ? แขกพิเศษจริงๆ”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา
“นายคงไม่ได้มาหาจางฉีโม่หรอกนะ? เหอะเหอะ น่าเสียดาย เมียนายจางฉีโม่ ไม่ใช่ประธานบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อแล้ว เธอโดนปลดตำแหน่งแล้ว”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าหยอกล้อ
“หลินอิ่ง? โอ้โห ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นายอยากเกาะผู้หญิงกิน เกรงว่าจะมาผิดที่แล้วนะ”
เวลาเดียวกันนั้น น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
จางเถียนไห่ใส่ชุดสูทลวดลายสีฉูดฉาด สวมแว่นกันแดดเดินเข้ามาก มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าหยอกล้อ สีหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ
“จางเถียนไห่? ใครให้นายเข้ามาในอาคารนี้?” หลินอิ่งถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นายคงยังแยกแยะสถานการณ์ไม่ถูกซินะ?” จางเถียนไห่แกว่งแขน พูดด้วยสีหน้าได้ใจ “บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อล้มละลายแล้ว โจผิงคุณชายสามแห่งตระกูลโจรับซื้อไว้ ตระกูลเราก็มีหุ้นส่วนด้วย”
“ฉันต่างหากที่ต้องสงสัย นายมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในอาคารนี้?” จางเถียนไห่ถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “หลินอิ่งเอ้ย หลินอิ่ง นายนี่มันยังขี้ขลาดเหมือนหนูไม่เปลี่ยน ทุกครั้งที่เกิดเรื่องใหญ่ก็หลบหนี รู้แต่หลบอยู่ข้างหลังผู้หญิง”
“ครั้งนี้ แม้แต่บริษัทเมียนายก็ถูกรับซื้อไปแล้ว ไอ้แมงดาอย่างนาย จะไปมีความสามารถอะไรได้?”
จางเถียนไห่พูดเยาะเย้ยไม่หยุด ท่าทางเหมือนคางคกขึ้นวอ
“เห้อ ลืมบอกนายไป” จางเถียนไห่ตบหัว ท่าทางเสแสร้ง “ได้ข่าวว่า เมียนายหย่ากับนายแล้วใช่ไหม? อีกอย่าง จางฉีโม่ น้องสาวฉัน จะแต่งเข้าตระกูลมหาเศรษฐีอย่างตระกูลโจ ตัดขาดความสัมพันธ์กับคนไร้น้ำยาอย่างนายไปแล้ว”
“ตอนนี้ หลินอิ่งไอ้ไร้น้ำยาอย่างนาย ฉันจะคอยดูว่า ในเมืองชิงหยูนนี้ยังมีใครคุ้มหัวนายได้อีก ยังมีใครช่วยนายได้ วันนี้เจอกันแล้ว ฉันไม่สั่งสอนนายดีๆได้ยังไง?” จางเถียนไห่หัวเราะพูดอย่างชั่วร้าย จับหมัดสะบัดมือไปด้วย