ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 483 คำซุบซิบนินทา
จางเถียนไห่ยิ่งพูดยิ่งได้ใจ ได้ใจอย่างลืมตัว โบกมืออย่างโอหัง เรียกบอดี้การ์ดชุดสูทหลายคนที่เฝ้าหน้าประตู
“หลินอิ่งเอ้ย เมื่อก่อนนายใช้อำนาจเมียนาย อวดดีเหลือเกิน” จางเถียนไห่พูดด้วยสีหน้าหยอกล้อ “ฉันรอวันนี้มานานแล้ว”
ครอบครัวจางฉีโม่เจริญก้าวหน้า ทำให้จางเถียนไห่อิจฉาตาร้อนจนตาจะถลนออกมาแล้ว อิจฉามาก
วันนี้ได้เห็นบริษัทของจางฉีโม่ถูกคนทำให้ล้มละลาย เขาอยากเหยียบย่ำหลินอิ่งมาตลอด ก็ถูกจางฉีโม่ไล่ออกจากบ้าน ความรู้สึกไม่พอใจนั่น เกินจะบรรยาย
“ไอ้นี่มันมาก่อกวนที่บริษัทเรา ช่วยฉันจัดการสั่งสอนมันหน่อย จากนั้นเอาตัวมันไปคุกเข่าหน้าประตูบริษัท เพื่อเป็นการตักเตือน” จางเถียนไห่พูดอย่างโอหัง จ้องหลินอิ่งด้วยสายตาโหดเหี้ยม
พูดไปด้วย บอดี้การ์ดชุดสูทหลายคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เตรียมตัว เดินเข้ามาหาหลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
เขาไม่เคยคิดเลย ว่าบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อที่ตัวเองสร้างขึ้นเพื่อฉีโม่ จะกลายเป็นสภาพนี้
ตัวตลกอะไรก็กระโดดโลดเต้นที่นี่ได้
คุณชายตระกูลโจรับซื้อ? ยังให้จางเถียนไห่พ่อลูกร่วมหุ้นด้วย?
“หลิวจุน เข้ามาทำงาน”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมา นั่งลงไปอย่างสง่าผ่าเผย จุดบุหรี่มวนหนึ่ง
“ประธานหลิน ผมอยู่นี่ครับ”
หลิวจุนที่ยืนรออยู่หน้าประตู เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เคร้งเคร้ง
กลุ่มบอดี้การ์ดที่จางเถียนไห่เรียกเข้ามา กำลังจะลงมือกับหลินอิ่ง หลิวจุนดึงเก้าอี้ขึ้นมาตัวหนึ่งพุ่งเข้าไป เคร้งคร้างไม่กี่ที ก็ต่อยจนบอดี้การ์ดหลายคนนั้นหัวแตกเลือดอาบ ล้มลงไปร้องโอดโอยบนพื้น
“อ้าก นี่มันอะไรกัน? ทำร้ายคนจนขนาดนี้? พวกเราจะแจ้งความไหม?”
“รีบโทรรายงานประธานจางทั้งสองท่านให้รีบมา เรื่องราวใหญ่โตแล้ว”
พอหลิวจุนลงมือ ก็ทำให้พนักงานธุรการในออฟฟิศตกใจกันทุกคน ต่างก็แสดงอาการสีหน้าตกใจ มองดูบอดี้การ์ดที่เลือดไหลนอนอยู่กับพื้น ก็พากันพูดคุยกันขึ้นมา
“แม่งเอ้ย ยังกล้าพาคนมาหาเรื่องอีก?” จางเถียนไห่ด่าไปประโยคหนึ่ง ด้วยสีหน้าโมโห แล้วรีบไปหลบอยู่ข้างหลังคนอื่น หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
“คุณชายโจ ผมคือจางเถียนไห่ บริษัทเกิดเรื่องแล้ว หลินอิ่งสามีเก่าของจางฉีโม่มาก่อเรื่อง”
“ใช่ ก็คือไอ้ลูกเขยไร้น้ำยาขึ้นชื่อของตระกูลจางเราคนนั้น”
“คุณชายโจ คุณรีบพาคนมา? ครับครับครับ…….”
เพี้ยะ
จางเถียนไห่ยังอยากโทรเรียกคนมาอีก หลิวจุนกระโดดห้ามโต๊ะทำงาน พุ่งเข้ากลุ่มคน ดึงตัวจางเถียงไห่ออกจากกลุ่มคน ตบไปที่หน้าของเขาจนตัวหมุน จนมือถือกระเด็นออกไป
“ไอ้ระยำ ต่อหน้าประธานหลินยังอวดดีไม่จบไม่สิ้น ยังกล้าโทรเรียกคนมา?” หลิวจุนบีบคอของจางเถียนไห่ไว้ พูดอย่างโหดเหี้ยม
“อยากเป็นอริกับท่านหลิน? ในเมืองชิงหยูน แกเรียกใครมาก็ช่วยแกไม่ได้ รู้หรือยัง?” หลิวจุนด่าอย่างเย็นชา ดึงหัวของจางเถียนไห่โยนลงพื้น
“เอื้อกอ้าก แก แม่งเอ้ยแกกล้าทำร้ายฉันเหรอ? พ่อฉันจางหงซวน เบื้องหลังตระกูลฉันเป็นถึงตระกูลโจ แกกล้ามีเรื่องด้วยไหม” จางเถียนไห่ร้องอย่างเจ็บปวด ตะโกนอย่างโมโห
หลิวจุนสะบัดมือตบไปอีกสองครั้ง ตบไปที่หน้าของจางเถียนไห่อย่างแรง รุนแรงมาก ตบไปสองครั้งจนทำให้เขาหน้าบวม แลบลิ้นหายใจหอบเหมือนหมา
ตามนั้น หลิวจุนลากตัวจางเถียนไห่ที่ล้มอยู่กับพื้นเหมือนหมา ลากไปถึงข้างหน้าหลินอิ่ง
“ต่อหน้าท่านหลินพูดจาระวังหน่อย ยังกล้าอวดดีอีก วันนี้ฉันจัดการแกแน่” หลิวจุนพูดอย่างโหดเหี้ยม “ฉันชื่อหลิวจุน กลับไปถามพ่อแกดู ว่าฉันเป็นคนระดับไหนในเมืองชิงหยูน”
พูดไป หลิวจุนก็ถีบไปที่เข่าของจางเถียนไห่ ให้เขาคุกเข่าต่อหน้าหลินอิ่ง
“อะไร? คุณคือหลิวจุน ทำไมคุณถึงเรียกไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งว่าท่านหลิน?” จางเถียนไห่สีหน้าหวาดกลัว เงยหน้าขึ้น มองหลินอิ่งอย่างไม่อยากเชื่อ
เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหลิวจุน นั่นเป็นหัวหน้าแห่งโลกใต้ดินในตุงไห่ ลูกน้องที่ท่านเสิ่นซานไว้ใจที่สุด อำนาจตำแหน่งในโลกแห่งความมืดเมืองชิงหยูนนั้นสูงมาก
คนสูงส่งขนาดนี้ ทำไมถึงเรียกไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนี่ว่าท่านหลิน?
หลินอิ่งค่อยๆดับบุหรี่ในมือ มองจางเถียนไห่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จางเถียนไห่ จนถึงวันนี้แล้ว นายยังแยกแยะไม่ถูก ว่านายอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว เป็นแค่ตัวอะไร?” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา
“พ่อนาย จางหงจูน เข้ามามีหุ้นส่วนในบริษัทฉีซื่อได้ยังไง?” หลินอิ่งถามอย่างเย็นชา
“นี่…….”
จางเถียนไห่สมองว่างเปล่า คุกเข่าต่อหน้าหลินอิ่ง รู้สึกอับอายและโมโหอย่างที่สุด
ตอนนี้ เขารู้สึกว่า ท่าทางที่หลินอิ่งแสดงออกมา ไม่ใช่ลูกเขยไร้น้ำยาเกาะเมียกินที่เขาเคยรู้จัก
“ท่านหลินให้นายพูด นายไม่ได้ยินเหรอ?”
เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ
หลิวจุนดึงหัวของจางเถียนไห่ไว้ ตบลงไปสองครั้งอย่างแรง ตบจนจางเถียนไห่กระอักเลือด
“ผม ผมพูด อย่าตบอีกเลย ตบอีกต้องตายแน่”
จางเถียนไห่คุกเข่าขอร้องอยู่กับพื้น ถูกหลิวจุนตบจนหวาดกลัวไปหมดแล้ว
“หลินอิ่ง ฉันบอกนาย ครอบครัวฉันเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ นั่นก็เพราะได้ความช่วยเหลือจากคุณชายตระกูลโจโจผิง” จางเถียนไห่พูด “นายอย่าทำเกินเลยไปนะ ฉันจะบอกนาย ตอนนี้ตระกูลจางของเราติดตามตระกูลโจอยู่ ทำงานภายใต้ตระกูลโจ นายกล้าทำฉัน นั่นก็เท่ากับไม่ไว้หน้าตระกูลโจ”
จางเถียนไห่ใช้ชื่อตระกูลโจ หวังอยากข่มขู่หลินอิ่ง
เท่าที่เขาดูแล้ว หลินอิ่งไม่รู้ใช้ความสัมพันธ์เส้นสายอะไร ถึงได้รู้จักท่านเสิ่นซาน
แต่ว่า ไม่ว่าหลินอิ่งจะแน่แค่ไหน ก็คงไม่กล้าเป็นอริกับตระกูลโจเมืองชิงหยูนหรอก?
“ตระกูลโจ โจผิง? เหอะเหอะ……” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ส่ายหน้า
ตระกูลโจเมืองชิงหยูน?
ตอนที่เขาช่วยประคับประคองเสิ่นซานให้ขึ้นตำแหน่ง จัดการโจปินของตระกูลโจ ตระกูลโจไม่กล้าพูดสักคำ
ตอนนี้โจผิงโดดออกมา ดูท่าแล้วกล้าไม่เบา
หลินอิ่งรู้ ว่าโจผิงก่อนหน้านี้ถูกจ้าวหลินเอ๋อร์สั่งให้ทำงาน บวกกับเจียงฉีกับเสิ่นซานไม่ได้อยู่ดูแลเมืองชิงหยูน ตระกูลโจนี่ก็ขึ้นมาเหิมเกริมแล้ว
“อีกอย่าง หลินอิ่งฉันจะบอกนาย ช่วงนี้ในแวดวงไฮโซเมืองชิงหยูนต่างก็ลือกันว่า โจผิงกับจางฉีโม่หมั้นหมายกันแล้ว อีกไม่กี่วันทั้งสองคนก็จะจัดงานแต่งแล้ว” จางเถียนไห่พูดเสียงเรียบ “นายวิ่งมาหาเรื่องฉันตอนนี้ ถ้าหากทำให้คุณชายโจเข้าใจผิด นึกว่านายไม่พอใจ นายไม่รอดแน่”
“ข่าวลือในวงไฮโซเมืองชิงหยูน? ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ?” หลินอิ่งมองจางเถียนไห่เย็นชา
“เหอะเหอะ เรื่องนี้แกไม่เคยได้ยินเหรอ? ลือกันไปทั่ว มีเขาสวมอยู่บนหัวนาย ช่วงที่นายไม่อยู่เมืองชิงหยูน จางฉีโม่กับคุณชายโจใกล้ชิดมีความสัมพันธ์กัน ทั้งสองคนขึ้นเตียงกันแล้วด้วย ยังมีคนเคยเห็นทั้งสองคนเข้าห้องนอนพร้อมกัน” จางเถียนไห่พูดด้วยสีหน้าหยอกล้อ แววตาโกรธแค้นและเหยียดหยาม