ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 486 หมั้นหมายแต่งงาน?
คุณชายตระกูลโจ โจผิง เป็นทายาทที่ตระกูลโจเมืองชิงหยูนตั้งใจเลี้ยงดูเป็นพิเศษ หลายปีก่อนไม่ได้อยู่ในแวดวงเมืองชิงหยูน แต่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
หลังจากโจผิงเรียนจบกลับมา ก็ถูกตระกูลโจส่งไปที่ตี้จิง จิงหลิง เมืองก่าง เมืองใหญ่เหล่านี้เพื่อฝึกฝน เพิ่มประสบการณ์การเข้าสังคม เสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์
ดังนั้น ในเมืองชิงหยูน โจผิงก็เหมือนดั่งคนในตำนาน
บุคคลนี้ชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงสังคมไฮโซ แต่ความจริงแล้วน้อยคนมากที่จะเคยเห็นความสามารถของเขา
ส่วนครั้งนี้ หลังจากโจผิงกลับมาเมืองชิงหยูนแล้ว ประกาศกะทันหันว่าจะแต่งงานกับคนมีชื่อเสียงในวงการเครื่องประดับเมืองตุงไห่ สาวงามแห่งตระกูลจาง จางฉีโม่ สร้างความสะเทือนให้กับวงการไฮโซเป็นอย่างมาก
เพราะว่า จางฉีโม่ก็เป็นคนดังในเมืองชิงหยูนเช่นกัน และยังเป็นหญิงสาวในตำนานคนหนึ่ง
จางฉีโม่เป็นสาวงามผู้มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมานานแล้ว
แต่เธอถูกนายท่านตระกูลจางจัดให้แต่งงานกับเด็กกำพร้าหลินอิ่ง ที่ไร้อำนาจเงินทอง หลินอิ่งแสดงออกมาอย่างไร้ค่า เป็นคนที่ถูกมองเหมือนดั่งขยะ คนไร้น้ำยา
นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายของผู้คนมากมายในเมืองชิงหยูน สาวงามที่หายากอย่างจางฉีโม่ ยังมีความสามารถที่หาที่เปรียบไม่ได้ กลับไปแต่งงานกับคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง และแต่งงานกัน สามปีแล้ว เหมือนดั่งดอกฟ้ากับหมาวัด
ช่วงนี้ ได้ข่าวว่าตระกูลจาง ไล่ลูกเขยไร้น้ำยาคนนี้ออกจากตระกูลจางแล้ว ตัดขาดความสัมพันธ์กับหลินอิ่งอย่างสิ้นเชิง
ส่วนจางฉีโม่ แล้วก็คุณชายแห่งตระกูลจางที่อายุน้อยมีความสามารถหมั้นหมายกัน ช่างเป็นเรื่องน่าทึ่งของผู้คน และให้ความสนใจกับการแต่งนี้ครั้งนี้
“ดู นั่นคุณชายโจผิงใช่ไหม? ช่างดูสง่ามีราศีจริงๆ”
“ไม่เสียที่เรียบจบจากต่างประเทศ เห็นอะไรมากมายแล้ว ท่าทางสง่าดูน่ายกย่องจริงๆ ฉันอยู่ในเมืองชิงหยูนยังไม่เคยเห็นคนหนุ่มที่ดูมีราศีขนาดนี้มาก่อน”
ภายในห้องรับรอง ครึกครื้นขึ้นมา แขกที่นั่งในงาน ต่างก็พากันมองไปด้านใน พากันสนทนาขึ้นมา
ประตูห้องด้านใน ชายหนุ่มชุดสูทสีขาว ใส่แว่นขอบทองเดินออกมา เขาผิวพรรณขาว หน้าตาสง่างาม บุคลิกดูแล้วเงียบขรึม เพียงแค่ยายาวไปหน่อย ดูแล้วเจ้าเล่ห์ ในมือจับนาฬิกาพกพาเล่นไปมา
ท่านนี้ ก็คือคุณชายแห่งตระกูลโจ โจผิง และเป็นเจ้าของงานเลี้ยงนี้
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติผม มาร่วมงานในวันนี้ ขอบพระคุณมาก” โจผิงสีหน้ายิ้มแย้ม ทักทายอย่างเกรงใจ
เขาบนพรมแดงตลอดทาง ทักทายกับแขกทุกคนอย่างเป็นกันเอง ค่อยๆเดินไปถึงข้างที่นั่งเจ้าภาพ
ข้างที่นั่งเจ้าภาพ มีคนนั่งอยู่หลายคน
แบ่งเป็นตัวแทนฝั่งผู้หญิงตระกูลจาง พ่อแม่จางฉีโม่ จางซิ่วเฟิงและลู่หย่าฮุ่ย และคนของตระกูลจางอีกหลายคน โจยู่ถานและโจตงของตระกูลโจ และผู้อาวุโสท่านหนึ่งของโจผิง
เพราะว่าพ่อแม่ของโจผิงขยายกิจการในต่างประเทศ เรื่องแต่งงาน ก็ให้ผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งในตระกูลโจเป็นตัวแทนในการเจรจา
อีกอย่าง โจผิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพิธีในการจัดงานของงานแต่งครั้งนี้
เพราะว่า โจผิงตัดสินใจแต่งงานกับจางฉีโม่กะทันหัน ไม่ใช่ความหมายของเขาเอง แต่เพื่อหวังผลประโยชน์อื่น
ถ้าหากไม่ใช่ตระกูลจ้าวแห่งตี้จิงไปหาโจผิง ให้เขาไปจัดการเรื่องนี้ ตอนรับผลประโยชน์มหาศาล บางทีเขายังคิดไม่ถึงที่จะไปทำอย่างนี้
“คุณลุง คุณป้า ขอบคุณที่ให้เกียรติมา” โจผิงรักษารอยยิ้มบนหน้า ทักทายกับลู่หย่าฮุ่ยผัวเมีย ดื่มเหล้าเคารพ
พูดไป เขาดื่มเหล้าหมดไปหนึ่งแก้ว แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นหันไปในงาน พูดว่า “ทุกท่าน พวกท่านกินดื่มกันตามสบาย ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสอง ไม่สะดวกที่จะดูแลทุกท่าน มีเรื่องอะไร ทุกท่านเรียกใช้คนของตระกูลโจเราได้เลย”
“คุณชายโจเกรงใจแล้ว ตระกูลโจมีงานมงคล เชิญพวกเรามาร่วมงาน ก็ถือว่าให้เกียรติพวกเราแล้ว”
“ใช่แล้ว คุณชายโจ คุณเป็นถึงชายหนุ่มผู้ยอดเยี่ยมในเมืองชิงหยูนของเรา ได้เป็นคู่ครองกับจางฉีโม่ นั่นเป็นเรื่องดี กิ่งทองใบหยก เป็นข่าวดีของเมืองชิงหยูนเรา”
“ได้ข่าวว่าเรื่องนี้นายกเทศมนตรีหลี่เป็นแม่สื่อให้ ดีงามมาก ตระกูลจางช่างมีบุญจริงๆ”
แขกในงานทุกคน ต่างก็พูดจาชื่นชม ประจบประแจง
คนมีหน้ามีตาในสังคมแต่ละคนต่างพากันชื่นชม จางซิ่วเฟิงกับลู่หย่าฮุ่ย สีหน้าได้ใจ ท่าทางอิ่มเอิบมีความสุข
คนแก่คนท่านนี้ดูโจผิงอย่างละเอียด ยิ่งดูยิ่งพอใจ สนทนากันเอง พยักหน้าเล็กน้อย
“งานแต่งครั้งนี้สำเร็จแล้ว ก็เป็นโอกาสที่ดีของตระกูลจางเรา”
“ใช่ ฉันว่าโจผิงดีมาก ดีกว่าไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนั้นเป็นพันเท่า มีทั้งเงินทั้งอำนาจ เคารพพวกเรา อนาคตลูกสาวอยู่กับเขา ต้องมีความสุขแน่”
ลู่หย่าฮุ่ยและจางซิ่วเฟิงซุบซิบกันเบาๆ สีหน้าพอใจมาก
เท่าที่พวกเขาสองคนดูแล้ว คุณชายตระกูลโจจะแต่งงานกับลูกสาว จางฉีโม่ นั่นเหมือนดั่งของขวัญที่หล่นมาจากสวรรค์
ตอนที่ลูกสาวกำลังอยู่ที่ช่วงลำบาก ตระกูลโจยินดีช่วย นั่นก็คือผู้มีพระคุณ ลูกสาวโชคดีจริงๆ
โดยเฉพาะ คุณชายตระกูลโจ โจผิงเป็นคนรู้กาลเทศะ ช่างเป็นเรื่องที่ดีมาก
“คุณชายโจ เกรงใจเกินไป เรื่องนี้ พวกเราสองคนต้องมาอยู่แล้ว” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างเกรงใจ
โจผิงยิ้มไม่พูด หยิบอั่งเปาใหญ่จากกระเป๋าเสื้อออกมาก ด้านในเป็นเอกสารสัญญาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ยื่นไปให้ลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมีย
“คุณลุง คุณป้า นี่เป็นคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ผมซื้อในวิลล่าหิมะมังกร แล้วก็รถMaresatiที่ผมซื้อให้สองท่าน แล้วก็อำนาจการบริหารรีสอร์ตนอกเมืองแห่งหนึ่ง ท่านทั้งสองว่างไม่มีอะไรทำ ก็สามารถไปใช้ชีวิตอย่างสงบในรีสอร์ตได้”
“ของขวัญเล็กๆน้อยๆ หวังว่าท่านทั้งสองจะรับไว้”
“โอ้โห ของขวัญนี่มันแพงเกินไป”
“ใช่ โจผิง คุณออกมือไม่ธรรมดาแบบนี้ สำหรับลูกสาวของพวกเราแล้ว ช่างมีความจริงใจเหลือเกิน ฉันชื่นชมคุณ”
ลู่หย่าฮุ่ยและจางซิ่วเฟิงยิ้มอย่างดีใจ รับอั่งเปาซองใหญ่มาด้วยรอยยิ้มกว้าง
โจผิงใจป้ำขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าดีใจที่สุดสำหรับพวกเขา นี่เป็นแค่ของขวัญการพบหน้ากันเท่านั้น ถ้าได้จัดงานแต่ง นั่นก็คงเป็นงานอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองชิงหยูนแน่นอน
ดูท่าทางรับของขวัญอย่างดีใจของลู่หย่าฮุ่ยสองคนแล้ว โจผิงยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก มีความดูถูกในสายตา
พูดตามตรง สองผัวเมียที่ไม่เคยเห็นโลกแบบนี้ ในใจเขารู้สึกดูถูกอย่างมาก
ถ้าหากไม่ใช่จ้าวหลินเอ๋อร์ คุณหนูจ้าวเป็นคนสั่ง ให้เขาไปแต่งงานกับจางฉีโม่ ยังไงเขาก็ไม่ยอมมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับตระกูลเล็กๆแบบนี้
ก่อนหน้านี้ จ้าวหลินเอ๋อร์มาหาโจผิงด้วยตัวเอง มีนายกเทศมนตรีหลี่มาด้วย สถานการณ์ตอนนั้น ทำให้โจผิงตะลึง
โจผิงเคยใช้ชีวิตในตี้จิง รู้ว่าฐานะจ้าวหลินเอ๋อร์สูงส่งแค่ไหน เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่สุดในประเทศหลุง
ความแตกต่างระหว่างจ้าวหลินเอ๋อร์กับเขา นั้นราวฟ้ากับดิน
จ้าวหลินเอ๋อร์แค่กระดิกนิ้ว ก็สามารถทำให้ตระกูลโจเป็นผงธุลีได้เลย เช่นเดียวกัน คำพูดแค่คำเดียว ก็สามารถทำให้เขาโจผิงเจริญก้าวหน้าได้ ราบรื่นในเมืองชิงหยูน เข้าสู่แวดวงไฮโซตี้จิงได้
จ้าวหลินเอ๋อร์ยอมช่วยเหลือเขาโจผิง ให้เขาไปแต่งงานกับจางฉีโม่ หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว จะพาเขาโจผิงเข้าไปรู้จักกับลุงในตระกูลจ้าวแห่งตี้จิง รับโจผิงเป็นลูกบุญธรรม
การได้พึงบารมีแบบนี้ โอกาสแบบก้าวเดียวถึงจุดหมาย โจผิงต้องไม่ยอมพลาดแน่
โดยเฉพาะ หลังจากที่เขาได้เห็นความสวยงามของจางฉีโม่แล้ว ก็รู้สึกดีใจที่โชคดีขนาดนี้ เป็นเหมือนข่าวดีที่หล่นมาจากสวรรค์ รับทำเรื่องนี้อย่างไม่ลังเลเลย
สำหรับเรื่องทำไมจ้าวหลินเอ๋อร์ถึงต้องทำแบบนี้ โจผิงไม่กล้าถาม และไม่กล้าไปสืบ ทำได้แค่ทำตามคำสั่ง
“เอ๋? ครอบครัวพวกคุณเกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้จางฉีโม่ไม่มาด้วยตัวเอง? น้องชายผมจริงใจขนาดนี้ งานใหญ่แบบนี้ เขายังไม่มาด้วยตัวเองอีกเหรอ?”
ในเวลาเดียวกัน โจยู่ถานสีหน้าไม่พอใจ มองหน้าลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมียด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วถามคำถาม