ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 487 ไอ้ไร้น้ำยาแกมาทำไม?
“ใช่ ตระกูลจางของพวกคุณนี่มันอะไรกัน? เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ จางฉีโม่เจ้าตัวทำไมไม่มา? ไม่ให้เกียรติใครเหรอ? ดูถูกตระกูลโจเราใช่ไหม?”
โจตงก็เปิดปากถาม สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
โจตงและโจยู่ถาน ก่อนหน้านี้หลายครั้งที่ไปหาเรื่องหลินอิ่งและต้องเสียหน้า สำหรับครอบครัวจางฉีโม่แล้วไม่มีความรู้สึกดีอะไร
เท่าที่พวกเขาดูแล้ว มันก็แค่ตระกูลจางอยากเกาะตระกูลโจของพวกเขา
ในใจนั้น ดูถูกตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลจางแบบนี้
จางฉีโม่แต่งเข้าตระกูลโจ แต่งงานกับน้องชายที่เก่งที่สุดในรุ่นพวกเขา โจผิง ในงานหมั้นหมายแบบนี้ เจ้าตัวกลับไม่มา? ช่างทำให้เขาดีใจนัก
ก็เป็นแค่ของมือสองที่แต่งงานใหม่ ยังทำตัวเย่อหยิ่งเหรอ?
“นี่……วันนี้ฉีโม่ไม่ค่อยสบาย ก็เลยไม่ได้มา” จางซิ่วเฟิงพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“ใช่ คุณชายโจ พวกคุณอย่าถือสาเลยนะ ฉีโม่ไม่สบายจริงๆ เรื่องงานหมั้นนี้ พวกเราคนเป็นพ่อแม่ตัดสินใจแทนก็พอ พวกเรามา ก็มีค่าเท่ากัน” ลู่หย่าฮุ่ยรีบช่วยพูดสีหน้ายิ้มแย้ม
“น้องชายผมโจผิงจริงใจขนาดนี้ ลูกสาวพวกคุณแต่งเข้ามาตระกูลโจ แต่เจ้าตัวกลับไม่มา พฤติกรรมแบบนี้ หมายความว่ายังไง?” โจยู่ถานพูดอย่างไม่พอใจ กดดันพวกเขาต่อ
“นี่…….” ลู่หย่าฮุ่ยสีหน้าไม่ค่อยดี สำหรับการหาเรื่องของคนตระกูลโจ ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย
เพราะว่าตระกูลโจอำนาจใหญ่โต ทรัพย์สินมหาศาล
พวกโจยู่ถาน ฐานะตำแหน่งก็สูงกว่าเขาสองผัวเมีย จะมีเรื่องด้วยไม่ได้
“ช่างเถอะ พี่รองอย่าไปถามอีกเลย ในเมื่อฉีโม่ไม่สบาย พวกเราก็ต้องเห็นใจ” โจผิงสีหน้ายิ้มแย้ม ช่วยพูดอย่างสุภาพบุรุษ “คุณป้า ช่วยผมบอกฉีโม่ว่า ให้เขาดูแลสุขภาพดีๆ”
“ได้ได้ได้ ป้าจะบอกฉีโม่ให้เอง คุณชายโจช่างเป็นคนเอาใจใส่ อนาคต ฉีโม่ของเราต้องให้คุณดูแลแล้ว” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างยิ้มแย้ม ท่าทางหน้าตาปลื้มปริ่ม
“ฮาฮา แน่นอน อนาคตฉีโม่เข้ามาอยู่ในตระกูลโจ ผมต้องทำให้บริษัทของเธอกลับมาบริหารได้อีกแน่นอน มีชื่อเสียงทั่วเมืองตุงไห่” โจผิงพูดอย่างสง่า
“โอ้โห คุณชายโจช่างเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ ฉันว่าตระกูลจางครั้งนี้ได้รับโชคลาภอันประเสริฐแล้ว สามารถได้เป็นญาติกับตระกูลโจ หาลูกเขยที่ดีอย่างโจผิง”
“จะไม่ใช่ได้ไง เรื่องดีแบบนี้บุญกุศลจากสวรรค์จริงๆ คุณชายโจโจผิง เมื่อเทียบกับลูกเขยไร้น้ำยาหลินอิ่งของตระกูลจางคนก่อน ไม่รู้ว่าดีกว่ากี่เท่า ตระกูลจางไล่หลินอิ่งไป ต้อนรับลูกเขยโจผิงคนนี้ ก็เจริญก้าวหน้าจริงๆแล้ว”
“ใช่ จางฉีโม่แต่งงานรอบสอง คุณชายโจผิงเขายังไม่รังเกียจแม้แต่น้อย วาสนาแบบนี้ เป็นบุญที่จางฉีโม่สะสมมาแต่ชาติปางก่อนจริงๆ”
ตอนนี้ แขกในงานต่างก็พากันสนทนากันอย่างครึกครื้น ชื่นชมโจผิงต่างๆนานา พูดกันอย่างสนุกสนาน
“ทุกท่านชมเกินไปแล้ว ได้แต่งงานกับจางฉีโม่ นั่นเป็นบุญวาสนาของผม” โจผิงพูดอย่างถ่อมตัว ใบหน้ายิ้มแย้ม
“แหม คุณชายโจช่างถ่อมตัวจริงๆ”
“จางซิ่วเฟิงคุณสองคนยังไม่รีบดื่มเหล้าให้ลูกเขยในอนาคตของพวกคุณอีก?”
ฟังคำพูดของแขกในงานแล้ว ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียสีหน้ายิ่งได้ใจ มีความสุขกับความรู้สึกที่ถูกคนชื่นชมแบบนี้มาก
คิดถึงอนาคต ลูกสาวได้แต่งเข้าตระกูลโจแล้ว ฐานะก็สูงส่งขึ้น จะมีคนมีหน้ามีตาในสังคมมากมายขนาดนี้เข้ามาประจบ พวกเขาทั้งสองก็รู้ใจหัวใจเบิกบาน รู้สึกว่าชีวิตเศรษฐีอยู่ไม่ไกลแล้ว
“มา คุณชายโจ ผมดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างเคร่งขรึม ท่าทางเคารพ
ต่อหน้าคุณชายอย่างโจผิง เขาไม่กล้าวางมาดการเป็นพ่อตาเลยแม้แต่น้อย
“ครับ” โจผิงพยักหน้า ยกแก้วเหล้าขึ้นมากำลังจะดื่ม
“ครึกครื้นกันจริง ตระกูลโจของพวกคุณ จะจัดงานใหญ่อะไรเหรอ?”
เวลาเดี๋ยวกันนั้น น้ำเสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้นในงาน
ตรงทางเข้า ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบง่ายคนหนึ่ง พาบอดี้การ์ดหนึ่งคน เดินเข้ามาในงานช้าๆ
หลินอิ่งพาหลิวจุนมาแล้ว
“คนนี้? ลูกเขยไร้น้ำยาของตระกูลจางคนนั้นไม่ใช่เหรอ? เขามาได้ยังไง?”
“ออ? มันก็คือลูกเขยไร้น้ำยาคนนั้น? วันนี้เป็นวันงานหมั้นของจางฉีโม่กับคุณชายโจ โจผิง ทำไมมันยังมีหน้ามีงานแบบนี้อีก? นี่จะมาสร้างความวุ่นวายเหรอเนี่ย?”
“โอ้ย ได้ยินตั้งนานแล้ว ไอ้หลินอิ่งคนนี้ความสามารถอะไรไม่มี รู้แต่เกาะจางฉีโม่กินไปวันๆ ดูท่าแล้วน่าจะโกรธแค้นที่ถูกตระกูลจางไล่ออกจากบ้าน ไม่พอใจแน่นอน”
จากการเข้ามาในงานของหลินอิ่ง แขกในงานต่างก็จำหน้าเขาได้ ต่างพากันมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม พูดจาเสียดสีต่อหลินอิ่ง
เท่าที่พวกเขาดูแล้ว หลินอิ่งมาเป็นตัวตลกชัดๆ คนไร้ประโยชน์อย่างกับขยะแบบนี้ ยังมีหน้ามาร่วมงานเลี้ยงของคุณชายโจผิงอีก?
“หลินอิ่ง? ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกมาที่นี่ทำไม?”
ลู่หย่าฮุ่ยเห็นหลินอิ่งเข้ามาในงาน ก็แสดงท่าทางรังเกียจ สีหน้ารำคาญ ถามอย่างไม่พอใจ
“หลินอิ่ง แกถูกพวกเราไล่ออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว ไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกไม่ใช่ลูกเขยของตระกูลจางเราแล้ว แกมาที่นี่ทำไม? ไม่รู้สึกขายหน้าหรือไง?” จางซิ่วเฟิงพูดอย่างเย็นชา ไม่เกรงใจหลินอิ่งแม้แต่น้อย
หลินอิ่งมองลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมีย ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่น้อย
จากนั้น สายตาก็หันไปมองโจผิง
“คุณจะแต่งงานกับจางฉีโม่? ยังจะหมั้นหมาย? เคยถามผมหรือยัง?” หลินอิ่งถามอย่างเย็นชา
น้ำเสียงอันเรียบเฉยของเขา แปร่งประกายราศีความเยือกเย็น ความเย็นชาที่กดดันหัวใจคน
ได้ยินแล้ว โจผิงตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากก็แสดงท่าทางเหยียดหยาม
“แกคิดว่าแกเป็นใคร? ฉันจะแต่งงานกับจางฉีโม่ ต้องทักทายแกก่อนเหรอ?” โจผิงหัวเราะพูดอย่างเย็นชา
“ฉันได้ยินชื่อหลินอิ่งของแกมานานแล้ว คนมีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนคนหนึ่งเลย” โจผิงพูดอย่างเหยียดหยาม “ทำไม? หลังจากถูกตระกูลจางไล่ออกจากบ้าน เกาะฉีโม่กินไม่ได้แล้ว ก็กลัวจนกระโดดโลดเต้นแล้ว?”
“แกอยากก่อกวน ก็ดูหน่อยว่าที่นี่มันสถานที่อะไร”
โจผิงจับนาฬิกาพกพาในมือเล่นไปมา มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
พูดตามตรง เขาไม่รู้ว่าไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งมาตระกูลโจต้องการทำอะไร?
ลำพังแค่ขยะไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง จะมาห้ามเขาแต่งงานกับจางฉีโม่?
“ฉันจะบอกแกให้ละกัน ตระกูลโจของเราไม่ต้อนรับไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกมาร่วมงาน แน่นอน เห็นแก่หน้าฉีโม่ รอวันที่ฉันแต่งงาน สามารถให้แกมาดื่มเหล้าได้” โจผิงพูดอย่างใจเย็น “ถ้าหากแกคิดว่าฉันจะแต่งงานกับจางฉีโม่ ส่วนแกไม่พอใจละก็ ถ้าอย่างนั้น ช่วยมองตัวเองด้วยว่ามีความสามารถอะไรมาสู้ฉันได้”
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา
“โจผิง รู้ไหมว่าคุณกำลังทำเรื่องโง่แค่ไหน?”