ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 489 นายรู้ไหมว่าใครอยู่ในงาน?
“โอกาสฉันได้ให้กับตระกูลโจแล้ว แต่ตระกูลโจ ดูเหมือนคิดที่จะทำลายล้างเอง” หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ในน้ำเสียงอันเรียบเฉยนั้น กลับมีความเยือกเย็นที่ทำให้คนขนลุก
โจผิงหรี่ตา ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
“ท่าทางแกดีใช้ได้? แต่จะมีประโยชน์อะไร? แกมันก็แค่ไอ้ไร้น้ำยาที่ชอบแสดงตัวโอ้อวดเท่านั้น? แกจะมีความสามารถอะไรมาสู้ฉันได้?” โจผิงพูดอย่างดูถูก มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
“ยังมีหน้ามีพูดว่าตระกูลโจอย่างนั้นอย่างนี้? ไอ้ขยะไร้น้ำยาอย่างแก แม้แต่เลียแข้งเลียขาของคนในตระกูลโจก็ไม่มีสิทธิ์” โจผิงพูดอย่างเย็นชา หรี่ตาลงเล็กน้อย แสดงแววตาอันโหดเหี้ยม
เท่าที่เขาดูแล้ว หลินอิ่งก็เป็นแค่สุดยอดคนไร้น้ำยา ผู้ชายที่ไร้ความสามารถ ยังกล้าพูดจาโอ้อวด ดูหมิ่นศักดิ์ศรีตระกูลโจตระกูลใหญ่แห่งเมืองชิงหยูน?
ตลกสิ้นดี
“หลิวจุน เข้าไป ทำให้มันคุกเข่าลง” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีเพียงสายตาเฉียบคมคู่นั้น ส่อแววเยือกเย็นทำให้คนสิ้นหวัง
“ครับ”
หลิวจุนพยักหน้า เดินออกจากข้างหลังหลินอิ่งด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม เดินบนพรมแดงไปอย่างนั้น เข้าหาตัวโจผิง
“ทำให้ฉันคุกเข่า? ฮาฮาฮา ตลกสิ้นดี แกพาบอดี้การ์ดมาคนหนึ่ง ก็คิดว่าตัวเองใหญ่โตแล้วเหรอ?” โจผิงส่ายหน้าไม่หยุด หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา
“แกรู้ไหมว่าวันนี้ฉันเชิญใครมาเป็นแขกในงาน? รู้ไหมว่าใครเป็นพยานในงานแต่งของฉันโจผิง?” โจผิงพูดอย่างเย็นชา “ยังกล้ามาใช้กำลังก่อกวนที่นี่?”
“ไปเชิญนายกเทศมนตรีหลี่มา” โจผิงสั่งด้วยเสียงเย็นชา
พูดจบ ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดตระกูลโจหลายนายเดินไปฝั่งห้องรับรองแขก
เวลาเดียวกัน ชายหนุ่มชุดสูทสีดำกลุ่มหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามาขวางอยู่ข้างหน้าโจผิง
“น้องโจผิง ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งนี่ มันคิดว่ามีความสัมพันธ์กับคุณหนูตระกูลหวางนิดหน่อย ก็โม้ไปทั่ว ความเป็นจริงไม่มีความสามารถอะไรแม้แต่นิดเดียว” โจยู่ถานพูดจาเย็นชาอยู่ด้านข้าง “เธอต้องช่วยพี่แก้แค้นนะ พี่เคยบอกเธอแล้ว หลินอิ่งมันทำให้พี่ขายหน้าต่อหน้าผู้คนมาสองครั้งแล้ว”
“ใช่ น้องโจผิง ไอ้หลินอิ่งนี่มันฉวยโอกาสใช้อำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ฉันกับพี่สาวขายหน้า วันนี้มันกล้าพาคนมาก่อเรื่องในตระกูลโจ ต้องตบมันให้คุกเข่าลง ทำให้มันพิการแล้วโยนออกไป” โจตงก็พูดอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
โจจงและโจยู่ถาน มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าได้ใจ
พวกเขาสองคน ก่อนหน้านี้ถูกหลินอิ่งเหยียดหยามครั้งแล้วครั้งเล่า ตบหน้าต่อหน้าผู้คน ยังแค้นใจอยู่ตลอดเวลา คิดว่าหลินอิ่งมันก็แค่สุนัขรับใช้ของคนอื่นใช้อำนาจรังแกคนเท่านั้น
วันนี้ หลินอิ่งมันรนหาที่ตายบุกมาถึงตระกูลโจเอง ก็ต้องสั่งสอนมันดีๆสักยก เอาคืนอย่างสาสม?
“กล้าเข้าใกล้คุณชายโจอีกนิด อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”
ขณะที่หลิวจุนเดินเข้าไป บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทก็ขวางเขาไว้ พูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
“หลิวจุน ผมเคยได้ยินชื่อคุณ ทางที่ดีคุณอย่ายิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่มันเรื่องภายในของตระกูลโจเรา ผมเตือนคุณให้ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น บัญชีเก่าบัญชีใหม่คิดพร้อมกันแน่” โจผิงพูดอย่างเคร่งขรึม จ้องหน้าหลิวจุน
หลิวจุนเป็นลูกน้องของเสิ่นซาน
คนในเมืองชิงหยูนต่างก็รู้ อดีตเสิ่นซานขึ้นมามีอำนาจได้ยังไง นั่นเพราะจัดการคนโหดแห่งตระกูลโจที่กลับมาจากต่างประเทศอย่างโจปิน ถึงได้ขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าแห่งโลกใต้ดินของเมืองชิงหยูน
ตอนนั้น เสิ่นซานทำจนตระกูลโจไม่กล้าแก้แค้น แม้แต่หัวยังไม่กล้าเงยขึ้น
ทุกวันนี้ เสิ่นซานยังคงเป็นหัวหน้าใหญ่แห่งตุงไห่ ตระกูลโจยิ่งไม่กล้าเผชิญหน้า
แน่นอน โจผิงกับโจปินเป็นแค่พี่น้องร่วมตระกูล ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งภายในตระกูล เป็นไปไม่ได้ที่จะไปแก้แค้นแทนโจปินที่ตายไปแล้ว
เพราะหลังจากโจปินตายแล้ว เขาเองก็หมดค่าสำหรับตระกูลโจแล้ว
“เหอะ” หลิวจุนหัวเราะเย็นชา “ชำระบัญชีเก่าใหม่พร้อมกัน? ตระกูลโจกล้าเหรอ?”
“ตระกูลโจไม่กล้าเหรอ? หลิวจุน คุณกำลังข่มขู่หลานโจผิงอยู่เหรอ?”
เวลาเดียวกัน น้ำเสียงอันทรงพลังและอำนาจดังขึ้น
ชายสูงอายุหน้าเหลี่ยมในชุดสูทสีดำ เดินเข้ามาอย่างน่าเกรงขามพร้อมเลขาหนุ่มสองคน
“หา? นั่นมันหลี่ชิงซง นายกเทศมนตรีหลี่?”
“คิดไม่ถึงว่าตระกูลโจจะเชิญคนมีอำนาจระดับนี้มาได้ คุณชายโจผิงช่างมีเกียรติจริงๆ สามารถเชินนายกเทศมนตรีหลี่มาเป็นสักขีพยานได้? นี่มันข้าราชการดีเด่นของเมืองชิงหยูนเราสองปีก่อนนะ”
“คราวนี้ ฉันจะพอดูว่าหลินอิ่งมันจะทำยังไง คิดว่าตัวเองเรียกหลิวจุนคนในโลกแห่งความมืดมาคนหนึ่งก็จะหาเรื่องตระกูลโจได้? ไม่รู้จักดูว่าคุณชายโจเชิญใครมาเป็นสักขีพยาน ถึงแม้ปีนี้หลี่ชิงซงจะเกษียณแล้ว แต่ว่าก็เป็นผู้นำสูงสุดของเมืองชิงหยูนมาสิบกว่าปี อำนาจในทางการก็ใหญ่โตพอสมควร ใครจะไม่รู้ ทุกๆอย่างในเมืองชิงหยูนต่างก็พึ่งพาอาศัยผลงานของหลี่ชิงซง?”
จากการปรากฏตัวของชายอาวุโสท่านนี้ ในงานต่างก็พากันสนทนาอย่างครึกครื้นขึ้นมา ทุกคนต่างพูดกันอย่างตะลึง
คนที่มา ชื่อหลี่ชิงซง
นี่คือบุคคลที่ทุกคนในเมืองชิงหยูนต่างก็รู้จักกัน ข้าราชการดีเด่นแห่งเมืองชิงหยูน ปีนี้อายุถึงแล้ว เพิ่งปลดเกษียณ
แต่ว่า หลี่ชิงซงยังคงมีอำนาจใหญ่โตในทางการ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงธุรกิจเมืองชิงหยูนหรือแวดวงไฮโซ ไม่ว่าใครก็ต้องให้เกียรติเขา
“คุณหลี่ เชิญนั่งครับ”
“คุณหลี่ ต้องขอโทษจริงๆ วันนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญมาที่ตระกูลโจ ต้องรบกวนท่านแล้ว”
โจยู่ถานกับโจตง รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับหลี่ชิงซง เชิญเขาเข้าไปนั่ง
“เหอะ หลิวจุน เมื่อก่อนเสิ่นซานพานาย ก็เคยกินข้าวกับฉันใช่ไหม? วันนี้ฉันอยู่นี่ นายออกไปเดี๋ยวนี้ กลับไปบอกเสิ่นซาน ให้เขาควบคุมตัวเองหน่อย ตระกูลโจกับฉัน มีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน” หลี่ชิงซงทำเสียงเย็นชา มองหน้าหลิวจุนสีหน้าน่าเกรงขาม
หลิวจุนสีหน้าโหดเหี้ยม พูดว่า “คุณหลี่ เรื่องในวันนี้ ท่านเสิ่นซานมาแล้ว ก็ให้เกียรติท่านไม่ได้แม้แต่น้อย ตอนนี้ท่านเกษียณไปแล้ว ก็ควรเสพสุขปั้นปลายชีวิตที่บ้าน อย่ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้”
“แกกล้าเหรอ หลิวจุน แม้แต่คำพูดฉันแกก็กล้าไม่ฟังเหรอ? ฉันก็อยากลองโทรถามเสิ่นซานดู ว่าเขาสั่งสอนลูกน้องยังไง” หลี่ชิงซงโมโหมาก ตบโต๊ะเสียงดัง จ้องหลิวจุนอย่างเย็นชา
หลิวจุนไม่ได้พูด หันไปมองหลินอิ่ง เพื่อรอคำสั่ง
หลินอิ่งเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเย็นชา มองไปที่หลี่ชิงซง พูดว่า “หลี่ชิงซงใช่ไหม? ได้ข่าวว่า การปิดกั้นบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ คุณเป็นคนออกคำสั่งด้วยตัวเอง?”
“ฉันเป็นคนออกคำสั่ง แล้วยังไง?” หลี่ชิงซงพูดอย่างมั่นใจ มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าดูหมิ่น “แกคิดว่าแกเป็นใคร? กล้ามาโวยวายที่นี่?”
ล้อเล่นอะไร ตอนนั้นที่เขาไปจัดการเรื่องนี้ นั่นมันเป็นคำสั่งจากจ้าวหลินเอ๋อร์ คุณหนูจ้าวแห่งตระกูลจ้าวตี้จิง ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองชิงหยูน จะมีเรื่องที่จ้าวหลินเอ๋อร์ทำไม่ได้?
มิหนำซ้ำ หลินอิ่งคนนี้ ก็แค่ลูกเขยไร้น้ำยาขึ้นชื่อคนหนึ่งเท่านั้น
“ได้ข่าวว่า เรื่องนี้จ้าวหลินเอ๋อร์เป็นคนสั่งคุณ ให้ไปจัดการเรื่องนี้?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ตอนนี้คุณโทรหาจ้าวหลินเอ๋อร์หน่อย ถามเธอดู ว่าหลินอิ่งคือตัวอะไร”