ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 493 จางฉีโม่ต้องการหย่า
เรื่องงานเลี้ยงของตระกูลโจ รู้กันทั่วแวดวงไฮโซเมืองชิงหยูนอย่างรวดเร็ว
ผู้คนมากมายในเมืองชิงหยูนต่างรู้สึกตะลึง ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งผู้ขึ้นชื่อ กลับมีฐานะสูงส่งขนาดนี้?
เป็นถึงคุณชายอิงแห่งตี้จิงที่ชื่อเสียงโด่งดัง?
ข่าวที่สร้างความสะเทือน ทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกหวาดกลัว ต้องคิดดูว่าตัวเองเคยไปสร้างความขุ่นเคืองให้หลินอิ่งหรือไม่
ยิ่งมีคนไม่ร้อย คิดว่าจะเตรียมของขวัญอะไร เพื่อไปกราบไหว้เทพเทวดาอย่างหลินอิ่ง
ยังมีตระกูลไม่น้อย ที่กำลังคิดหาวิธีว่าจะส่งลูกสาวของบ้านตัวเองไปถึงหน้าหลินอิ่งได้ยังไง
เพราะว่า หลินอิ่งเพิ่งหย่ากับจางฉีโม่ คนใหญ่โตระดับนี้ ถ้าหากได้เข้าใกล้มีความสัมพันธ์เป็นญาติมิตร นั่นก็เป็นเรื่องดีล้นฟ้า จากนี้ไปก็ต้องเจริญก้าวหน้าในตุงไห่แน่นอน ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่อง
ภายในชั่วค่ำคืน
ทิศทางลมในเมืองชิงหยูนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในชั่วค่ำคืน ตระกูลที่ยืนหยัดไม่ล้มมาร้อยปีในเมืองชิงหยูน หนึ่งในสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจ ถูกเสิ่นซานกับเจียงฉีร่วมมือกันปฏิบัติการ จัดการคนทั้งหมดในเมืองชิงหยูน ยิ่งชำระบัญชีกิจการทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
ภายในระยะเวลาสั้นเพียง24ชั่วโมง ตระกูลโจก็ล้มละลาย สูญเสียผลกระทบทุกอย่าง แม้แต่คนของตระกูลโจก็ไม่ปรากฏตัวในเมืองชิงหยูนอีก
ก็เพราะว่า ตระกูลโจไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับคุณชายอิ่ง
แค่คำเดียว จัดการตระกูลโจอย่างราบคาบ
เที่ยงวันนี้ โรงแรมชิงหยูนออฟฟิศประธาน
หลินอิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือถือแก้วน้ำชา สีหน้าเรียบเฉย
ทุกเรื่องในเมืองชิงหยูน ในสายตาของเขาแล้วไม่สำคัญเลย เขาใส่ใจแค่ฉีโม่
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว โทรศัพท์ของจางฉีโม่ก็ยังโทรไม่ติด
ทางด้านบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ ได้ยินว่าฉีโม่ก็ยังไม่ยอมกลับไปทำงาน ดูเหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอีก
ในใจหลินอิ่งไม่เข้าใจ ว่าในใจของฉีโม่ คิดอะไรอยู่
ก๊อกก๊อก
เวลาเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูดังจากด้านนอก
เจียงฉีกับเสิ่นซานเดินเข้ามาพร้อมกัน ทั้งสองคนมือถือหีบสีเงิน วางบนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าหลินอิ่งอย่างเคารพ เมื่อเปิดออก ด้านในเป็นเอกสารรายการเป็นกองๆ
“ประธานหลิน ตามคำสั่งของท่าน ผมได้ชำระบัญชีกิจการทั้งหมดของตระกูลโจเรียบร้อยแล้ว คนของตระกูลโจไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด” เจียงฉีรายงานอย่างจริงจัง
“ประธานหลิน ตามที่ท่านสั่ง คนของตระกูลโจทั้งหมด ถูกผมส่งไปต่างประเทศหมดแล้ว ก่อนไปพวกเขาไม่ได้มีคำร้องเรียนอะไร พูดแค่ว่าขอบคุณประธานหลินที่ไว้ชีวิต” เสิ่นซานรายงาน
“ทำได้ดีมาก” หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย
โจผิงสร้างเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ คนของตระกูลโจต่างรู้ดีแก่ใจ
เจียงฉีกับเสิ่นซานออกหน้าด้วยตัวเอง คนของตระกูลโจใครจะไปกล้าคัดค้าน ผลของการคัดค้าน มีแค่ถูกเหยียบตาย
“อีกอย่าง ประธานหลิน หลังจากได้ยินว่าท่านกลับมาแล้ว หวางหงหลิงของตระกูลหวางมาหาผม อยากพบท่าน ท่านว่า…….” เจียงฉีถามอย่างจริงจัง สำหรับเรื่องนี้แล้วค่อนข้างเกรงกลัว ไม่กล้าตัดสินใจเอง
หลินอิ่งดื่มชาไปคำหนึ่ง พูดเสียงเรียบ “คุณไม่ต้องไปสนใจเธอ”
คิดไปครู่หนึ่ง หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “เจียงฉี เรื่องที่ค้างไว้ของตระกูลโจ คุณไปจัดการ เสิ่นซาน ไปขับรถ ผมจะกลับวิลล่าหิมะมังกร”
“ครับ”
เสิ่นซานกับเจียงฉีพยักหน้าอย่างเคารพ
ไม่นาน รถRolls-Royceคันหนึ่งก็ขับออกไปจากโรงแรมชิงหยูน ขับไปทางวิลล่าหิมะมังกร
เสิ่นซานขับรถอย่างตั้งใจ
หลินอิ่งนั่งอยู่ด้านหลัง สีหน้าเคร่งเครียด
เขาตัดสินใจไปเจอฉีโม่ด้วยตัวเองอีกครั้ง พูดเรื่องทั้งหมดให้ชัดเจน
หลังจากที่ตัวเองไปเมืองก่าง เรื่องเข้าใจผิดที่สร้างขึ้นใหญ่เกินไป คาดว่าในใจฉีโม่คงไม่สบาย
เวลาเดียวกัน วิลล่าหิมะมังกร ในบ้านหลินอิ่ง
บนโต๊ะอาหาร จางฉีโม่ ลู่หย่าฮุ่ย จางซิ่วเฟิง นั่งกินข้าวพร้อมกันสามคน สีหน้าไม่ค่อยดีกันทุกคน
หลี่ผูยืนเติมข้าวเติมน้ำอยู่ข้างๆ มองดูจางฉีโม่ ท่าทางอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด
“ลูกสาว ก่อนหน้านี้ลูกช่วยพูดให้หลินอิ่งมาตลอด ใช่ไหม ลูกรู้ฐานะของเขาตั้งนานแล้วใช่ไหม?” ลู่หย่าฮุ่ยเปิดปากถามก่อน ทำลายบรรยากาศความเงียบ
จางฉีโม่สีหน้าเรียบเฉย ท่าทางมีความในใจ พยักหน้า พูดว่า “หนูรู้นานแล้ว”
“หา? ลูก ลูกรู้ฐานะของหลินอิ่งนานแล้ว ทำไมถึงไม่บอกพ่อกับแม่? ทำไมยังปิดปังเราสองคน?” ลู่หย่าฮุ่ยหงุดหงิดกะทันหัน ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าหนูบอกก่อนว่าหลินอิ่งมีเงินมีอำนาจแต่แรก พวกเราทำไมถึงยังไล่เขาออกจากบ้าน? เห้อ” ลู่หย่าฮุ่ยถอนหายใจพูด รู้สึกเสียดายมาก
ใช่แล้ว ลู่หย่าฮุ่ยรู้สึกปวดใจมาก ต้องสูญเสียโอกาสในการใช้ชีวิตเหมือนดั่งมหาเศรษฐี ทำไมถึงได้ไล่หลินอิ่งออกไป?
“แม่ หลินอิ่งมีเงินมีอำนาจไหม สำหรับพ่อกับแม่มันสำคัญมากเหรอ?” จางฉีโม่ขมวดคิ้วถาม “อีกอย่าง เมื่อก่อนหนูก็เคยพูดแล้ว เรื่องส่วนมากในบริษัทหลินอิ่งเขาเป็นคนจัดการเองหมด แต่ว่า พ่อกับแม่เคยฟังคำพูดของหนูสักครั้งไหม? พ่อกับแม่ไม่เคยเชื่อเลย”
จางฉีโม่ก็รู้สึกหัวโต เคยบอกเรื่องความสามารถของหลินอิ่งให้พ่อกับแม่ฟังตั้งนานแล้ว เพียงแค่ทั้งสองมีอคติมาตลอด ไม่เคยเชื่อเลยแม้แต่น้อย
“เห้อ” จางซิ่วเฟิงถอนหายใจ “คิดไม่ถึงว่าฉันก็ดูพลาดไป หลินอิ่งมีเบื้องหลังอันแข็งแกร่งขนาดนี้ มิน่านายท่านถึงได้ต้องให้เขาเข้ามาอยู่ในบ้านเราให้ได้ นายท่านช่างมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจริงๆ เพียงแค่ว่า ทำไมหลินอิ่งถึงได้ยอมอยู่ในตระกูลจางตั้งหลายปี?”
“หนูก็ไม่รู้ ตระกูลของหลินอิ่งมีอำนาจมากในตี้จิง เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลไม่ค่อยดี รู้สึกเหมือนพ่อของเขาถูกฆ่า เขาต้องการแก้แค้น ถึงได้กลับไปตี้จิงอีกครั้ง อีกอย่างเขามีความลำบากใจของเขา ไม่ได้ง่ายอย่างที่แสดงออกมา” จางฉีโม่พูดอย่างเรียบเฉย
เรื่องที่เกี่ยวกับฐานะหลินอิ่งในตระกูลฉีแห่งตี้จิง จางฉีโม่ก็ไปสืบโดยเฉพาะ รู้ว่าตระกูลฉีเคยเกิดเรื่องฆ่าล้างตระกูลอย่างน่าอนาถ ถูกฆ่ายกตระกูล เพราะการกลับคืนสู่ตี้จิงของหลินอิ่งถึงฟื้นคืนตระกูลฉี
ว่าไปแล้ว เบื้องหลังฐานะของหลินอิ่งนั่นน่าโศกเศร้ามาก
“พ่อแม่ ไม่ว่ายังไง ตอนนี้หลินอิ่งก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวเราแล้ว ไม่ต้องถามเรื่องพวกนี้แล้ว เรื่องมันก็ผ่านไปนายแล้ว” จางฉีโม่พูดอย่างจริงจัง
“อะไรคือผ่านไปแล้ว? ฉีโม่ หลินอิ่งยังชอบลูกอยู่ไม่ใช่เหรอ? ลูกก็มีความรู้สึกกับเขา ทำไมจะคืนดีไม่ได้?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดปลอบ
“เอาอย่างนี้ ฉีโม่ถ้าลูกไม่ยอมลดตัว แม่ช่วยลูกเรียกหลินอิ่งมาคุยที่บ้าน พูดกันดีๆ แค่นี้ก็สำเร็จแล้ว? อีกอย่าง หลินอิ่งก็ยังมีความรู้สึกกับลูกอยู่” ลู่หย่าฮุ่ยพูด
“พอแล้ว แม่ แม่เห็นหนูเป็นอะไร?” จางฉีโม่พูดอย่างโมโห ระบายอารมณ์โกรธออกมากะทันหัน
“แม่ ตอนแรกคนที่บอกว่าหลินอิ่งไม่ดีก็คือแม่ คนที่จะไล่เขาออกไปก็คือแม่ ให้หนูหย่ากับเขาก็คือแม่ ตอนนี้ จะให้หนูคืนดีกับเขาก็คือแม่อีก”
“แม่เคยคิดถึงความรู้สึกของหนูบ้างไหม?”
จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หนูตัดสินใจแล้ว หนูจะไม่ไปมาหาสู่กับหลินอิ่งอีก หนูจะหย่ากับเขา”
“เพราะอะไร? ลูกโง่เหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“หนู หนูไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา หลินอิ่งกับหนู เป็นคนที่อยู่คนละโลกกัน……” จางฉีโม่อารมณ์หดหู่ พูดเสียงเบา