ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 497 ความผันผวน
ชีซิงกรุ๊ปในประเทศเกาหลี เกือบจะเทียบเท่าตระกูลราชวงศ์ อำนาจยิ่งใหญ่ล้นฟ้า
พูดถึงเรื่องทรัพย์สิน ประธานเผียวที่อู่ตรงหน้าคนนี้ก็เกินจำนวนล้านล้าน พูดถึงตำแหน่ง ก็สามารถเทียบเท่ากับนายท่านตระกูลสวีได้แล้ว
เผียวจินฮุนมาตี้จิงด้วยตัวเอง ยังมาเงียบขนาดนี้ ทำให้สวีไป๋เห้อยังรู้สึกตะลึง
“ผู้นำสวี เห็นคุณในสภาพนี้แล้ว ผมก็รู้สึกเสียใจ” เผียวจินฮุนมองสวีไป๋เห้อ พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เรื่องครั้งที่แล้ว ผมได้ยินแล้ว หลินอิ่งหาเรื่องลูกชายทั้งสองของผม ผู้นำสวีก็เพื่อที่จะออกหน้าแทนลูกชายที่ไม่เอาไหนของผม ถึงต้องลำบาก”
พูดถึงเรื่องนี้ เผียวจินฮุนสีหน้าก็เย็นชาขึ้นมาทันที มีแววอาฆาต
สวีไป๋เห้อยิ่งสีหน้าแดงก่ำ ท่าทางโมโหมาก
หลินอิ่งคนนี้ เขาเกลียดจนอยากจะฆ่าทิ้งทันที
จากเดิมเขาเป็นผู้นำตระกูลที่สง่าผ่าเผย ในตี้จิงเดินไปถึงไหนก็มีแต่คนเคารพนับถือ
ปรากฏว่า กลับถูกหลินอิ่งบีบจนคุกเข่าต่อหน้า ยังถูกทำร้ายจนขาหักจนต้องนั่งรถเข็น ชื่อเสียงที่สะสมมาต้องจบสิ้น
ความแค้นถลำลึก แค้นนี้ต้องชำระ
“แต่ว่า ผู้นำสวี คุณวางใจ ผมมาตี้จิงครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะจัดการหลินอิ่งโดยเฉพาะ” เผียวจินฮุนพูดอย่างจริงจัง “เชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเราก็สามารถร่วมมือกันจัดการหลินอิ่งได้แล้ว”
สวีไป๋เห้อพยักหน้า พูดว่า “ประธานเผียว หลินอิ่งเป็นศัตรูร่วมกันของเรา จัดการเขา ผมยอมทุ่มเททุกอย่าง สิ่งที่คุณพูดมานั้น มันก็ดูเหมือนคนนอกเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเผียวกับตระกูลสวีของเรา ช่วยเหลือกันมันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว แต่ไอ้หลินอิ่งของตระกูลฉีนั่น ช่างเกลียดจริงๆ”
“ไม่ทราบว่า ลูกชายทั้งสองของประธานเผียว เป็นยังไงบ้าง?” สวีไป๋เห้อถามอย่างจริงจัง
“พิการแล้ว” เผียวจินฮุนถอนหายใจ “ไอ้ลูกไม่เอาไหนทั้งสองคน พิการไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังปลูกฝังทายาทคนใหม่แล้ว”
ลูกชายสองคนเผียวซิ่วชวนและเผียวจื้อจาง ตั้งแต่ถูกหลินอิ่งทำพิการแล้ว ถูกหักแขนหักขายังเรื่องเล็ก แม้แต่จิตใจก็ถูกทำให้หวาดกลัวไปหมดแล้ว ถูกทำร้ายทำเสียสติไปหมดแล้ว ทุกวันนี้ยังใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดกลัวจากหลินอิ่ง กลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ก็เพราะว่าเห็นสภาพอันทรหดของลูกชายทั้งสองคนทุกวัน ในใจเผียวจินฮุนก็ลุกเป็นไฟ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จนต้องพาคนมาที่ตี้จิงด้วยตัวเอง มาแก้แค้นหลินอิ่งโดยเฉพาะ
“ท่านทั้งสอง ผมเชิญทั้งสองท่านมาเจรจางานใหญ่ ก็เพราะว่า พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน ก็คือหลินอิ่ง” กงจิ่วสีหน้ายิ้มแย้ม พูดอย่างเรียบเฉย
พูดไป กงจิ่วก็เปิดแชมเปญหนึ่งขวด เอาแก้วทรงสูงมาสามใบ เอาแก้วบริการให้พวกเขาสองคน
ทั้งสามคนก็นั่งลงไปตรงโต๊ะใหญ่ มีเพียงสวีไป๋เห้อนั่งอยู่บนรถเข็น
“ประธานเผียว เราสองคนก็เป็นเพื่อนเก่าแก่แล้ว เมื่อก่อนก็ไปมาหาสู่ประจำ คุณน่าจะรู้วิธีการทำงานของผม” กงจิ่วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ผมให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับหลินอิ่งฉบับหนึ่ง คุณน่าจะเคยดูแล้วนะ”
“ผมดูแล้ว อำนาจของเด็กหนุ่มหลินอิ่งคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ในประเทศหลุง ลำพังอำนาจของตระกูลเผียวเรายังไม่พอที่จะล้มเขาได้ นี่ก็จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือของสองท่านแล้ว” เผียวจินฮุนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สวีไป๋เห้อขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนอยากพูดอะไร
“น้องไป๋เห้อ ข้อมูลฉบับนี้ ผมก็เอาให้นายท่านตระกูลคุณไปแล้วหนึ่งฉบับ” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น “แต่ว่า นายท่านตระกูลคุณ สำหรับเรื่องจัดการหลินอิ่งแล้ว ดูเหมือนยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”
“คุณก็น่าจะรู้ ผมมาหาคุณ เพราะว่าความแค้นที่คุณมีต่อหลินอิ่งมันลึกพอ ที่จะยินดีทำที่วิถีทาง” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น “ครั้งนี้ ขอแค่คุณฟังทำจัดการวางแผนทุกอย่างก็พอ คุณไม่เพียงแค่ได้แก้แค้น ผมยังทำให้คุณฟื้นตัวอีกครั้งได้”
ได้ยินแล้ว สวีไป๋เห้อก็อารมณ์ตื่นเต้น
“คุณกงจิ่ว ผมฟังคำสั่งคุณทุกอย่าง ทุกวันนี้ผมอยู่ตี้จิงก็พอมีอำนาจบ้าง รอฟังคำสั่งจากคุณทุกอย่าง” สวีไป๋เห้อพูดอย่างเคารพ เท่ากับว่าก้มหัวยอมรับตำแหน่งหัวหน้าสำหรับกงจิ่วในกลุ่มนี้แล้ว
เผียวจินฮุนแววตากะพริบ ก็พยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “คุณกงจิ่ว ผมเคยร่วมงานกับคุณ ผมเชื่อในความฉลาดและความสามารถของคุณ”
“ดีมาก ชนแก้ว”
กงจิ่วยิ้มอย่างพอใจ ยกแก้วขึ้นมา ทั้งสามคนก็ชนแก้วดื่ม
เผียวจินฮุนในฐานะของผู้คุมอำนาจของครึ่งประเทศเกาหลี ถึงแม้จะไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของกงจิ่ว แต่ก็รู้ว่ามีสำนักยุทธ์เชียนอยู่เป็นเรื่องธรรมดา
สำนักยุทธ์เชียน เป็นองค์กรขนาดใหญ่หนึ่งในสามของแวดวงลึกลับแห่งต้าเหอที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของประเทศต้าเหอ ควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งของต้าเหอ ความสามารถแข็งแกร่ง
เบื้องหลังของกงจิ่วก็คือสำนักยุทธ์เชียน ความสามารถก็ไม่ต้องสงสัย
นอกจากสวีไป๋เห้อ ก็เคยได้ยินยุทธ์เชียนบ้างแล้ว สำหรับกงจิ่วนั้นทั้งกลัวและเคารพ เวลาเดียวกันก็เห็นกงจิ่วเป็นที่พึ่งสุดท้าย
เพราะว่าถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภายนอก เขารู้ดีว่าไม่สามารถแก้แค้นหลินอิ่งได้อยู่แล้ว
“จากการวางแผนของผม ญาติคนเดียวของหลินอิ่ง ฉีเวิ่นติ่ง ได้รับยาพิษอย่างร้ายแรงจากต้าเหอของเราแล้ว” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น “ถ้าผมเกาไม่ผิด ตอนนี้ หลินอิ่งน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับตี้จิง”
“ฉีเวิ่นติ่งถูกวางยาพิษ หลินอิ่งต้องใจร้อนจนวุ่นแน่ เวลานี้ ขอแค่เห็นจุดอ่อนของเขา ก็คือวันตายของเขา”
“ฉีเวิ่นติ่งถูกวางยาพิษร้ายแรง? คุณกงจิ่ว คุณนี่ฝีมือดีจริงๆ” สวีไป๋เห้อสีหน้าดีใจ พูดจาชื่นชม
ต้องรู้ว่า ฉีเวิ่นติ่งรักษาตัวอยู่ที่บ้านพักคนชราจื่อหลงซาน ปกติเก็บตัวลึกลับไม่ค่อยออกมา ส่วนกงจิ่วยังสามารถหาโอกาสไปวางยาฉีเวิ่นติ่งได้ เห็นได้ว่าอำนาจลึกลับนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
เผียวจนฮุนพูดว่า “ผมได้รับข่าวสารลับอย่างหนึ่ง ก่อนหน้านี้หลินอิ่งไปที่เมืองก่าง ช่วงนี้เรื่องเอิกเกริกในเมืองก่างที่อภิมหาเศรษฐีเมืองก่างจี้ฉงซานฆ่าตัวตาย ได้ข่าวว่า ถูกหลินอิ่งบีบจนตาย”
“จี้ฉงซานก็เคยมีความสัมพันธ์กับผม นั่นเป็นคนแกที่ฉลาดมากแห่งประเทศหลุง คิดไม่ถึงว่าจะแพ้อย่างย่อยยับในมือของหลินอิ่ง แม้แต่กิจการในมือก็ถูกชำระอย่างสิ้นเชิง” เผียวจินฮุนพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณกงจิ่ว ความลึกลับระหว่างนั้น คุณพอจะรู้บ้างไหม?”
กงจิ่วยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “พูดตามตรง เรื่องที่หลินอิ่ฆ่าล้างจี้ฉงซาน ผมก็ตะลึงพอสมควร”
“ผมพอจะคาดเดาได้ หลินอิ่งเพราะต้องการช่วยพ่อแก้แค้น จึงไปจัดการกับจี้ฉงซานที่เมืองก่าง เพราะว่าตระกูลเหวินกับจี้ฉงซานมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งในที่ลับ” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น “แต่ว่าขั้นตอนระหว่างนั้นมีอะไรบ้าง ผมก็ไม่รู้”
“เสียดาย ผมติดต่อกับคนของตระกูลเหวินไม่ได้ มิฉะนั้น พวกเราก็จะได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์อันแข็งแกร่งเพิ่มอีกคน” กงจิ่วพูดเสียงเคร่งขรึม “แต่ก็ไม่เป็นไร หลินอิ่งไปสู้รบกับจี้ฉงซานที่เมืองก่างกลับมา ก็ได้รับความสูญเสียไปไม่น้อย”
“เพื่อที่จะสู้รบกับจี้ฉงซานด้านการเงินที่เมืองก่าง เขาเคลื่อนย้ายเงินมหาศาลจากตี้จิงไป อาณาจักรธุรกิจของเขา ได้เกิดหลุมมหาศาลแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีของเรา”
“ประธานเผียว วิธีการด้านธุรกิจ คุณถนัดที่สุด” กงจิ่วพูดอย่างจริงจัง “เชื่อว่าจากความสามารถของคุณ จะทำให้หลินอิ่งล้มละลายจากอาณาจักรธุรกิจตี้จิง เป็นเรื่องง่ายดายมาก”
“ส่วนด้านอื่นๆ ผมกับน้องไป๋เห้อ จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง”