ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 50 ของขวัญ
บทที่ 50 ของขวัญ
ฉินเฟยรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าถือสวยๆหลายใบ มาวางไว้บนโต๊ะกระจก
กระเป๋าถือสวยๆและบนของกล่องพวกนี้ ล้วนแต่เป็นโลโก้แบรนด์เนมมูลค่าสูงของโลกทั้งสิ้น
นี่มันจะต้องเป็นของที่ดึงดูดความคลั่งไคล้ของเหล่าบรรดาพวกผู้หญิงแน่นอน
หวางจื่อเหวินยิ้มๆ พร้อมกับมองไปที่จางฉีโม่ก่อนจะพูดขึ้น“ฉีโม่นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของผม ผมจะแนะนำให้คุณทีละชิ้นแล้วกันนะครับ”
หวางจื่อเหวินมองจางฉีโม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขยับแขนเสื้อ แล้วเริ่มหยิบกล่องของขวัญที่สวยงามบนโต๊ะกระจกขึ้นมา
เขาก็ตั้งใจโชว์นาฬิกาข้อมือที่ดูสวยหรูของตัวเอง มันเป็นนาฬิกาVacheron Constantin รุ่นTraditionnelle มูลค่าสามล้านกว่าๆ
“ฉีโม่นี่เป็นกระเป๋าผู้หญิงที่ผมค่อนข้างตั้งใจเลือกเลยนะ ตอนที่ซื้อมา ก็หวังว่าสักวันจะเจอกับสุภาพสตรีที่งดงามสักคนหนึ่ง เพื่อให้ผมได้มอบมันให้กับเธอ”หวางจื่อเหวินท่าทางดูดีมีสไตล์ ค่อยๆแกะกล่องของขวัญออกอย่างช้าๆ
ภายในกล่องของขวัญที่สวยงามคือกระเป๋าLVสำหรับผู้หญิงหนึ่งใบ ดูแล้วคลาสสิก แต่ดูไม่เชย รายละเอียดการตัดเย็บดูก็รู้ว่ามันประณีตและสวยงามขนาดไหน
หวางจื่อเหวินยิ้มเล็กน้อย ชำเลืองตาไปมองหลินอิ่งอย่างสะใจ
“ฉีโม่ผมชอบกระเป๋าหลุยส์วิคตองใบนี้มาก เพราะว่าเรื่องราวของมัน”หวางจื่อเหวินค่อยๆผ่อนน้ำเสียงลง แล้วแสร้งทำเป็นพูดขึ้นต่อ“เมื่อศตวรรษที่แล้ว ขณะที่กำลังกอบกู้ซากปรักหักพังของเรือไททานิคอยู่นั้น ก็ไปเจอเข้ากับกระเป๋าหนังใบหนึ่ง มันจมดิ่งอยู่ใต้มหาสมุทรอยู่เป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีจุดชำรุดเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว”
“แบรนด์ของกระเป๋าหนังใบนี้ ก็คือหลุยส์วิคตอง”หวางจื่อเหวินค่อยๆพูด พร้อมกับมองมายังจางฉีโม่“ผมให้มันกับคุณ หวังว่าในอนาคต มิตรภาพของพวกเราก็จะอยู่มั่นคงตลอดไปเช่นเดียวกับกระเป๋าใบนี้ ร้อยกว่าปีไม่มีเปลี่ยนแปลง”
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ของหวางจื่อเหวิน สีหน้าของจางฉีโม่ก็ดูอึดอัดสุดๆ ก่อนจะพูดขึ้น“ของขวัญชิ้นนี้มันแพงเกินไป ฉันรับไม่……”
“ไม่ๆๆ……”หวางจื่อเหวินโบกมือพร้อมกับพูดขึ้น ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความจริงใจสุดๆ“ผมบอกแล้วว่า ผมสะสมของขวัญพวกนี้ อยากจะให้มันกับสุภาพสตรีที่งดงามสักคน แล้วก็ต้องเป็นคนที่ผมยอมรับด้วย ซึ่งนั่นก็คือคุณ”
“สำหรับผมแล้ว ความหมายของพวกมันไม่สามารถวัดด้วยตัวเงิน ถ้าพูดถึงเรื่องมูลค่าแล้ว สำหรับผมแล้วมันไม่แพงเลยสักนิด”
หวางจื่อเหวินค่อยๆพูดขึ้น“ความหมายของพวกมัน ก็ขึ้นอยู่กับ คนที่ผมจะมอบให้”
พูดพลาง หวางจื่อเหวินก็เปิดกล่องของขวัญออกทีละกล่อง มีน้ำหอมของแชแนล กลิ่นต่างๆประมาณสิบกว่ากลิ่น เข็มขัดรัดเอวLVรุ่นเดียวกันแต่มีทุกสี แล้วก็ผ้าพันคอของแอร์เมสแต่ละรุ่น……
ประมาณว่าแทบจะครบหมดทุกอย่าง ของแบรนด์หรูที่ผู้หญิงจะสามารถใช้ได้
“ฉีโม่ ถ้าเกิดรู้สึกชอบใจล่ะก็ ผมหวังว่าจะมีโอกาสได้ไปด้วยกันกับคุณ จะได้ช่วยเลือกเครื่องแต่งกายที่คุณชอบยังไงล่ะ”หวางจื่อเหวินพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“ฉีโม่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิวเวลรี่ ดังนั้น ในส่วนของเครื่องประดับ ผมก็ไม่กล้าจะไปทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้วล่ะ……”
พูดจบ หวางจื่อเหวินก็มองจางฉีโม่พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย รอฉีโม่รับของขวัญของเขา
สายตาที่เขาหันไปมองหลินอิ่งดูสะใจสุดๆ เผยเห็นถึงความรู้สึกเหนือกว่าอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองแสดงออกไปมันไร้ที่ติที่สุดแล้ว ดูถ่อมเนื้อถ่อมตัวแต่ก็สง่างาม มีเงินแต่ก็วางตัวเป็น
ทางด้านของการแสดง สามารถเอาชนะไอ้เศษสวะอย่างหลินอิ่งได้อย่างแน่นอน
แถมตอนแรกที่รวบรวมพวกของขวัญเหล่านี้ก็คิดแล้วคิดอีก ใช้ทักษะพิเศษเท่าที่มี โดยทั่วไปแล้วก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของที่ผู้หญิงรักใคร่ที่สุด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง จางฉีโม่ที่ตระกูลธรรมดาทั่วไป ก็แค่จู่ๆก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในวงการจิวเวลรี่ บวกกับสามีของจางฉีโม่ หลินอิ่งก็ช่างน่าสมเพชขนาดนี้ ไม่มีปัญญาแม้แต่จะให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แล้วจะปฏิเสธคุณชายชั้นสูงที่เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการแห่งของเมืองชิงหยูน
แบบเขาหวางจื่อเหวินคนนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ?
“พี่หวาง นี่คุณทุ่มเทเกินไปแล้ว!ฉันเริ่มชักจะอิจฉาตาร้อนแล้วสิ!”อูฉู่เวินก็เริ่มรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ของเสื้อผ้าเครื่องประดับที่หวางจื่อเหวินจะมอบให้กับจางฉีโม่ เกรดดีกว่าของที่อยู่บนตัวเธอเสียอีก
“ทั้งเซตนี้ หลายล้านอยู่นะ”เสิ่นห้าวก็กอดอกพูดขึ้น“แค่ของขวัญสำหรับตอนที่เจอกันครั้งแรกของพี่หวางเท่านั้น มากมายมหาศาลขนาดนี้เชียว!”
“เอ่อ……คือฉันรับของขวัญจากคุณไม่ได้จริงๆค่ะคุณชายหวางทุกคนก็เพิ่งจะมาเจอหน้ากันครั้งแรกเอง”จางฉีโม่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอก็พอจะดูออกว่าของขวัญพวกนี้มันราคาแพงขนาดไหน
ของขวัญตอนเจอกันก็แพงเกินไปจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ผลของการละโมบเอาของของคนอื่น เธอรู้ดี……
“ฉีโม่คุณไม่ต้องรู้สึกว่าพวกมันราคาแพงหรอก แค่คุณชอบก็พอแล้ว”หวางจื่อเหวินพูดยิ้มๆ“สำหรับวงการนี้ของพวกเราแล้ว ของขวัญเล็กๆน้อยๆพวกนี้มันไม่ได้แพงอะไรเลย ฉีโม่คุณมาพบหน้ากับทุกๆคนครั้งแรก แน่นอนว่าผมก็ต้องต้อนรับคุณอย่างยิ่งใหญ่ จะให้น้อยหน้าในวงการนี้ไม่ได้”
“ฉีโม่ ดูจากรูปร่างหน้าตาและความสามารถของคุณแล้ว ของพวกนี้ คุณสมควรจะมีไว้นะ”หวางจื่อเหวินไม่หยุดที่จะชมว่าเธอสวย
จางฉีโม่กัดริมฝีปากเบาๆ งานเลี้ยงประเภทนี้เธอรู้สึกไม่คุ้นชินกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว จะปฏิเสธก็ไม่ได้ รับของขวัญไว้ก็ไม่ได้อีก สีหน้าอับจนหนทาง หันไปมองหลินอิ่ง
หลินอิ่งสีหน้าปกติ ดันของขวัญราคาแพงพวกนั้นไปอีกฝั่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“ขออภัยครับ ฉีโม่ไม่ต้องการของขวัญของคุณ คุณเก็บกลับไปเถอะครับ”
“อะไร? เศษสวะเกาะผู้หญิงกินแบบแก กล้าดียังไงมาตัดสินใจแทนฉีโม่?”สุนัขรับใช้ฉินเฟยถามขึ้นมาก่อน
“แล้ว แกรู้ได้ยังไงว่าฉีโม่ไม่ชอบของขวัญพวกนี้? ฉันดูแล้วเป็นเพราะว่าแกอยู่ที่นี่ด้วยต่างหากล่ะ ถึงทำให้ฉีโม่รู้สึกอึดอัดในใจ!”เสิ่นห้าวพูดขึ้นด้วยความโมโหฉุนเฉียว“แกก้มไปดูกระเป๋าโทรมๆของตัวเองก่อนเถอะ ยังกล้าแบกหน้าเข้ามาในหมิงเป่าซวนอีก หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้างนะ!แกไร้ความสามารถเอง หรือว่ายังคิดจะพาให้ฉีโม่ต้องอับอายขายขี้หน้าไปด้วยอีกคน?”
“เหอะๆหลินอิ่งแกนี่มันแปลกจริงๆ”อูฉู่เวินสบถออกมา สีหน้าดูแคลนสุดๆ“แกรู้สึกตาร้อนแล้ว? อิจฉาพี่หวาง? เป็นผู้ชายแท้ๆ ยังให้อะไรกับเมียตัวเองยังไม่ได้ แถมยังไม่ยอมรับของที่คนอื่นมอบให้อีก? น่าเวทนาจริงๆ”
“เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ไร้น้ำยาถึงขนาดที่ต้องเกาะเมียกิน ยังไม่ยอมรับของขวัญที่คนอื่นให้กับเมียตัวเองอีก น่าสลดเสียจริง”อูฉู่เวินพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ฉันว่าแกกลัวจะรู้สึกผิดมากกว่านะ กลัวว่าจะถูกเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเมียของตัวเอง? ก็เลยจงใจมาหมิงเป่าซวนกับฉีโม่ มาสร้างความวุ่นวายให้กับเธอ?”
“จื่อเหวิน ฉีโม่ทางนี้ของพวกหลานเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ในขณะนี้ ก็มีน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เล็กน้อยดังขึ้นมา
จางหงอี้เดินมาจากห้องอีกด้านหนึ่ง ข้างๆมีหวางโจงเดินมาด้วย
“ลุงสาม ป้า”หวางจื่อเหวินกล่าวทักทาย พูดขึ้นด้วยท่าทางเล่นๆ“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เอาของขวัญมอบให้กับฉีโม่ แต่หลินอิ่งกลับตัดสินใจแทนฉีโม่ บอกว่าฉีโม่ไม่อยากรับไว้ก็เท่านั้นเองครับ”
“อะไร?”หันไปมองสิ่งของราคาแพงที่อยู่บนโต๊ะกระจก แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอหันไปมองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าโกรธอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดขึ้น“หลินอิ่ง แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถึงบอกว่าฉีโม่ไม่อยากรับไว้? แกรู้ไหมว่าสินน้ำใจนี้ของจื่อเหวินมันมีมูลค่ามากมายขนาดไหน? นี่แกคิดจะฉีกหน้าของตระกูลหวางอย่างนั้นเหรอ?”
“ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ!”จางหงอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ฉันจะบอกแกให้นะหลินอิ่ง แกหยุดคิดที่จะเกาะตระกูลจางกินได้แล้ว ในอนาคตฉีโม่ก็จะเข้าสู่วงการชั้นสูงของเมืองชิงหยูน แล้วแกก็อย่าคิดจะมาก่อเรื่องวุ่นวายให้กับฉีโม่ถ่วงความเจริญของเธอด้วย”
“เหอะ!”หวางโจงสีหน้าบึ้งตึง มองหลินอิ่งอย่างเย็นชา“คนบางประเภทนี่มันก็คิดไม่ได้เลยจริงๆ หลังจากที่มาเห็นที่นี่กับตาแล้ว ก็ยังไม่สำเหนียกว่าตัวเองอยู่ระดับไหน?”
จางหงอี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเข้มงวดจริงจัง“ฉีโม่ ป้าตัดสินใจแทนหลานเอง!รับของขวัญของจื่อเหวินไว้ซะ แล้วก็ขอบคุณจื่อเหวินด้วย”