ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 504 เอายาไป พาเด็กหนุ่มแซ่หลินกลับตระกูลฉู่
ฉู่จี้ชังพูดคำพูดทั้งหมดนี้ด้วยความเคร่งขรึม แล้วดื่มน้ำชาอย่างใจเย็น
แน่นอน ยามีค่าอย่างดอกโคม มีค่าเท่ากับชีวิตของยอดฝีมือในรายการแห่งดินคนหนึ่ง แม้กระทั่งชีวิตยอดฝีมือรายการแห่งฟ้าก็นำมาแลกได้ นั่นมันมูลค่าอันล้ำค่าแค่ไหน?
ปล่อยออกไปในแวดวงลึกลับนั้น ก็คือหนี้บุญคุณอันล้นฟ้าของยอดฝีมือคนหนึ่ง
ตระกูลฉู่ซึ่งเป็นตระกูลราชาแห่งยา สามารถยืนหยัดอยู่ในแวดวงลึกลับร้อยปีไม่เคยล้ม ชื่อเสียงโด่งดัง นั่นก็เพราะว่ามีทักษะการแพทย์และยาอันล้ำค่า สามารถช่วยชีวิตคนได้
ยาอันล้ำค่าแบบนี้ ในตระกูลฉู่ก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น จะเอาไปขายให้คนทางโลกไปเลื่อยได้อย่างไร?
ฉู่สงซานสีหน้าเริ่มไม่ค่อยดี จึงต้องกัดฟันพูด “แต่ว่า…….พ่อ ผมคิดว่า บุญคุณของหลินอิ่ง คุ้มค่ากับดอกโคมชิ้นหนึ่งได้ คนคนนี้ไม่ธรรมดา”
“สามหาว น้องหก ยังรู้จักระเบียบวินัยอยู่ไหม พูดกับพ่อยังไง? พ่อบอกให้หุบปาก ยังกล้าเถียงอีก?”
เวลานี้ ภายในห้องโถงมีเสียงต่อว่าของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ดูเหมือนไม่พอใจกับฉู่สงซานมาก
“น้องหก นายดูแลเรื่องในบริษัท แต่ละวันไปมาหาสู่วุ่นวายอยู่กับแต่เรื่องเงินๆทองๆ จนมีกลิ่นเน่าเหม็นจากเงิน สายตาคับแคบไปแล้ว? ต่อหน้าคุณพ่อ พูดอะไรว่าหลินอิ่งไม่ใช่คนธรรมดา? คุณพ่ออยู่ในแวดวงลึกลับนี้มานานตั้งกี่ปี? อบรมลูกศิษย์มาตั้งเท่าไหร่? สิ่งที่เคยพบเห็นจะน้อยไปกว่านายเหรอ?” มีคนตระกูลฉู่พูดประชดประชันขึ้นอีก
หลังจากที่ฉู่สงซานพูดถึงความต้องการแล้ว ไม่เพียงแค่คุณท่านตระกูลฉู่ที่ไม่พอใจ ผู้ใหญ่ในตระกูลฉู่หลายท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็นั่งไม่อยู่
“เห้อ น้องหก นายอาจจะมีผลงานในเมืองก่าง แต่อย่าลืมไปว่า รากฐานของตระกูลฉู่เรานั้นอยู่ในแวดวงลึกลับ อย่าคิดว่าตัวเองสร้างผลงานใหญ่แล้ว อยู่ๆก็มาขอดอกโคมกับคุณพ่อ? คุณชายอิ่งอะไรที่นายพูดถึงนั้น ฉันก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้พื้นฐานของเขา”
“พี่ใหญ่ ถ้าพี่รู้เรื่องราวของหลินอิ่ง ทำไมถึงคิดว่าวิธีที่ผมทำไม่ถูกล่ะ?” ฉู่สงซานถาม
“ได้ยินว่า นายอยู่ที่เมืองก่างก็ติดตามคุณชายอิ่งคนนี้ ล้มอภิมหาเศรษฐีเมืองก่างจนสำเร็จใช่ไหม?” ชายวันกลางคนที่บุคลิกไม่ธรรมดา พูดอย่างมีเหตุมีผล “หลินอิ่งคนนั้น ลูกที่ถูกทิ้งของตระกูลฉี หลังจากกลับคืนสู่ตี้จิงก็ฆ่าล้างตระกูลฉี แล้วก็ฟื้นฟูตระกูลฉี จากนั้น ก็ล้มล้างจี้ฉงซานที่เมืองก่าง ยังควบคุมแก๊งหยางเหมินในเมืองก่าง เรื่องราวพวกนี้ คนในตระกูลฉีเรารู้กันทุกคน”
“ฟังดูแล้ว คุณชายอิ่งคนนี้ยอดเยี่ยมมาก เป็นราชาเป็นผู้มีอำนาจทางโลก ไม่ธรรมดา” ชายวัยกลางคนมุมปากยิ้มอย่างเย็นชา “แต่ว่า น้องหก นายก็ต้องคิดดู ตระกูลเราเป็นตระกูลแบบไหน? มองไปในแวดวงลึกลับ นอกจากอำนาจที่สูงสุดไม่กี่คน ใครที่อยากมาขอยาที่ตระกูลฉู่ไม่ต้องผ่านภูเขาหยุนหลงบ้าง มาตามระเบียบ”
“สำหรับหลินอิ่งคนนี้ โทรศัพท์แค่สายเดียวก็อยากได้ยา ยังจะให้คุณท่านคุยโทรศัพท์กับเขา นายคิดว่าเขาเป็นใคร?” พี่ใหญ่ของตระกูลฉู่ พูดอย่างไม่เกรงใจ
คนตระกูลฉู่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาสำหรับฉู่สงซาน ต่างก็มีข้อคิดเห็นในใจ หรือพูดได้ว่าไม่ค่อยพอใจ
เพราะว่า ฉู่สงซานที่ดูแลกิจการทางโลกอยู่ในเมือง ตำแหน่งคนรุ่นที่สองในตระกูลฉู่ ไม่ได้สูงเท่าไหร่
ครั้งนี้สร้างผลงานใหญ่ในเมืองก่าง ได้รับความชื่นชมจากคุณท่าน และความอิจฉาจากคนรุ่นเดียวกัน
คราวนี้ฉู่สงซานทำให้คุณท่านโกรธแล้ว มีโอกาสแบบนี้ ก็ต้องซ้ำเติมแน่นอน
“ผมขอพูดตามตรง พี่น้องทุกท่าน ทุกคนไม่เคยร่วมงานกับหลินอิ่งด้วยตัวเอง ไม่เข้าใจเขาคนนี้” ฉู่สงซานพูดอย่างจริงจัง “ความกล้าหาญของเขาคนนี้ เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก มันไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนพูดแน่นอน”
“ออ? ใช่เหรอ?” พี่ใหญ่ตระกูลฉู่พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา สายตาดูถูก รู้สึกแค่ว่าฉู่สงซานไม่เคยอยู่ในแวดวงลึกลับ ไม่เคยพบเห็นอะไรในแวดวงนี้มาก่อน
“พอแล้ว เลิกเถียงกันได้แล้ว” ฉู่จี้ชังเปิดปากพูด หรี่ตาเล็กน้อยมองฉู่สงซาน จับแหวนหยกบนนิ้ว เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“คุณปู่ พี่หลินเคยช่วยชีวิตเสี่ยงฝัน ยังเคยช่วยคุณพ่อ คุณปู่ตอบตกลงเถอะนะคะ?”
เวลานี้ ฉู่ฉู่ที่นั่งอยู่ข้างคุณท่านฉู่ ก็พูดขอร้องขึ้นมากะทันหัน
“คุณปู่สอนหนูมาตลอด บุญคุณต้องทดแทนไม่ใช่เหรอคะ? พี่หลินเขาเป็นคนจิตใจดีมาก ตอนนี้เขากำลังลำบาก ตระกูลฉู่ของเราน่าจะต้องช่วยเหลือเขา อีกอย่างเขาก็ยอมตอบแทน” ฉู่ฉู่พูดจาขอร้อง
“เหอะเหอะเหอะ……” ฉู่จี้ชังหัวเราะขึ้นมา สายตาอันใจดีมองไปที่ฉู่ฉู่ จับหัวของหลานสาว
“ฉู่ฉู่ หลายวันนี้เราพูดกับปู่ตลอดว่าคุณหลินอะไรนั่น ก็คือหลินอิ่งใช่ไหม?” ฉู่จี้ชังสายตาเต็มไปด้วยความรู้ พูดด้วยเสียงหัวเราะ “หนูเคยเจอกับเด็กหนุ่มแซ่หลินคนนี้แค่ไม่กี่ครั้ง ก็ช่วยเขาพูดขนาดนี้? พี่หลิน? ดูแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็เก่งพอสมควรนะ”
“คุณปู่ ท่าน……” ฉู่ฉู่แก้มแดง พูดจาอ้ำอึ้ง “ไม่ว่ายังไง หนูคิดว่าควรจะช่วย”
“ไร้สาระกันใหญ่แล้ว ฉู่ฉู่ พูดอะไรกับคุณท่านแบบนี้?” พี่ใหญ่ตระกูลฉู่พูดต่อว่า “ลุงจะบอกหนู เรื่องใหญ่ในตระกูลแบบนี้ หนูไม่เข้าใจก็อย่าพูดอะไรไปเลื่อย”
“ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก หนูรู้แค่ว่าคุณปู่เคยสอน เป็นคนต้องรู้จักบุญคุณ ไม่ควรติดหนี้บุญคุณคน” ฉู่ฉู่พูดอย่างจริงจัง
“เธอ ยังกล้าเถียงลุงอีกเหรอ?” พี่ใหญ่ตระกูลฉู่สีหน้าไม่ดี พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ลูกก็หุบปากได้แล้ว” ฉู่จี้ชังขึงตาใส่ พี่ใหญ่ตระกูลฉู่รีบนั่งลงอย่างเชื่อฟัง ท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉู่ฉู่ ยังเข้าใจเหตุผลนี้? พวกเราทั้งหลาย ทำไมถึงยังไม่เข้าใจ?” ฉู่จี้ชังพูดอย่างใจเย็น “ตอนแรกที่ฉันไม่ให้โอกาสสงซาน ก็เพราะอยากดูว่าพวกเธอทั้งหลายจะพูดยังไงกัน ปรากฏว่า แต่ละคนสายตาคับแคบ ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ”
“ฐานะของหลินอิ่งคนนี้ ไม่มีใครรู้ดีกว่าฉัน เขาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเพื่อนเก่าของฉันเอง” ฉู่จี้ชังพูดอย่างเด็ดขาด “สงซาน เอาดอกโคมไป ออกเดินทางไปตี้จิงเดี๋ยวนี้ เอาไปให้หลินอิ่ง”
ฉู่สงซานสีหน้าตะลึง คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะตอบตกลงกะทันหันแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้น คุณพ่อ ต้องการให้เขา……”
“ฉันไม่เอาหรอกพวกเงินทองอะไรนั่น ดอกโคมเอาไปให้ไอ้หนุ่มแซ่หลิน แล้วเขา ต้องดูแลหลานสาวของฉันดีๆ” ฉู่จี้ชังพูดอย่างใจเย็น “ฉันดูออกว่า หลานสาวโตแล้วรั้งไม่อยู่แล้ว”
“สงซาน ยา ลูกเอาไป กลับมา ต้องพาหนุ่มแซ่หลินกลับมาตระกูลฉู่ ฟังเข้าใจหรือยัง?”
“นำคำพูดของฉัน ไปบอกหลินอิ่งเหมือนกันทุกคำ ดูว่าเด็กหนุ่มนี่ รับหรือไม่รับยา”