ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 51 ปฏิเสธ
บทที่ 51 ปฏิเสธ
“ฉีโม่บอกแล้วว่าไม่รับของขวัญ คุณจะบังคับเธอเหรอ?” หลินอิ่งพูดขึ้นเย็นชา มองจางหงอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา
ถ้าฉีโม่ยินดีรับของขวัญไว้เอง เขาก็ไม่ต้องพูดอะไร ไม่มีวันขัดขวาง
แต่ เขาไม่ยอมให้ใครไปบังคับฉีโม่เด็ดขาด
“เกินไปแล้ว กล้ามาเถียงฉัน” จางหงอี้โกรธมาก จ้องหน้าหลินอิ่ง “นายว่าฉีโม่ไม่อยากได้ก็ไม่อยากได้รึไง? ก็เพราะไอ้ขยะอย่างแกคอยก่อกวน เห็นคนอื่นเขาดีไม่ได้? ฉันว่าแกนี่มันเลวสุด ๆ เลยนะ”
“ใช่ ไอ้ขยะอย่างแกนึกว่าตัวเองเป็นสามีของฉีโม่เหรอ? ขนาดน้ารองของฉีโม่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไม่ใช่ธุระของแกที่จะมาพูดอะไรตรงนี้?” ฉินเฟยช่วยพูดอีกแรง จ้องตาหลินอิ่ง
“คนแบบนี้น่าขยะแขยง เห็นอยู่ว่าอิจฉาพี่หวาง ถ้ามีปัญญาก็ซื้อของให้เมียตัวเองซิ อย่ามาห้ามคนให้ของขวัญ” อูฉู่เวินพูดเสียดสีขึ้นมา
“ของขวัญพวกนี้มันแพงมากเหรอ?” หลินอิ่งถามขึ้นเสียงเรียบ
“ฮาฮา ตลกตายเลย บ้านนอกชัด ๆ ไม่รู้ใช่ไหมว่าของพวกนี้มันแพงขนาดไหน มันคงนึกว่าเป็นของไม่กี่ร้อย” อูฉู่เวินหัวเราะเยาะไม่ไว้หน้า
“หลินอิ่ง ของขวัญชิ้นนี้ของจื่อเหวินให้ด้วยความจริงใจ เงินตั้งหลายล้าน นายทำงานทั้งชาติก็หาเงินเยอะขนาดนี้ไม่ได้ รู้ไหม? ถึงตอนนี้แล้วนายยังไม่เจียมตัวอีกเหรอ?” จางหงอี้ยิ้มหน้าเย็นชาพูดขึ้น “ฉีโม่จะเข้าสู่สังคมไฮโซในเมืองชิงหยูน นายกับเธอมันต่างกันราวฟ้ากับดิน ยังกล้าคิดว่าตระกูลจางจะเก็บน่าตัวเมียอย่างนายไว้เหรอ?”
“ผู้ช่วยหลิน นี่เป็นแค่ของขวัญเล็ก ๆ ที่ผมให้ฉีโม่เท่านั้น หรือว่า ผู้ชายแท้ ๆ อย่างคุณจะไม่รับน้ำใจไว้เลยหรือ?” หวางจื่อเหวินพูดขึ้นยิ้มเฉื่อย ๆ “หรือว่า เป็นเพราะความไร้น้ำยาอย่างคุณ รับไม่ได้กับเรื่องแค่นี้?”
“หลินอิ่งมองหน้าหวางจื่อเหวิน ยิ้มขึ้น พูดว่า “รับไม่ได้? ไม่ ๆ ๆ สิ่งที่ผมอยากพูดคือ ของพวกนี้มันไม่อยู่ในสายตาฉีโม่หรอก”
“เหอะ ผู้ช่วยหลิน ผมอยากรู้นัก ไม่อยู่ในสายตานี่มันหมายความว่าอย่างไง?” หวางจื่อเหวินทนความโกรธไว้ไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “คุณกล้าพูดเหรอว่านี่คือความหมายของฉีโม่?”
นี่มันไม่ไว้หน้าเขาชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?
ข้างหน้าก็จัดฉากอย่างดี ของขวัญก็เอามาแล้ว แต่กลับบอกว่าไม่อยู่ในสายตา? แล้วจะให้เขาเอาหน้าไปไว้ไหน?
เขาเป็นถึงลูกขายตระกูลผู้ดีอย่างตระกูลหวางในเมืองชิงหยูน ออกมือก็ให้ของขวัญราคาหลายล้าน แต่กลับบอกว่าไม่อยู่ในสายตา?
เมืองชิงหยูนจะมีสักกี่คนที่กล้าไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้
แม้แต่จางหงซวนกับจางหงจูนของตระกูลจางอยู่ต่อหน้าเขา ยังไม่กล้าอวดดีขนาดนี้?
“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ถามฉีโม่เอง ยินดีรับของขวัญของคุณหวางจื่อเหวินไหม” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ
สายตาหวางจื่อเหวินมองไปที่หลินอิ่งอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยิ้มขึ้น ถามจางฉีโม่อย่างมีมารยาท
“ฉีโม่ ผมว่า คุณคงไม่ปฏิเสธน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมหรอกนะ?” หวางจื่อเหวินถามขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ใช่ ฉีโม่เธอไม่ต้องไว้หน้าไอ้ขยะนั่น ชอบก็รับไว้เลย” ฉินเฟยช่วยพูดขึ้นอีกแรง
“ฉีโม่ ถ้าไอ้ขยะนั่นไม่พอใจ เธอก็พูดกับเราหรือพี่หวางเลย รับรองมันไม่กล้าแม้แต่ผายลม” เสิ่นห้าวพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“รับไว้ ฉีโม่ เธออย่าทำให้ตัวเองต้องขายหน้าเพราะไอ้หน้าตัวเมียนั่น อะไรไม่อยู่ในสายตา? นี่มันย่ำยีศักดิ์ศรีของตระกูลหวาง? อย่าทำให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะ” จางหงอี้พูดขึ้นเสียงเครียด
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ล้วนรอคำพูดของจางฉีโม่
หวางจื่อเหวินสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง รอคำขอบคุณจากจางฉีโม่
พูดถึงขั้นนี้แล้ว และก็ขึ้นอยู่กับการไว้หน้าของทั้งสองฝั่งแล้ว
ขอแค่จางฉีโม่รับของขวัญไว้ แบบนี้แล้ว คำพูดที่หลินอิ่งพูดก่อนหน้านี้ก็เหมือนตบหน้าตัวเอง เรื่องนี้พูดออกไป ลูกเขยไร้น้ำยาของตระกูลจางก็ยิ่งกลายเป็นตัวตลกไปอีก
อีกอย่าง หวางจื่อเหวินมีความเชื่อมั่น เขาไม่เชื่อว่าจางฉีโม่จะปฏิเสธความหวังดีของเขา เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ไว้หน้าเขาเพื่อหลินอิ่ง?
ฐานะตระกูลร่ำรวยอย่างตระกูลหวาง ให้ของขวัญระดับนี้ เมื่อเทียบกับคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง มันเทียบกันไม่ได้เลย
จางฉีโม่ก็โดนพูดจนรู้สึกอึดอัด ถอนหายใจ พูดขึ้นหน้าเรียบ “คุณชายหวาง น้ำใจคุณฉันรับไว้ แต่สำหรับของขวัญฉันรับไม่ได้ค่ะ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปทันที
นี่มัน? ชั่งไม่รู้สึกสำนึกเลย? คุณชายตระกูลผู้ดีอย่างหวางจื่อเหวินโยนทองให้แบบนี้ เธอกลับไม่รับ? ยังเห็นดีกับคำพูดของไอ้ขยะนั่นอีก? ไม่อยู่ในสายตา?
หวางจื่อเหวินอึ้งไปทันที เหมือนโดนฟ้าผ่า รู้สึกใบหน้าร้อนแดงขึ้น ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ถามขึ้นว่า “เพราะอะไร?”
ตัวเองพูดจาอย่างดี ส่งของขวัญให้เธอ เธอกลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ไม่รับ? นี่ถ้าข่าวลือออกไป จะขายหน้าขนาดไหน?
“ไม่เพราะอะไร” จางฉีโม่ส่ายหัวตอบ นี่มันเป็นหลักการของเธอเอง
“ฉีโม่ เพราะไอ้ขยะนี่มันข่มขู่คุณใช่ไหม?” หวางจื่อเหวินถามขึ้นอย่างมีอารมณ์ รู้สึกขายหน้ามาก ต้องกู้สถานการณ์กลับมาให้ได้ “คุณมีอะไรอยู่ในมือมัน? คุณพูดซิ ผมช่วยคุณเอง ถ้าคุณเกลียดมัน ผมให้มันออกจากเมืองชิงหยูนเดี๋ยวนี้ ไม่ให้มันกลับมาที่นี่อีก”
“คุณชายหวาง นี่เป็นเรื่องของฉันเอง ฉันรู้สึกว่า คุณจะฝืนเกินไปไหมคะ” จางฉีโม่พูดขึ้นเสียงเรียบ น้ำเสียงเริ่มไม่เกรงใจ
คนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกไม่น่าเชื่อ คิดเหตุผลไม่ออก จางฉีโม่กล้าผิดใจหวางจื่อเหวินคนที่ดีกับเธอขนาดนี้ จริงใจขนาดนี้ และยังเพียบพร้อมทุกอย่าง เพราะคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง
อีกอย่าง หวางจื่อเหวินยังเป็นลูกชายตระกูลดังในเมืองชิงหยูนอีกด้วย?
หรือว่าจางฉีโม่จะยอมปล่อยโอกาสครั้งหนึ่งที่จะได้เข้าตระกูลไฮโซอย่างตระกูลหวาง? จะอยู่กับคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง?
“ ฉีโม่ เธอนี่พูดตลกแล้ว” เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี จางหงอี้ก็รีบลุกขึ้นพูด สีหน้าผิดหวัง “น้ารองหาโอกาสให้เธอในการรู้จักผู้คน เธอกลับไม่ไว้หน้าน้ารองเลย และยังไม่ไว้หน้าตระกูลหวางอีก?”
“คำพูดของคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่งเธอก็ฟัง? เธอฟังเขา หรือจะฟังน้ารอง? เธอไม่เคารพน้ารองแล้วใช่ไหม?” จางหงอี้พูดขึ้นเสียงแข็งในฐานะผู้อวุโส
“น้ารอง หนูไม่ได้ไม่เคารพ หนู……” จางฉีโม่สีหน้าหนักใจ ไม่รู้ควรพูดอะไรดี
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะฟังน้ารอง รับของขวัญจากหวางจื่อเหวินในฐานะเพื่อนก็ไม่ได้เป็นอะไร
แต่ช่วงที่ผ่านมาเธอกับหลินอิ่งร่วมกันออกแบบKing of the world และผ่านอะไรหลาย ๆ เรื่องร่วมกันมา ถึงแม้เธอจะไม่พอใจในฐานะของหลินอิ่ง แต่ในใจก็ไม่อยากให้ หลินอิ่งวางตัวลำบาก ยังไงแล้วเขาก็เป็นสามีของเธอ
“ดีใจซินะหลินอิ่ง แกนี่มันน่าตัวเมียที่เก่งกาจจริงนะ” จางหงอี้เปิดปากด่าหลินอิ่งขึ้นมา “ไม่มีเงิน ไม่มีความสามารถ ยังเอาฉีโม่อยู่หมัดได้ ไม่รู้ว่าแกให้เธอกินยาอะไร แกนี่มันไร้กาจจริง ๆ สักวันฉันจะถีบแกออกจากประตูตระกูลจาง”
พูดจบ จางหงอี้มองไปที่จางฉีโม่ พูดขึ้นจริงจัง “ฉีโม่ ของขวัญของจื่อเหวินฉันรับแทนเธอแล้วกัน ฉันจะเอาไปให้พ่อแม่เธอ ของขวัญของตระกูลหวาง ไม่เคยมีคนกล้าปฏิเสธ”